วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

"หมัก"ถอยแล้ว พปช.ฝุ่นตลบ-"2ส."ชิงดำ

สมพงษ์-สมชาย นัดตัดสินวันนี้ 5พรรคร่วมเผย ตั้งใจทำสภาล่ม โวยปชป.หักหลัง ฉวย-ชิงนายกฯ
"พันธมิตร"ออกมาเรียกร้องให้รัฐประหารอีกครั้ง หลังหมักประกาศถอดใจไม่รับเก้าอี้แห่งชาติ หรือไม่ก็ให้ 5 พรรคร่วมจับมือปชป.ตั้งรัฐบาล สุดท้ายเรียกร้องให้ทหารออกมารัฐ ประหาร อ้างสังคมกำลังถวิลหา ขณะที่ตอนเช้าม็อบนปช.ยกขบวนพรึ่บหน้ารัฐสภา หนุนหมักนั่งนายกฯ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะสภาล่ม ส.ส.ไม่ครบองค์ประชุม เลยสลายตัวแยกย้ายกลับบ้าน ขณะที่แกนนำพธม.สั่งห้ามเยาวชนกู้ชาติเคลื่อนพลไปสภาเพราะหวั่นปะทะกับนปช. -ม็อบเชียร์หมักพรึบหน้ารัฐสภาเมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 12 ก.ย. บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า กลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนายสมัคร สุนทรเวช ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากจังหวัดต่างๆ อาทิ ขอนแก่น บุรีรัมย์ อุดรธานี ประมาณ 500 คน นำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ได้นัดรวมตัวกันก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังหน้ารัฐสภา ปักหลักบริเวณหน้าสวนสัตว์ดุสิต ตรงข้ามรัฐสภาในเวลา 06.00 น. โดยมีรถ 6 ล้อติดตั้งเครื่องขยายเสียง โดยแกนนำผลัดกันขึ้นกล่าวปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไปชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่สวมเสื้อยืดสีแดง และผูกผ้าพันคอสีแดงเขียนว่า "ร่วมรักษาประชาธิป ไตย" อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกหลายกลุ่มที่ใส่เสื้อสีต่างๆ กัน อาทิ ขาว เขียว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของแต่ละกลุ่มด้วย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบช.น. และบช.ภ.2 จำนวน 7 กองร้อยพร้อมด้วยโล่ป้องกันตัว แต่ปราศจากกระบอง ผลัดเปลี่ยนกันควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในรัฐสภา รวมทั้งได้เตรียมรถฉีดน้ำดับเพลิงมาเตรียมสลายการชุมนุมหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง-ตร.ตรึงรับมือม็อบชนม็อบเวลา 08.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. รักษาการผบช.น. กล่าวหลังมาตรวจความเรียบร้อยว่า พอใจในการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจัดกำลังมาตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันที่ 1 ก.ย. โดยจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ 7 กองร้อย แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ 1 กองร้อย ดูความเรียบร้อยบริเวณหน้ารัฐสภา ส่วนอีก 6 กองร้อยจะตรึงกำลังอยู่ภายใน โดยเตรียมแก๊สน้ำตา ไม้กระบอง และโล่ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในรัฐสภาพล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้สนธิกำลังจากทหารจำนวน 2 กองร้อยเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มนักศึกษาที่จะเคลื่อนขบวนมายังหน้ารัฐสภา ทางเจ้าหน้าที่จะขอความร่วมมือให้กลุ่ม นปช.ย้ายการชุมนุมไปที่หน้าสวนสัตว์ ดุสิตเพื่อเว้นระยะห่างอย่างน้อย 50 เมตร และจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวป้องกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมรั้วเหล็กกั้นบริเวณถนนอู่ทองระหว่างสนามเสือป่าและพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อป้องกันหากกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มใดก็ตามเคลื่อนที่เข้าหากันด้วยผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุม ประกอบด้วย นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายขวัญชัย ไพรพนา นายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรฯ ได้ปราศรัยโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยึดทำเนียบเอาไว้ พร้อมระบุว่าขอให้อยู่ในนั้น อย่าออกมา ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการปะทะกันได้ นอกจากนี้ยังปราศรัยสนับสนุนให้ส.ส. เลือกนายสมัครขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ หาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนคนไหนไม่สนับสนุนนายสมัครขอให้ระวังตัวไว้ เพราะที่ได้รับการเลือกตั้งมาครั้งนี้ไม่ใช่เพราะตัวเอง แต่เพราะบารมีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร-สภาน.ศ.รามฯต้านรบ.แห่งชาติผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการปราศรัยของแกนนำได้มีประชาชนจากจังหวัดต่างๆ ทยอยมาร่วมชุมนุม จนต้องปิดช่องทางจราจรบริเวณหน้าสวนสัตว์ดุสิต 1 ช่องทาง โดยมีส.ส.อุดรธานี ประกอบด้วยพ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ และนายวิเชียร ขาวขำ เดินออกมาพบปะกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งได้ชูมือโห่ร้องแสดงความยินดีนอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักศึกษารามคำแหงประมาณ 30 คน นำโดยนายชลิต พิศวง ประธานสภานักศึกษารามคำแหง มาร่วมชุมนุมพร้อมแจกแถลงการณ์แนวร่วมนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตย ระบุว่าขอเรียกร้องให้เคารพกติกาประชาธิปไตย การตัดสินใจของประชาชนและรัฐบาลที่มาจากประชาชน รวมทั้งเรียกร้องไม่ให้ทหารปฏิวัติ และไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ และให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวภายใต้กรอบของกฎหมาย -สภาเลื่อน-ม็อบนปช.สลายตัวผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มธรรมยาตรา นำโดยนายสมาน ศรีงาม และพระมหาบุญถึง ชุตินุชโร เจ้าอาวาสวัดตะล่อม ประธานสภาธรรมาธิปไตย พร้อมภิกษุ 30 รูป เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือให้ตัวแทนของพรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสนับสนุนการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เมื่อยื่นหนังสือเรียบร้อยกลุ่มธรรมยาตราและพระภิกษุได้เดินออกจากรัฐสภาผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมีคนตะโกนขึ้นมาว่าคนกลุ่มนี้เป็นพระปลอม เป็นพวกพันธมิตรฯ แล้วจึงมีการขว้างปาขวดน้ำ รวมทั้งมีกลุ่มวัยรุ่นสวมเสื้อแดง ใส่หมวกกันน็อก วิ่งกรูเข้าหากลุ่มพระภิกษุ แต่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศให้กลุ่มวัยรุ่นกลับมาให้หมด ทำให้ไม่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมีการรายงานข่าวว่ามีการเลื่อนการประชุมสภาออกไปทำให้กลุ่มแกนนำจับกลุ่มวิจารณ์ ก่อนจะกล่าวปราศรัยโจมตี ส.ส.ที่ไม่ยอมเข้าร่วมประชุม จนทำให้องค์ประชุมไม่ครบ โดยเฉพาะส.ส.พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล โดยระบุว่าอาจยื่นถอดถอนออกจากการเป็นส.ส. เนื่องจากไม่ทำหน้าที่มาประชุมสภา พร้อมขู่จะเดินทางไปชุมนุมที่หน้าพรรคพลังประชาชน อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวในเวลา 11.00 น.โดยประกาศให้หลีกเลี่ยงที่จะเดินทางผ่านไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง โดยกลุ่มคนรักอุดรได้ขึ้นรถโดยสารกลับจังหวัดอุดรธานี ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนยังไปปักหลักชุมนุมที่ท่าน้ำนนท์-"มหา"สั่งพธม.ห้ามเคลื่อนพลส่วนความคืบหน้าของม็อบพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 07.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเช้าเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยผู้ชุมนุมต่างเฝ้าติดตามข่าวการลงมติเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ส่วนบนเวทีปราศรัยมีการจัดรายการข่าวยามเช้า พร้อมประกาศห้ามกลุ่มพันธมิตรฯ ไปชุมนุมที่รัฐสภาอย่างเด็ดขาดต่อมาพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธ มิตรฯ กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาเยาวชนกู้ชาติมาขอหารือกับแกนนำพันธ มิตรฯ เรื่องการเคลื่อนไหวไปที่บริเวณหน้ารัฐสภา ซึ่งแกนนำพันธมิตรฯ หารือกันเมื่อคืนวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา และมีมติเอกฉันท์ว่า ไม่ให้กลุ่มนักศึกษาและกลุ่มพันธมิตรฯ ไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 12 ก.ย. เพราะทราบว่ารัฐบาลส่งคนไปว่าจ้างกุ๊ยอันธพาลจากภาคอีสาน และ จ.นนทบุรี เพื่อมาหาเรื่องทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อให้ผลออกมาว่ายกคนไปตีกันที่หน้าสภา ทั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมกันอย่างสันติ อหิงสา มาตลอด 111 วัน และจะดำเนินจุดมุ่งหมายเดิมต่อไป"ขอประกาศให้ทราบว่าแกนนำพันธมิตรฯ ไตร่ตรองอย่างรอบคอบเพราะต้องรับผิดชอบประชาชนทุกคน ยืนยันว่าวันนี้กลุ่มเยาวชนจะทำกิจกรรมพิเศษ แสดงออกทางศิลปะทางการเมืองที่บริเวณสะพานมัฆวานฯ จึงต้องมาประกาศให้ทราบถึงมติของแกนนำ เราเป็นนักสู้ไม่กลัวอยู่แล้ว ถ้ากลัวคงกลับบ้านไปนานแล้ว แต่ต้องสุขุมรอบคอบ ยืนยันทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ จากมัฆวานฯ และทำเนียบจะไม่ไปหน้ารัฐสภาเด็ดขาด" พล.ต. จำลองกล่าว-ไม่เอานายกฯจาก 6 พรรคร่วมเวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าว พล.ต.จำลอง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ร่วมกันแถลงหลังทราบว่าสภาผู้แทนราษฎรเลื่อนการพิจารณาลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไปเป็นวันที่ 17 ก.ย. โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง เป็นเรื่องของนักเลือกตั้งที่เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัวจะทะเลาะกัน แต่พอเจรจากันได้ทุกอย่างก็จบ เป็นลักษณะของซ่องโจรธรรมดา ซึ่งพันธมิตรฯ ยังยืนยันในจุดเดิมว่าถ้านายกฯ มาจากคนในพรรคพลังประชาชนและในพรรคร่วมรัฐบาลพันธมิตรฯ จะยังชุมนุมต่อไป เพราะปัญหายังเหมือนเดิม เพราะคนพวกนี้ไม่เคยคิดแก้ปัญหาประเทศชาติ รวมทั้งได้ทำผิดนายสมศักดิ์กล่าวว่า การที่พรรคพลังประชาชนยังคงสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ เป็นไปตามทฤษฎีหมัดหมา เมื่อหมาก่อนจะตายจะหลั่งเลือดอย่างแรง หัวหน้าหมัดหมาทั้งหลายจะเข้ามาเก็งกำไร เข้ามาดูดเลือดที่ใกล้หัวใจที่สุด แต่เมื่อหมาตายจะกระโดดไปเกาะหมาตัวอื่น สักพักหมาเจ้าของเลือดจะบอกว่าดูดกันจนพอใจแล้วก็ลงตัว แต่เที่ยวนี้คงจะลำบาก เพราะวันที่ 17 ก.ย.นี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะอ่านคำพิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ จะเป็นช่วง 5 วันอันตราย ต้องจับตาดูว่าเมื่อหมาตายแล้วหมัดทั้งหลายคงจะวิ่งกันหูตูบ เพราะไม่เหลือเงินให้สูบแล้ว-ยังแทงกั๊ก"มาร์ค"นั่งนายกฯนายสมศักดิ์กล่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ คือสมุนรับใช้อดีตนายกฯ ทักษิณ โดยเฉพาะนายสมชายเป็นน้องเขย ให้เข้ามาบริหารประเทศก่อนไม่ได้ ล่าสุดนายสุทิน คลังแสง รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ประกาศต้องทำตามคำสั่งคนจากลอนดอน ลักษณะนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการทุนสามานย์ ที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน ไม่สนใจปัญหาประเทศชาติ และความเดือดร้อนของประชาชน ถ้าออกจากการเป็นรัฐบาลปัญหาจะคลี่คลาย แต่ยังดื้อดึงเดินหน้าสร้างวิกฤตให้กับประเทศชาติ โดยเฉพาะการไม่ยอมยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม เห็นได้ชัดเจนว่าต้องการทำร้ายประเทศชาติ และวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังประกาศชัดว่าจะฟังเสียงพรรคพลังประชาชน ทั้งที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บอกว่าพรรคเสียงข้างมากต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น บอกแต่ว่าส.ส.จะเลือกใครในสภาคนนั้นเป็นนายกฯ ได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่เป็นหัวหน้าพรรคเมื่อถามว่าถ้าเป็นสูตรพรรคร่วมรัฐบาลไปหนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ พันธมิตรฯ จะรับได้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีแถลงการณ์ออกมา ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป ขึ้นอยู่กันมติเสียงส่วนใหญ่ ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องไม่รับ แต่ยังไม่พูดเมื่อยังไม่ถึงเหตุการณ์นั้น ส่วนรัฐบาลแห่งชาติจะเป็นทางออกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะมีรูปแบบอย่างไร เพราะตีความได้มาก ต้องรอดูว่าจะนำเสนออย่างไรแล้วแกนนำจึงจะนำเสนออีกที ที่สำคัญต้องพิจารณาว่ารัฐบาลแห่งชาติจะแก้ปัญหาให้ประเทศชาติได้หรือไม่ ถ้ามีรัฐบาลแห่งชาติต้องมีเงื่อนไขว่า 1.ไม่แก้รัฐธรรมนูญ 2.ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ถ้าพบความผิดต้องยึดทรัพย์สินมาเป็นของรัฐ และ 3.การเมืองในอนาคตต้องไม่โกง ถ้าคำตอบเหล่านี้ชัดเจนมีหลักประกัน แต่ถ้าไม่มีคำตอบคงต้องเดินหน้าชุมนุมกันต่อไป-ชี้นายกฯต้องไม่เคยทำชั่วนายสมศักดิ์กล่าวว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้กำหนด สเป๊กนายกฯ แต่กำหนดหลักการว่าต้องเป็นคนดี อย่างน้อยไม่เคยทำความชั่ว จนเป็นที่แจ้งประจักษ์ ไม่เคยมีคดี ไม่เคยมีความชั่วช้า ไม่เคยขายแผ่นดิน เท่าที่เห็นมีแต่คดีติดตัวมอมแมมไปหมด ปลอมใบสุทธิ อยู่ในคดี ประเทศไทยมาถึงจุดที่ว่าหาคนเลวน้อยกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ ทางออกถ้าจะมีต้องเป็นทางออกของประเทศ ไม่ใช่ทางออกของนักเลือกตั้ง การต่อสู้ของเราต้องคุ้มทุนที่ทำไปแล้ว ความเสียหายที่ผ่านมาเป็นต้นทุนที่มากพอสมควร ดังนั้น สิ่งที่ได้มาใหม่ต้องมากกว่าสิ่งที่เสียหายไป เมื่อผ่าตัดไปแล้วโรคต้องหาย สุขภาพต้องดี ประเทศต้องได้ประโยชน์นายสมศักดิ์กล่าวถึงมาตรการจะกดดันให้เข้มข้นมากกว่านี้ว่า พันธมิตรฯ จะชุมนุมกันต่อไป ขณะนี้แกนนำประชุมกันทุกวัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร เพราะต้องวิเคราะห์และฟังจากทุกภาคส่วน สำหรับการนำคนนอกมาเป็นนายกฯ ในกรณีที่ในสภาไม่มีคนดีตามที่พันธ มิตรฯ พอใจนั้น ขณะนี้รัฐธรรมนูญกำหนดให้นายกฯ มาจากส.ส. ต้องดูว่าจะทำได้อย่างไร แต่มีนักวิชาการเคยเสนอให้งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ตอนนี้พันธมิตรฯ พยายามหยิบข้อมูลจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง การจะพูดอะไรหากผูกมัดตัวเองจะไม่ทำ ไม่ใช่การกะล่อน พูดแล้วต้องทำให้ได้ และขณะนี้รัฐธรรมนูญกำลังทำหน้าที่ปราบโจรผู้ร้าย ถ้าแก้ตอนนี้จะเท่ากับปล่อยโจรผู้ร้ายที่ปล้นชาติบ้านเมือง-หนุนเต็มตัว-นายกฯคนกลางนายสมศักดิ์กล่าวว่า กำลังพลของพันธมิตรฯ ขณะนี้มีแต่จะมากขึ้น ล้วนเป็นคนมีคุณภาพระดับหัวกะทิไม่ใช่ถูกจ้างมา ผู้ชุมนุมมีความฉลาดถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรก็พักผ่อน แต่พอเรียกรวมพลก็มากันเต็ม จะไม่มีการเป่านกหวีดอีกแล้ว การชุมนุมหลังจากนี้จะเป็นลักษณะเมื่อมีเหตุการณ์จะเรียกคนมาลงประชามติ โดยไม่ต้องทำอะไร ให้สังคมได้เห็นว่าคนไม่เอาคุณแล้ว เหมือนสมัยกรุงโรม ที่มีคนออกมาเดินเต็มท้องถนน เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังของประชาธิปไตยทางตรงด้านพล.ต.จำลองกล่าวว่า ข่าวที่ทหารเสนอว่าพร้อมให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่พันธมิตรฯ ต้องออกจากทำเนียบรัฐบาลก่อน เป็นแค่เพียงข่าวลือ ยังไม่มีการประสานงานมา ถ้าจะหารือว่าจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ต้องไปหารือที่ต้นตอคือรัฐบาลซึ่งเป็นต้นเหตุ เราไม่เคยขอร้อง จะใช้พ.ร.ก.กี่วันกี่คืนเป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องพันธมิตรฯนายสำราญ รอดเพชร แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ขณะนี้ตนมีแนวคิดจะแก้ไขทางตันของการเมือง ซึ่งเสนอว่าน่าจะงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา อาทิ 171 ที่บัญญัติให้นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยอาจงดเว้นการใช้รัฐธรรมนูญเป็นเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ มาเป็นคนกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง-การ์ดพธม.ตรึงกำลังเต็มที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เวลา 08.00 น. กลุ่มพันธมิตรมีการรวมตัวกันบริเวณแยกมิสกวันจำนวนหลายร้อยคน โดยถือกระบอง ไม้เบสบอลและไม้กอล์ฟ โดยยืนอยู่บริเวณทางเข้าออก พร้อมตรวจค้นกระเป๋าและสิ่งของต่างๆ ของผู้ชุมนุมที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมอย่างละเอียด ระหว่างนี้มีผู้ชุมนุมบางส่วนกวักมือเรียกกลุ่มนปช.ที่กำลังเดินทางกลับมาขึ้นรถที่จอดบริเวณหน้าลานพระบรมรูปทรงม้าในลักษณะท้าทาย แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลที่สังเกตการณ์อยู่คอยสกัดไม่ให้กลุ่มนปช.ใช้เส้นทางที่จะผ่านบริเวณที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรทั้งนี้ การ์ดพันธมิตรได้นำผ้าโพกหัวของกลุ่มนปช.มาแสดงให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่ามีสีอะไรบ้าง อาทิ สีเขียว สีขาวและสีแดง เพื่อให้ทุกคนเฝ้าระวังไว้ กระทั่งเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น เนื่องจากการประชุมเลื่อนลงมติเลือกนายกฯ ไปเป็นสัปดาห์หน้า จากนั้นกลุ่มพันธมิตรจึงกลับมาตั้งหลักบริเวณที่ชุมนุมเดิม เพื่อรอดูท่าทีต่อไป-กลุ่มสื่อธรรมะต้านรุนแรงจากนั้นเวลา 12.30 น. มีกลุ่มพนักงานของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยประมาณ 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรที่ปักหลักบริเวณหน้ากองทัพภาคที่ 1 หลังจากเดินทางไปประท้วงที่กระทรวงคมนาคม เพื่อขับไล่บอร์ดการทางพิเศษ แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้น ทั้งนี้กลุ่มของการทางพิเศษฯ ได้ร่วมชุมนุมอยู่ 30 นาที ก่อนสลายตัวกลับเวลา 13.00 น. นายแทนคุณ หรือ อี้ จิตอิสระ ดาราและพิธีกรชื่อดัง พร้อมด้วยเพื่อนสมาชิกกลุ่มสื่อธรรมะเพื่อเยาวชน จำนวน 10 คน เดินทางมาร่วมกันสวดมนต์และภาวนาเรียกร้องให้รัฐบาล นักการเมืองและกลุ่มพันธมิตร ยุติการใช้ความรุนแรงและสร้างวิกฤตให้กับบ้านเมือง ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวังนายแทนคุณ กล่าวว่า ตนตัดสินใจมาวันนี้เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองมีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรง รวมทั้งไม่มีใครยอมใคร พวกตนจึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ไม่ใช่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมุ่งแต่เอาชนะกันและไม่เคารพความคิดที่แตกต่าง ทั้งนี้ อยากให้ทุกฝ่ายนึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ท่านทำทุกอย่างเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองตลอด ดังนั้น ตนจึงคิดว่าอะไรที่ถอยได้ อยากให้ถอยและหันมาพูดคุยด้วยเหตุด้วยผล-จับตา 17 กย.ศาลตัดสินคดีแม้วต่อมาเวลา 15.30 น. นายวีระ สมความคิด ขึ้นปราศรัยบนเวทีทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า วันนี้คิดว่าจะเป็นวันเผด็จศึก เพราะการกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะประชาชนออกมากดดันจนพรรคร่วมรัฐบาลหวั่นไหว และภายในพรรคพลังประชาชนมีความขัดแย้งกันเอง เพราะการผ่านงบประมาณแผ่นดินที่ผ่านมา เกิดการหักเหลี่ยมกันของพรรคพลังประชาชนในรัฐสภาเมื่อเช้านี้นายวีระ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนรอฉลองชัยชนะในวันที่ 17 ก.ย. ที่ศาลฎีกาฯ จะตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ คาดว่าศาลจะตัดสินให้จำคุกพ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา แต่พ.ต.ท. ทักษิณยังไม่ยอมแพ้เพราะสั่งเกณฑ์คนไปชุมนุมที่ศาลในวันดังกล่าว เพื่อสร้างความวุ่นวาย และจะแต่งตั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ จากนั้นประกาศยุบสภา เมื่อกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ คุณหญิงพจมาน และนายสมัคร-กองทัพเป็นห่วงม็อบชนม็อบที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. กล่าวภายหลังเป็นประธานปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นปี 2550 ว่า ทหารห่วงจะเกิดสถานการณ์ม็อบชนม็อบ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับทหาร คือเราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง ขออย่าให้เกิดความรุนแรง และอย่าทำอะไรที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ซึ่งทหารเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่เมื่อถามว่าเหตุการณ์จะย้อนกลับไปสู่ 19 ก.ย. 2549 หรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวติดตลกว่า "19 กันยายน เขาจัดการอย่างไร ผมลืมไปหมดแล้ว" เมื่อถามว่าผบ.เหล่าทัพ มีความเป็นห่วงเพราะสถานการณ์รุมเร้ามากขณะนี้ พล.อ.บุญสร้าง พยักหน้า เมื่อถามว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีการยกเลิกหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ยังไม่มีความเห็น ขณะนี้ยังต้องดูแลกันอยู่ ซึ่งช่วง 1-2 วันนี้ คงยังไม่ยกเลิก แต่หากเหตุรุนแรงหมดแล้วคงจะยกเลิกวันเดียวกัน พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายยิงนักศึกษามหา วิทยาลัยรามคำแหงบาดเจ็บ 2 ราย ขณะจะเดินทางไปเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ลาออก หน้าแฟลตเคหะคลองจั่น เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้สอบปากคำพยานของฝ่ายผู้บาดเจ็บ 3 ปาก แต่ปรากฏว่าจากที่เคยบอกว่าจำหน้าได้ แต่เมื่อวานนี้กลับบอกว่า ไม่สามารถจดจำหน้าและรายละเอียดคนร้ายได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรวจสอบหาพยานเพิ่มเติม โดยได้ประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารและสถานที่อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงแล้ว และกำลังเร่งสอบปากคำพยานที่อยู่ใกล้เคียงเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ ส่วนประเด็นก็ยังตั้ง 4 ประเด็น คือ มือที่ 3, ความไม่พอใจของชาวบ้าน, ขัดแย้งส่วนตัว และขัดแย้งในองค์กรนักศึกษา-สันติโต้ลั่น-สั่งรถไฟใต้หยุดเวลา 14.00 น. สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นำโดยนายเรียงศักดิ์ แขงขัน ประธานสหภาพร.ฟ.ท. นายสาวิตต์ แก้วหวาน รองประธานสหภาพร.ฟ.ท. และเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ เข้าหารือกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รักษาการ รมว.คมนาคม นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการร.ฟ.ท. เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงคมนาคมอนุญาตให้เปิดเส้นทางเดินรถไฟสายใต้โดยนายสันติกล่าวระหว่างการหารือร่วมกันว่า ไม่เคยสั่งให้มีการปิดเส้นทางเดินรถสายใดๆ และตนไม่มีอำนาจในการตัดสินใจว่ารถไฟจะเปิดหรือหยุดการเดินรถ เพราะหัวใจของการรถไฟฯ คือการให้บริการประชาชน ซึ่งตามนโยบายตนต้องการให้รถไฟทุกสายเปิดให้บริการ แต่รถไฟสายใต้ที่เปิดให้บริการไม่ได้ในขณะนี้ เพราะยังมีความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพนักงานขับ ดังนั้น ก่อนจะเปิดให้บริการประชาชนอีกครั้งจึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ทั้งตำรวจ ทหาร รวมถึงพนักงานของการรถไฟฯ ที่อยู่ในพื้นที่ต้องร่วมกันตรวจสอบสภาพราง และอุปกรณ์อื่นๆ ให้มีความพร้อมในการเดินรถหลังจากที่มีการหยุดเดินรถมาเป็นเวลานาน หากพบว่าปลอดภัยก็สั่งให้ทยอยเปิดให้บริการแก่ประชาชนนายสันติ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าการหยุดเดินรถของพนักงานการรถไฟฯ มีความเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของฝ่ายพันธมิตรนั้น ตนต้องการให้ฝ่ายสหภาพการรถไฟฯ ยืนยันว่าการดำเนินการต่างๆ ของสหภาพการรถไฟฯ นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับฝ่ายพันธมิตร แต่เกิดจากปัญหาความเดือดร้อน และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงาน เพราะหน้าที่หลักของการรถไฟฯ คือการให้บริการประชาชน"ผมเชื่อสหภาพการรถไฟฯ ทุกคนว่า ทุกคนรักองค์กร ไม่มีใครอยากทุบหม้อข้าวตนเองทิ้ง รายได้ของการรถไฟฯ เกิดขึ้นจากการใช้บริการของประชาชน ดังนั้น ก็ไม่ควรให้ใครมาสั่งให้หยุดหรือเดินรถ หากมีใครมาสั่งให้การรถไฟฯ หยุดหรือเดินรถได้ บ้านเมืองก็คงไม่มีกฎหมาย" นายสันติ กล่าว-สหภาพรฟท.ก็โต้ไม่เกี่ยวพธม.นายยุทธนา กล่าวว่า จากการที่การรถไฟฯ หยุดเดินรถไปนานกว่าครึ่งเดือนนั้น ส่งผลให้การรถไฟสูญรายได้ไปรวม 120 ล้านบาท ถือเป็นการสูญเสียรายได้ที่ไม่น่าเกิดขึ้น และเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยรวม แต่การที่จะเปิดให้บริการได้หลังจากปิดให้บริการไปนานนั้น ไม่สามารถทำได้ทันที เพราะต้องตรวจสอบความเรียบร้อยก่อน ทั้งกับผู้โดยสารและพนักงานการรถไฟฯ และในเบื้องต้นยืนยันว่าฝ่ายบริหารไม่เคยมีการสั่งห้ามการเปิดให้บริการประชาชนมีแต่จะเร่งให้ทยอยเปิดให้บริการให้เร็วที่สุดนายสาวิตต์ แก้วหวาน รองประธานสหภาพ ร.ฟ.ท., เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ และแกนนำพันธมิตร รุ่น 2 กล่าวว่า ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของสหภาพการรถไฟฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายพันธมิตร เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แม้ว่าตนจะอยู่ในฐานะเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจก็ตาม แต่การรถไฟฯ ก็มีความเป็นอิสระ ไม่มีใครสั่งได้ ส่วนที่ผ่านมาที่สหภาพการรถไฟฯ หยุดเดินรถไปนั้น แม้จะตรงกับช่วงเวลาที่ฝ่ายพันธมิตรประกาศบนเวทีว่า ให้การรถไฟฯ หยุดเดินรถนั้นไม่เกี่ยว ข้องกัน ตนไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องของความบังเอิญ ทั้งสิ้นนายเรียงศักดิ์ แขงขัน ประธานสหภาพร.ฟ.ท. กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเคลื่อน ไหวของทางพันธมิตร แม้ว่าตนจะมีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร เป็นที่ปรึกษาก็ตาม แต่ตนจะปรึกษาหรือไม่ปรึกษาก็ได้ ซึ่งตนก็ลำบากใจที่ถูกมองว่าการเคลื่อนไหวของสหภาพการรถไฟฯ จะเกี่ยวข้องกับเคลื่อนไหวของฝ่ายพันธมิตร แต่การที่ผู้โดยสารที่ใช้บริการของการรถไฟฯ จะเดินทางไปไหน ไปร่วมกับฝ่ายพันธ มิตรหรือไม่ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้โดยสาร-สันติยันยังไม่สั่งรถเมล์4พันคันนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรระบุบนเวทีว่า กระทรวงคมนาคมได้สั่งรถเมล์มายังท่าเรือกรุงเทพ (ท่าเรือคลองเตย) ทั้งที่ครม.เพิ่งอนุมัติโครงการไปเร็วๆ นี้ว่า ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ว่า กระทรวงคมนาคมและขสมก. ยังไม่ได้มีการสั่งซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน แม้ ครม.ได้อนุมัติโครงการแล้วก็ตาม เนื่องจากการดำเนินโครงการมีขั้นตอนรายละเอียดอีกจำนวนมาก และขณะนี้ยังไม่มีการร่างเอกสารหลักเกณฑ์การประกวดราคา (ทีโออาร์) จากนั้นถึงจะเปิดประมูล เมื่อมีผู้ชนะการประมูล ถึงจะสั่งรถเข้ามาได้ หากมีรูปให้มายืนยันได้เลย นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวยืนยันว่า ขสมก. ยังไม่มีการสั่งซื้อรถเมล์ 4,000 คัน แต่อย่างใด เพราะขสมก.ยังไม่มีการร่างทีโออาร์ แล้วจะสั่งรถเมล์มาได้ยังไง โดยรถบัสที่อยู่บนท่าเรือคลองเตยไม่เกี่ยวข้องกับขสมก. อย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นรถเมล์ของบริษัทรายใดนั้น ต้องไปสอบถามการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) นางสุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า มีการสั่งรถเมล์เข้ามาจริง แต่เข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือเอกชน ส่วนบริษัทใดเป็นผู้สั่งมานั้น ไม่สามารถระบุได้ เพราะเป็นท่าเรือเอกชน และสั่งมากี่คันนั้น ไม่สามารถระบุได้เช่นกันเพราะมีสินค้าหลายประเภท นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า รถเมล์ที่นำเข้ามามีจำนวนกี่คัน และบริษัทใดเป็นผู้สั่งเข้ามา -"ยะใส"เย้ยหมักหมดอนาคตเวลา 16.00 น. ที่หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร มีรถทัวร์จากต่างจังหวัดโดยเฉพาะจากภาคตะวันออกและภาคใต้จำนวนมากมาจอดเพื่อส่งประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตร ทำให้บรรยากาศภายในทำเนียบคึกคักและดูหนาตากว่า 3 วันที่ผ่านมา กระทั่งเวลา 18.45 น. ที่เวทีพันธมิตร มีนักเรียนจากโรงเรียนสตรีวิทยาสวมชุดนักเรียนมัธยมปลาย 5 คน ขึ้นเวทีกล่าวโจมตีรัฐบาล ไม่เห็นด้วยกับการสลายม็อบที่สะพานมัฆวานฯ และขอให้รัฐบาลหยุดใช้สื่อของรัฐบิดเบือนข้อเท็จจริง เวลา 19.10 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร แถลงบริเวณด้านหลังเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า ขณะนี้ตนคิดว่าพรรคพลังประชาชนอาจใช้ไม้ตายสุดท้ายโดยชิงยุบสภา เนื่องจากไม่สามารถตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลในการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากนายสมัคร สุนทรเวช ถอดใจไปแล้ว ตนรู้สึกเห็นใจเนื่องจากนายสมัคร ถือเป็นอะไหล่ของระบอบทักษิณ อนาคตนายสมัครจบสิ้นลงหลังสภาเลื่อนการโหวตเลือกนายกฯ ส่วนความขัดแย้งของพรรคพลังประชาชนน่าจะเกิดจากเรื่องผลประ โยชน์ หากมีการเจรจาผลประโยชน์ลงตัว ปัญหาทุกอย่างในพรรคจะจบลง-กำหนดสเป๊กนายกฯ-ไม่ใช่ 3 ส.นายสุริยะใส กล่าวว่า สำหรับผู้ที่จะมารับตำแหน่งนายกฯคนใหม่โดยมีกระแสข่าวว่า จะเป็นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมร วิวัฒน์ หรือน.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นั้น คิดว่าทั้ง 3 คนไม่สามารถคลี่คลายความขัดแย้งในบ้านเมืองได้ เพราะทั้ง 3 คนมีความเป็นนอมินีของพ.ต.ท. ทักษิณ มากกว่านายสมัคร หากคิดจะเอาทั้ง 3 คนมาเป็นนายกฯ เพื่อลดแรงต้านถือเป็นความคิดที่ผิด เพราะสังคมยังหวาดระแวงกับนอมินีระบอบทักษิณ ที่พยายามกอบกู้อำนาจการเมืองเก่าขึ้น ผลที่ตามมาจะทำให้กลุ่มพันธ มิตรไม่สามารถยุติการชุมนุมได้ ซึ่งเหตุการณ์สภาล่มถือเป็นเรื่องน่าเวทนา โดยมีการต่อรองระหว่างพรรคและนำบ้านเมืองไปอ้าง คิดว่าถึงจะมี 3 ส. 10 คนก็แก้ปัญหาไม่ได้ ตนอยากบอกคุณสมบัติของนายกฯคนใหม่ว่า ควรมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่สร้างความขัดแย้งและไม่ใช่นอมินีของระบอบทักษิณนายสุริยะใส กล่าวว่า ช่วง 4-5 วันนี้ อยากให้สภาคิดให้มาก ถ้าสภาต้องการสรรหารัฐบาลพิเศษก็ควรเก็บไปตร่ตรองให้ละเอียดเพราะในวันพุธที่ 17 ก.ย. เป็นโอกาสสุดท้ายที่สภาจะได้แก้ตัว และอยากให้พรรคร่วมรัฐบาลคิดให้มากเช่นกัน หากยังอยู่ร่วมกับพรรคพลังประชาชนที่สังคมไม่ไว้วางใจ จะทำให้บ้านเมืองเกิดวิกฤตขึ้นอีกได้ ส่วนที่มีบางคนระบุนายกฯ รักษาการสามารถยุบสภาได้นั้น ตนตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญข้อไหนให้นายกฯ รักษาการยุบสภาได้ ระบุเพียงให้ปฏิบัติหน้าที่เท่าที่จำเป็น-หนุนทหารรัฐประหารอีกนายสุริยะใส กล่าวว่า จุดยืนของพันธมิตรในช่วง 4-5 วันนี้จะไม่เคลื่อนการชุมนุม แต่จะชุมนุมยืดเยื้อ และตรวจสอบทุกพรรค ทั้งนี้ ตนอยากเสนอไปยังรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล และ พรรคประชาธิปัตย์ 2 สูตรคือสูตรที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลพิเศษ ตามแบบที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสนอไว้ สูตรที่ 2 เปลี่ยนขั้วการเมืองโดยให้พรรคร่วมรัฐบาลมาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่สูตรนี้น่าจะเกิดปัญหา เพราะนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยมีความคิดอยากเป็นนายกฯ หากทั้ง 2 สูตรไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในเวลา 5 วัน คิดว่าน่าจะเกิดทางเลือกที่ 3 คือการรัฐประหาร ซึ่งขณะนี้สังคมกำลังถวิลหา อาจใช้กำลังทหารและอำนาจนอกระบบเข้ามาแก้ปัญหา เพราะสภาขณะนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้-นปช.แฉพธม.คนร่วมน้อยนายชินวัตร หาบุญพาด กรรมการบริหารแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวยืนยันว่า นปช.รวมทั้งเครือข่ายประชาชนปกป้องประชาธิปไตย (คปป.) จากจังหวัดต่างๆ จะไม่มีการเคลื่อนไหวนำมวลชนไปกดดันปิดล้อมศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองอย่างที่นายวีระ สมความคิด แนวร่วมพันธมิตรกล่าวหา แต่จะมารวมตัวให้กำลังใจส.ส.พรรคพลังประชาชน เลือกนายกฯคนใหม่ตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ข้อกล่าวหาของนายวีระเป็นเพียงการสร้างกระแสเรียกคนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรให้เพิ่มขึ้น หลังจากหลายวันมานี้มีประชาชนมาร่วมลดน้อยลงมาก เนื่องจากผู้คนเริ่มเบื่อหน่ายพฤติกรรมของแกนนำ และการ์ดพันธมิตรที่ไม่เคารพกฎหมาย คิดเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจากประชาธิปไตยเป็นเผด็จการ-"สนธิ"ลั่น-ขอคุม"เอ็นบีที"เวลา 21.30 น. แกนนำพันธมิตรขึ้นเวทีปราศรัย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวว่า มีหนังสือพิมพ์โจมตีว่าปล่อยให้ฆ่าตัวเงินตัวทองในทำเนียบรัฐบาล ที่ผ่านมาไม่ทราบว่ามีการฆ่าตัวเงินตัวทอง ส่วนตัวแล้วไม่ชอบตัวเงินตัวทองมาก เพราะมักแอบกินนกเป็ดน้ำที่สระน้ำภายในโรงเรียนผู้นำ จึงตั้งสินบนหากใครจับได้ให้ตัวละ 100 บาท แล้วนำไปปล่อยให้ไกลที่สุด และการชุมนุมที่มีคนจำนวนมาก เพียงห้ามกินเหล้าก็ยากลำบากแล้ว ยังห้ามพูดหยาบอีก คงห้ามฆ่าสัตว์ไม่ไหว แต่ขณะนี้มีมาตรการหากใครฆ่าตัวเงินตัวทองจะถูกขับออกจากที่ชุมนุมทันที แต่คิดว่าหากห้ามทุกอย่างเช่นนี้อีกหน่อยต้องห้ามฆ่ามด ตบยุง และทุกคนคงต้องถือศีล 5 กันแล้วนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า หากมีรัฐบาลใหม่รวมถึงรัฐบาลแห่งชาติ แล้วมีคนมาขอให้เป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี จะไม่ไปเป็นอย่างเด็ดขาด แต่หากให้มีอำนาจเต็มในการจัดระเบียบสื่อมวลชนจะรับไปจัดการอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที

ที่มา:http://www.matichon.co.th/khaosod

"หมัก"ถอยแล้ว พปช.ฝุ่นตลบ-"2ส."ชิงดำ

"หมัก"ยอมถอย ประกาศยุติบทบาท ต่อไปให้พปช.ตัดสินใจกันเอง หลังสภาล่มโหวตกลับมาเป็นนายกฯรอบสองไม่ได้ พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมใจไม่เข้าประชุมสภาตามนัด มีส.ส.มาลงชื่อ 304 คน แต่แสดงตัวแค่ 161 เป็นของปชป.ถึง 159 คน "เติ้ง"ล็อกส.ส.เข้าพรรคชาติไทยตั้งแต่เช้า "เหนาะ"สั่งลูกทีมมุดถ้ำเมืองทองธานี เพื่อแผ่นดิน-รวมใจไทยฯ-มัชฌิมาฯหายหน้า ขณะที่พปช.กลุ่มอีสานพัฒนา-ภาคเหนือก่อหวอดสวนมติพรรค เล่นเอาพปช.กลุ่ม"เนวิน"ที่ดัน"หมัก"มาตลอดถึงเครียด ปชป.ได้ทีฉวยจังหวะพรรครัฐบาลปั่นป่วน เสนอชื่อ"มาร์ค"เป็นนายกฯ "สมชาย"น้องเขยแม้วต้องแก้เกมสั่งส.ส.เดินออกจนองค์ประชุมไม่ครบ ก่อน"ปู่ชัย"รีบปิดประชุมเลื่อนไปโหวตใหม่วันพุธที่ 17 ก.ย. "หมัก"หน้าเครียดออกจากสภาเก็บตัวเงียบทั้งวัน กลุ่มก๊วนพปช.แยกย้ายประชุมกันวุ่น ก่อนได้ข้อสรุปส่ง"3ส."สมชาย-สมพงษ์-สุรพงษ์ไปกล่อม"หมัก" แจ้งถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป นัดถกใหญ่วันเสาร์เลือกตัวนายกฯคนใหม่ ส.สมพงษ์มาแรงแซง 2 ส.ที่มีภาพใกล้ชิด"แม้ว"มากกว่าแถมติดคดีหวยบนดิน "มาร์ค"โต้วุ่นปชป.ทำตามหน้าที่ ไม่ได้เล่นเกม ฟุ้งเบื่อเรื่องชิงไหวชิงพริบ ขณะที่ 5 พรรคร่วมยันจับขั้วพปช.ต่อไป แต่ต้องเคลียร์ปัญหาภายในให้จบ พร้อมโหวตนายกฯคนใหม่ตามมติพปช."หมัก"ลับ ลวง พรางเข้าสภาเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลัง ประชาชน เดินทางออกจากบ้านย่านนวมินทร์ 81 ด้วยรถยนต์ซีอาร์วี ทะเบียน ศข 3399 กทม. โดยมีรถอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน ศร 3333 กทม. ขับตามเพื่อหลอกล่อไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตามขบวนจากนั้นเวลา 08.30 น.ขบวนรถของนายสมัครมาถึงรัฐสภา เมื่อนายสมัครมาถึงกลุ่ม นปช.ที่ชุมนุมสนับสนุนอยู่หน้ารัฐสภาต่างโห่ร้องดังกระหึ่มพร้อมกับปรบมือให้นายสมัครสู้ต่อไป ทั้งนี้ขบวนรถหัวหน้าพรรคพลังประชาชนขับวนรอบอาคารรัฐสภาประมาณ 10 นาที จากนั้นรถอัลพาร์ดไปจอดนิ่งบริเวณอาคารจอดรถชั้น 2 ประมาณ 20 นาที แต่เมื่อคนขับรถและตำรวจติดตามเปิดประตูออกมา ปรากฏว่าไม่มีนายสมัครอยู่ในรถคันดังกล่าว โดยนายสมัครหลบลงรถที่หน้าอาคารวุฒิสภา แล้วเดินผ่านทางเชื่อมของอาคารเข้าไปยังอาคารรัฐสภา มีเจ้าหน้าที่ของสภารอต้อนรับจำนวนมาก ซึ่งนายสมัครทักทายอย่างอารมณ์ดีสีหน้าเรียบเฉยตอบ"ไม่"คำเดียวผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาสนับสนุนหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ไม่ เมื่อถามว่าจะไปพบผู้ชุมนุมหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า ไม่ เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรกับความแตกแยกขณะนี้ นายสมัครไม่ตอบคำถาม เมื่อถามว่าครอบครัวให้กำลังใจหรือไม่ นายสมัครไม่ยอมตอบคำถามใดๆ รีบเดินเข้าไปยังห้องรับรองบริเวณชั้น 2 อาคารรัฐสภาด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะที่น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ซึ่งเดินตามหลังนายสมัคร กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ กำลังหาทางออกอยู่ เดี๋ยวได้ทางออกแล้วจะแจ้งให้ทราบ ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้อีสานพัฒนาอ้างต่อรองเพื่อชาติก่อนหน้านั้นพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส. นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า ทางกลุ่มส.ส. 70-80 คนยืนยันไม่สนับสนุนนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ แน่นอน เมื่อเห็นบ้านเมืองบอบช้ำและข้างหน้าเป็นเหวก็ไม่ควรก้าวลงไป กลุ่มตนไม่ได้บอกว่านายสมัครไม่มีความเหมาะสมแต่วันนี้นายกฯ ไม่ควรเป็นนายสมัคร ดังนั้นทางกลุ่มจะแสดงออกบางอย่าง อาจลงชื่อแสดงตนแต่ไม่ร่วมเข้าประชุม เพื่อบอกว่าไม่ต้องการทำให้ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้ ในพรรคพลังประชาชนมีหลายคนมีความสามารถเป็นนายกฯ ได้ จึงไม่ทราบว่าทำไมต้องเร่งรีบเลือกนายกฯ ทั้งที่ควรหารือกับทุกฝ่าย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ด้วยพ.ต.ท.สมชายกล่าวอีกว่า นอกจากนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็มีท่าทีชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย เชื่อว่าจะมีคนไม่เห็นด้วยมากขึ้น ดังนั้นการเลือกนายกฯ ควรเลื่อนออกไป แต่ยืนยันว่ากลุ่มเราจะไม่โหวตสวนพรรคพลังประชาชน แต่จะแสดงออกรูปแบบอื่น และยอมรับว่ากลุ่มเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นเกมต่อรองที่ทำเพื่อบ้านเมือง เพราะขณะนี้บ้านเมืองถึงทางตันแล้วมั่นใจปธ.สภาเลื่อนเลือกนายกฯด้านนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม หัวหน้ากลุ่มอีสานพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า การที่กลุ่มอีสานพัฒนาและส.ส.ภาคเหนือไม่เห็นด้วยกับการเสนอชื่อนายสมัครนั้น ไม่ใช่เพราะมีอคติ แต่เห็นว่าเมื่อสมาชิกเห็นไม่ตรงกันควรพูดคุยกันใหม่ จึงเสนอประธานสภาเลื่อนประชุมออกไป อีกทั้งขอความกรุณาผู้ใหญ่ในพรรคพิจารณาอีกครั้งถึงการเสนอชื่อนายกฯ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ไม่ให้การเมืองถึงทางตัน แต่ยืนยันว่าไม่มีย้ายขั้วไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคอื่น แต่อยากให้พรรคหาทางออกดีที่สุดส่วนนายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด กลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า ยืนยันว่าส.ส.ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสานบางส่วน ภาคกลาง และภาคใต้ ที่มีกว่า 100 คน จะไม่ลงชื่อเข้าประชุมสภา รวมถึงส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล มั่นใจว่าต้องเลื่อนประชุมสภาแน่นอน เพราะเสียงจะไม่เกินกึ่งหนึ่งคือ 236 เสียง หรือหากประชุมจริงกรณีงูเห่าไม่เกิด เพราะถ้าเกิดเราถูกเผาบ้านแน่ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ไม่หนักใจหากมีส.ส.ในพรรคไม่ลงชื่อเข้าประชุม ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ หากเลื่อนประชุมสภาจริงประชาชนจะรู้ว่าอะไรคือต้นเหตุของปัญหา ส่วนพฤติกรรมของกลุ่มอีสานพัฒนาครั้งนี้ถือเป็นพฤติกรรมเดิมที่เรียกร้องตั้งแต่เลือกประธานสภา และยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบนักการเมือง หรือการรับเงินแลกตำแหน่งรมต. แต่เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา ผู้ใหญ่สามารถประสานพูดคุยกันได้ หรือหากเลื่อนประชุมสภาจริงต้องปรึกษาหารือกันใหม่"สมชาย"ยันไม่ยุบ-"ไชยา"ต้องยุบต่อมาเวลา 09.10 น.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ไม่ความคิดเรื่องยุบสภา และคงต้องรอดูท่าทีพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหา แต่ถึงเวลานี้คงต้องคุยกัน เนื่องจากกลไกต่างๆ ต้องเดินต่อไป ส่วนจะหารือเรื่องเปลี่ยนตัวบุคคลแทนนายสมัครหรือไม่นั้นต้องคุยกันก่อน สำหรับข้อเสนอของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนเป็นห่วงชาติบ้านเมืองก็แสดงความเห็นต่างๆ ออกมา เพราะต้องการเห็นความสงบเรียบร้อย ส่วนวิธีการจะเป็นไปได้หรือไม่คงต้องดูกฎหมาย ซึ่งสภาจะพิจารณาอีกครั้งส่วนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รักษาการ รมว.ยุติ ธรรม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยทางโทรศัพท์กับพรรคร่วมรัฐบาลรู้สึกว่ายังต้องคุยกันอีกหน่อย และนัดหมายว่าจะหารือกันด้านนายไชยา สะสมทรัพย์ รักษาการ รมว.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวหลังจากรู้ว่าพรรคชาติไทยประกาศไม่เข้าร่วมโหวตเลือกนายสมัครเป็นนายกฯ ว่า อย่างนี้คงต้องยุบสภาขณะที่พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีส.ส.หลายพรรคเตรียมไม่เข้าประชุมเพื่อให้องค์ประชุมไม่ครบว่า ถ้ามีองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องเลื่อนประชุม แต่ถ้าประชุมได้เมื่อเสนอชื่อแล้วบุคคลนั้นได้เสียงโหวตไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ ต้องเสนอชื่อใหม่จนกว่าจะมีบุคคลได้รับเสียงโหวตเกินกึ่งหนึ่ง จึงจะถือว่าบุคคลนั้นได้รับเลือกเป็นนายกฯปชป.ได้ทีวันนี้ไม่ได้โหวตนายกฯส่วนนายชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ในฐานะประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้ไม่ปกติ เร่งรีบเกินไป มีความไม่ชอบธรรม ทราบว่าส.ส.พรรคพลังประชาชนจะไม่เข้าประชุมเพื่อให้องค์ประชุมไม่ครบ รวมถึงมีคนมาชุมนุมวุ่นวายอยู่หน้าสภา และมีผู้ชุมนุมคัดค้านนายสมัครมากมาย จึงบอกสมาชิกพรรคว่าอย่าเพิ่งเซ็นชื่อ ทั้งนี้ไม่ได้เป็นมติพรรคแต่เป็นการหารือกันของสมาชิก และไม่ได้เป็นเกมการเมือง ตอนนี้มีทั้งคนหนุนและต้านนายสมัคร บรรยากาศแบบนี้บ้านเมืองไปไม่รอดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์ทราบว่าเมื่อคืนวันที่ 11 ก.ย.ยังต่อรองกันอยู่จนถึงตี 1 ตี 2 เชื่อว่าวันนี้ไม่สามารถโหวตเลือกนายกฯ ได้ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังมีปัญหา มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนนายสมัคร และฝ่ายไม่เห็นด้วย เมื่อถามว่าฝ่ายค้านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะเลื่อนเลือกนายกฯ ออกไปอีก นายสุเทพกล่าวว่า ฝ่ายค้านพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่าย อยากให้บ้านเมืองสงบสุขและตกลงกันให้ได้ หากจะมาคุยกับฝ่ายค้านก็ยินดีคุยด้วย เรายังคงเสนอแนวทางรัฐบาลพิเศษเพราะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ต่อข้อถามว่ามีข้อแม้ว่าต้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ใช่ ต้องมาคุยกัน เพราะมีเหตุผลสำคัญคือประเทศชาติ เราต้องช่วยกัน และเชื่อว่าวันนี้ไม่มีการโหวตเลือกนายกฯ แน่นอน"ส.ว.เรืองไกร"ขู่เลือก"หมัก"ฟ้องทันทีช่วงเวลา 08.45 น.ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ผู้ร้องตรวจสอบคุณสมบัตินายสมัครกรณีจัดรายการชิมไปบ่นไป และยกโขยงหกโมงเช้า เดินแจกเอกสารแก่ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ลงท้ายชื่อว่า "แจ็ก" ระบุถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีของนายสมัคร โดยเรียกร้องส.ส.งดเว้นการเลือกบุคคลที่มีปัญหามาเป็นนายกฯผู้สื่อข่าวถามว่าหากส.ส.ยังเลือกนายสมัครเป็นนายกฯ จะดำเนินการอย่างไร นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเขียนชัด และยังมีประเด็นที่ศาลระบุถึงการสร้างหลักฐานขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นความผิดอาญา มาตรา 180 จุดนี้กำลังดูพยานหลักฐานว่าจะยื่นฟ้องที่ใคร หากส.ส.ยังเลือกนายสมัคร ส.ว.จะเข้าชื่อ 1 ใน 10 ส่งประธานวุฒิสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ ตอนนี้เตรียมไว้แล้ว หากเลือกวันนี้บ่ายนี้ยื่นทันที และใครที่โหวตให้นายสมัครส.ว.จะยื่นชื่อไปด้วย เพราะถือว่าเมื่อท้วงและปรามแล้วยังไม่ทำตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 123 กระบวนการปราบปรามจะตามมาส.ส.มาคึกคัก-ก๊วนเนวินเครียดสำหรับบรรยากาศก่อนประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่อเลือกนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 เป็นไปอย่างคึกคัก ตั้งแต่เวลา 07.30 น. ส.ส.เริ่มทยอยมายังรัฐสภา เนื่องจากเกรงว่าจะมาไม่ทันประชุมเพราะมีผู้ชุมนุมมาสนับสนุนนายสมัครจำนวนมาก อย่างไรก็ตามหลังจากมีกระแสข่าวว่าอาจต้องเลื่อนประชุมออกไป เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 พรรค และส.ส.พลังประชาชนบางส่วนอาจไม่เข้าประชุมเพื่อให้องค์ประชุมไม่ครบ ปรากฏว่าส.ส.พลังประชาชน กลุ่มอีสานพัฒนา ซึ่งมากันพร้อมหน้า อาทิ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด แต่ทั้งหมดไม่เซ็นชื่อเข้าประชุมขณะที่กลุ่มเพื่อนเนวิน อาทิ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการรองนายกฯ และ รมว.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชาชน นายธีระชัย แสนแก้ว รักษาการ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รักษาการ รมช.คมนาคม เซ็นชื่อเข้าประชุม อย่างไรก็ตามเมื่อเซ็นชื่อแล้วส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินกว่า 10 คน อาทิ นายสุพล ฟองงาม รักษาการ รมช.มหาดไทย นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม จับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียดส.ส.เหนือ-โคราช-มฌ.ไม่เซ็นชื่อส่วนกลุ่มส.ส.ภาคเหนือ กลุ่มนครราชสีมา และกลุ่มมัชฌิมาธิปไตย นำโดยพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รองหัวหน้าพรรค รวมกว่า 30 คน อาทิ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ นายอัศนี เชิดชัย พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ได้รวมกลุ่มหารือกันที่ตึกวุฒิสภา ชั้น 2 เพื่อกำหนดทิศทางหลังทราบข่าวว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่เข้าประชุมด้วย โดยทั้งหมดไม่ลงชื่อประชุมสภานายวรวัจน์กล่าวว่า ที่ผ่านมานายสมัครไม่เคยรับฟังความคิดเห็นส.ส.เลยว่ากระแสทางการเมืองควรไปแนวทางไหน เหมือนท่านพูดอยู่คนเดียว แล้วพรรคจะเข้มแข็งได้อย่างไรพรรคร่วมพร้อมใจไม่เข้าประชุมขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.มากันครบทุกคน แต่หลายคนไม่ยอมเซ็นชื่อ และไปรวมตัวอยู่ห้องรับประทานอาหารของสมาชิก ชั้น 2 หน้าห้องประชุม จนถึงเวลา 09.30 น.มีเสียงออดเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินไปถามสมาชิกพรรคว่า "มาครบกันหรือยัง ถ้ามาครบกันแล้วก็ไปเซ็นชื่อเข้าห้องประชุม" ส.ส.จึงทยอยไปเซ็นชื่อเพื่อเข้าห้องประชุมส่วนพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคมัชฌิมาธิปไตย มีส.ส.มา 11 คน แต่ไม่ลงชื่อเข้าห้องประชุม พรรคชาติไทยไม่มีส.ส.มาแม้แต่คนเดียว พรรคเพื่อแผ่นดินมีส.ส. 3 คน ซึ่งใกล้ชิดกับกลุ่มเพื่อนเนวินมาลงชื่อเข้าประชุม คือ นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และรักษาการ รมช.พาณิชย์ นายรณฤทธิชัย คานเขต และนายพิกิฏ ศรีชนะ ส.ส.ยโสธร ส่วนส.ส.ที่เหลือยกทีมไปหารือกันที่โรงแรมดุสิตเพลส มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ส่วนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนามารัฐสภากันครบทุกคน แต่ไม่ลงชื่อเข้าประชุม เนื่องจากความเห็นในพรรคยังไม่ตรงกันว่าจะสนับสนุนนายสมัครหรือไม่ปชป.เล่นเกมเสนอ"มาร์ค"ชิงนายกฯกระทั่งเวลา 09.40 น. มีสมาชิกลงชื่อเข้าประชุม 246 คน ถือว่ามาครบองค์ประชุมที่ 236 คน จากส.ส.ที่มีอยู่ 470 คน นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนฯ ประธานในที่ประชุม จึงเปิดการประชุม ทั้งนี้ก่อนเริ่มประชุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตะโกนขึ้นว่า "ถ้าสภาไทยมีส.ส.แค่นี้บ้านเมืองคงเจริญไปแล้ว"เมื่อเข้าสู่วาระประชุม นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯ โดยนายชัยขอเสียงรับรอง ปรากฏว่ามีเสียงเห็นด้วย 144 คน ไม่ลงคะแนน 1 คน จากผู้เข้าประชุม 145 คน นายชัยได้ขานคะแนนพร้อมบอกว่าองค์ประชุมไม่ครบ ทำให้นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นนายกฯ ต้องได้รับเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกคือเกิน 236 เสียง และต้องเลือกภายใน 30 วัน นายชัยตัดบทขอให้นายสุขุมพงศ์เสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกฯ แต่นายสุขุมพงศ์เสนอนับองค์ประชุม เพราะคนในห้องประชุมยังไม่ครบ"สมชาย"แก้ลำสั่งพปช.ออกนอกห้องนายชัยจึงให้เสียบบัตรแสดงตนเพื่อนับองค์ประชุม ซึ่งช่วงนั้นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กวักมือเรียกลูกพรรคพลังประชาชนออกจากห้องประชุม โดยส.ส. พลังประชาชนที่เข้าประชุมประมาณ 20 คน ไม่เสียบบัตรแสดงตน มีเพียงส.ส.ประชาธิปัตย์เท่านั้นที่เสียบบัตรแสดงตน ทำให้มีสมาชิกอยู่ในห้องประชุม 161 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุม นายชัยจึงประกาศว่า เมื่อไม่ครบองค์ประชุม และมีผู้เสนอนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ คนเดียว จึงขอเลื่อนประชุมเพื่อเลือกนายกฯ ไปเป็นวันพุธที่ 17 ก.ย.นี้เวลา 09.30 น แต่นายสุเทพไม่ยอมลุกขึ้นขอให้ประธานนับองค์ประชุมอีกครั้งด้วยการขานชื่อ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มามากกว่า 161 คน นายสุขุมพงศ์ และนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ประท้วงว่าเมื่อไม่ครบองค์ประชุมแล้วดำเนินการต่อไม่ได้ นายชัยจึงกดออดเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุม 2 ครั้ง แล้วบอกว่าไม่มีใครเข้ามาแล้ว ขอสั่งปิดประชุมเวลา 09.55 น.
เชียร์เก้อ - กลุ่มนปช.จากจังหวัดในภาคอีสานจำนวนหลายพันคน สวมเสื้อแดง ชูป้ายเชียร์นายสมัครให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปโดยสงบภายหลังเกิดเหตุการณ์สภาล่ม ตามข่าวทั้งนี้หลังจากนายชัยสั่งปิดประชุมเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนปรบมือแสดงความยินดี ส่วนแกนนำพรรคพลังประชาชนแยกไปหารือกับนายชัยอย่างเคร่งเครียด"หมัก"หน้าเครียดรีบออกจากสภาภายหลังสภาไม่ประสบความสำเร็จในการเสนอชื่อนายกฯ เวลา 10.10 น.นายสมัครได้ออกจากรัฐสภาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะประกาศถอนตัวหรือยุติบทบาททางการเมืองเลยหรือไม่ นายสมัครหันมามองหน้าผู้สื่อข่าวอย่างดุดัน และไม่ยอมตอบคำถามใดๆ จนนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด ที่เดินตามมาส่งต้องบอกว่า "หัวหน้า ยิ้มหน่อย" นายสมัครรีบก้าวเดินขึ้นรถออกจากรัฐสภาไปทันทีต่อมานายสมชาย รักษาการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเลื่อนโหวตเลือกนายกฯ ออกไป แต่ละฝ่ายจะไปปรึกษาหารือกันและนำกลับเข้ามาหารือใหม่ที่สภา เพราะเป็นขั้นตอนของสภา ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่มาประชุมวันนี้เพราะอะไรตนไม่ทราบ แต่จะสอบถามตามประสาคนที่เคยพูดคุยกันมา เราต้องเคารพการตัดสินใจของพรรคร่วมผู้สื่อข่าวถามว่าจะพิจารณาเปลี่ยนตัวนายกฯ หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ ทุกฝ่ายต้องพูดคุยกัน ต่อข้อถามว่าเรื่องวันนี้จะเป็นเหตุนำไปสู่ยุบสภาหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เรื่องไม่ครบองค์ประชุมเป็นเรื่องปกติ เราเคารพความเห็นของทุกคนเพราะเป็นตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา วันนี้พรรคพลังประชาชนจะพูดคุย เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังสนับสนุนนายสมัคร นายสมชายกล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ยืนยันเช่นนั้น แต่เมื่อเลื่อนประชุมออกไปคงหารือกันอีกครั้งอีสานพัฒนาได้ทีดัน"สมพงษ์"นายกฯนายศักดา คงเพชร ส.ส.กลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 11 ก.ย.มีการประสานกันระหว่างกลุ่มตนและพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะไม่เซ็นชื่อเข้าประชุมสภา แต่ตอนเช้าพรรคประชาธิปัตย์พลิกเกมลงชื่อเข้าประชุม แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการชิงไหวชิงพริบ หาเหลี่ยมคูทางการเมืองเพื่อให้ได้เปรียบ โดยเฉพาะการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 ระบุการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯ ไม่จำเป็นต้องเกินกึ่งหนึ่ง แต่ใช้เสียงข้างมากในสภาแทนได้นายศักดากล่าวอีกว่า ยืนยันจุดเดิมว่ากลุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ คนใหม่ ที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับ เพื่อคลี่คลายวิกฤตของประเทศ และเห็นว่าขณะนี้มีผู้เหมาะสมอยู่ 2 คนคือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่ส่วนตัวเห็นว่านายสมพงษ์เหมาะสมกว่า เพราะหากเป็นนายสมชายแม้มีภาพลักษณ์ดี เป็นอดีตปลัดยุติธรรม แต่เป็นเครือญาติพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจเกิดแรงต่อต้านเด็กเนวินโหยหา"แม้ว"เคลียร์ทางตันส่วนนายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า หากการเมืองวุ่นวายแบบนี้เมื่อถึงทางตันก็ให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไปเลย เพราะพลังประชาชนที่เป็นพรรคใหญ่แต่ยังขัดแย้งกันเอง วันนี้ต้องจัดการความไม่เข้าใจกันภายในพรรคก่อน หลายกลุ่มหลายก๊กต้องคิดร่วมกันว่าจะเอาอะไรกันแน่ เพราะประชุมตอนเช้าตอนบ่ายมีมติ แต่พอลงมติก็เห็นไม่ตรงกัน แทนที่จะคุยในที่ประชุม แต่บางกลุ่มไปแยกคุยที่อื่นตอน 6 โมงเช้า ผลจึงเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นแกนนำพรรคโดยเฉพาะน.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ต้องประกาศว่าจะเอากันอย่างไร เพราะวันนี้ส.ส.ไม่อยากเข้าประชุมพรรคแล้ว เพราะประชุมกันหลายครั้ง มีมติอะไรออกมาก็ไม่มีข้อสรุป"ถ้าถึงทางตันไปไม่ได้ต้องยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อไม่มีทางออกถึงตอนนั้นจะได้รู้ว่าใคร อยากอยู่ก็อยู่ อยากไปก็ไป ปัญหาคือพลังประชาชนตอนนี้ไม่มีหัว และทุกคนต่างอ้างชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นเมื่ออยากให้ปัญหาทุกอย่างจบขอเพียงพ.ต.ท. ทักษิณโทรศัพท์มาเคลียร์ปัญหาก็จบ แต่ที่ผ่านมาท่านไม่เคยโทร.มาเลย" นายประจักษ์กล่าว"หมัก"ผิดอะไรถึงเป็นนายกฯไม่ได้นายทรงศักดิ์ ทองศรี รักษาการ รมช.คมนาคม แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกนายกฯ เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. แต่เมื่อพรรคมีมติก็ต้องยึดถือร่วมกัน คนส่วนน้อยต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ไม่เช่นนั้นพรรคจะเดินต่อไปไม่ได้ ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคชาติไทย พรรคประชาราช ระบุถ้ายังเสนอชื่อนายสมัครก็ไม่สามารถลงมติให้ได้นั้น ผู้ใหญ่ต้องหารือกัน เมื่อถามว่าถ้าตกลงกันไม่ได้จะยุบสภาหรือไม่ นายทรงศักดิ์กล่าวว่า นั่นเป็นหนทางหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต้องมาถึงจุดหนึ่งก่อน แต่ตอนนี้ยังมีแนวทางหารือกันได้ ขอให้ทุกคนรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ตรงกัน ต้องใช้เวลาอีกนิด ในพรรคต้องหารือเพื่อให้สมาชิกเข้าใจร่วมกันผู้สื่อข่าวถามว่ายังเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกฯ อีกหรือไม่ นายทรงศักดิ์กล่าวว่า นายสมัครเป็นหัวหน้าพรรคที่ฝ่าฟันต่อสู้วิกฤตการเมืองและพาสมาชิกเข้ามาจนได้เป็นรัฐบาล ตนยังมองไม่เห็นว่านายสมัครมีความผิดตรงไหนที่จะไม่ให้เป็นนายกฯ ต่อไป โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ตนจะเคารพแต่มีความเห็นแย้งบ้าง ส่วนจะทบทวนชื่อนายกฯ หรือไม่ขึ้นกับที่ประชุมพรรค และต้องขอบ คุณพรรคร่วมที่ให้เวลาและโอกาสพรรคพลังประชาชนกำหนดแนวทางใหม่ ทราบว่าพรรคร่วมต่อสายมา เหมือนให้โอกาสเราพูดคุยกันอ้าง"หมัก"ขอบคุณพรรคร่วมต่อข้อถามถึงข่าวพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเสนอชื่อนายสมัคร นายทรงศักดิ์กล่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้ยุ่งเกี่ยวการเมืองแล้ว แต่เมื่อมีอะไรพวกเรายังยึดโยงตรงนั้นอยู่ จึงเป็นปัญหาทำให้สังคมส่วนหนึ่งมองว่าการเมืองส่วนหนึ่งขับเคลื่อนด้วยพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ความจริงพ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของพรรคพลังประชาชนเวลา 11.30 น.ที่พรรคพลังประชาชน พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคให้สัมภาษณ์ว่า นายสมัครฝากขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เข้าร่วมประชุมสภาวันนี้ เพราะภายในพรรคพลังประชาชนความคิดเห็นยังไม่ตกผลึกพ.ต.ท.กานต์กล่าวต่อว่า จากนี้พรรคจะนัดคุยกันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าไม่เกิน 2 วันจะตกผลึก เบื้องต้นต้องให้เกียรตินายสมัครตัดสินใจว่าจะพิจารณาอย่างไร เมื่อถามว่าหากนายสมัครยืนยันสู้ต่อ พ.ต.ท.กานต์กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่านายสมัครจะทำอะไรให้พรรคบ้าง เมื่อถามว่ากลุ่มส.ส.เหนือต้องการให้ใครเป็นนายกฯ พ.ต.ท.กานต์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สรุป ส่วนที่เสนอยุบสภานั้นในเชิงวิชาการหากทุกอย่างเดินไปไม่ได้ก็ต้องยุบสภา หากเดินไปได้ก็ไม่จำเป็น"สมศักดิ์"เข้ามฌ.เกาะสถานการณ์ที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย ภายหลังการประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ ต้องยุติลงเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคและบรรดาส.ส. ทยอยเข้ามาเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของพรรคร่วม ขณะที่นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รักษาการรมว. ทรัพยากรธรรมชาติฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคไม่ได้เข้ามาที่พรรคแต่อย่างใด กระทั่งเวลา 11.45 น. นายสมศักดิ์เดินทางกลับ โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงว่าจะไปพักผ่อนที่บ้านพัก จ.สุโขทัย ประมาณ 2 วัน เนื่องจากการเมืองขณะนี้ไม่มีอะไรแล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 12.00 น. มีคนโทรศัพท์เข้ามาที่พรรคมัชฌิมาฯ ด่าทอด้วยถ้อยคำรุน แรงพร้อมกับขอเบอร์โทรศัพท์นางอนงค์วรรณ แต่เจ้าหน้าที่พรรคปฏิเสธและวางสายไปพผ.ให้พปช.เคลียร์ปัญหาภายในส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา กลุ่มโคราช กล่าวถึง ส.ส.ไม่มาประชุมสภาว่า ถือเป็นเอกสิทธิ์ภายในพรรค เมื่อยังไม่ได้ข้อยุติว่าพรรคพลังประชาชนจะส่งชื่อใครเป็นนายกฯ ต้องหารือกันต่อไปขณะที่นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร กลุ่มบ้านริมน้ำ กล่าวว่า กลุ่มตนมาประชุมเพื่อต้องการอยากให้มีรัฐบาลโดยเร็วและต้องการรักษาระบอบประชาธิปไตย แต่เมื่อภายในพรรคพลังประชาชนยังมีปัญหาขัดแย้งกันเองก็ต้องให้เคลียร์กันให้ได้ก่อน ตั้งแต่เล่นการเมืองมาไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้มาก่อนวาทะ"ชวน"เพราะกระเหี้ยนกระหือรือด้านความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภาถึงกรณีสภาล่มจนประชุมเลือกนายกฯ ไม่ได้ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีนายสมัคร ประธานสภานัดเรียกประชุมสภาทันที ทั้งที่มีเวลาน้อยมาก แต่ความที่คิดจะเอาเปรียบ กระเหี้ยนกระหือรือหรือลุกลี้ลุกลนเกินความจำเป็น สุดท้ายไม่สามารถเลือกได้ กรณีนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของพรรครัฐบาล เราเตือนแล้วว่าทำไมรีบร้อน ไม่ใช้เวลาไตร่ตรองให้รอบคอบ ความที่กลัวคนอื่นจะฉวยโอกาสหรือคนอื่นจะมีโอกาส เป็นความกลัวเกินไปส่วนที่แกนนำพรรคพลังประชาชนระบุพรรคประชาธิปัตย์ฉวยโอกาสเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ นั้น นายชวนกล่าวว่า เราดำเนินการตามขั้นตอนของสภา หากพาลโทษคนอื่นจะยิ่งมีปัญหา เมื่อถามว่าหากยังเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกฯ จะเกิดปัญหาขัดแย้งหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ในสายตาของตนคิดว่ามีปัญหา ซึ่งได้เตือนตั้งแต่ต้นว่าการเสนอชื่อบุคคลที่ต้องผ่านกระบวนการที่พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ต้องคิดไว้เผื่อด้วยว่าเมื่อเสนอชื่อโปรดเกล้าฯ แล้ว ต่อมามีปัญหาใครจะรับผิดชอบ และเคยมีกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภามาแล้ว ทั้งนี้ เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินถือเป็นเรื่องที่เบาที่สุด เพราะนายสมัครยังมีเรื่องอื่นที่หนักกว่านี้อีกมาก"เทือก"โต้วุ่นเปล่าฉวยโอกาสด้านนายสุเทพให้สัมภาษณ์ถึงข่าวตกลงกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในการลงมติเลือกนายกฯ ก่อนเปิดประชุมสภาว่า ยืนยันว่าทั้งตนและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยตกลงกับใคร และไม่ได้ทำให้ใครมีปัญหา การเข้าประชุมของพรรคเป็นการทำหน้าที่ตามปกติ"ไม่ได้พูดกับคุณสมชายว่าไม่ให้เข้าประชุม แต่ก่อนหน้าจะประชุมมีคนต่อโทรศัพท์ให้ผมคุยกับคุณสมชาย ผมจึงบอกคุณสมชายว่า ผมเข้าประชุมแต่คงไม่มีผล เพราะพวกผมมีแค่ 164 คนเท่านั้น" เลขาธิ การพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ฉวยโอกาส นายสุเทพกล่าวว่า ฉวยโอกาสแล้วได้ประโยชน์อะไร เพราะพรรคมีแค่ 164 คน โหวตไปก็ไม่ได้เป็นนายกฯ ตนเข้าใจกฎหมายดี ไม่ได้ฉกฉวยโอกาส ส่วนที่ส.ส.พลังประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าประชาธิปัตย์ทำเพื่อประโยชน์ทางการเมือง หวังเป็นรัฐบาลนั้น แล้วทำไมรัฐบาลไม่เข้าประชุม ถ้าตำหนิต้องตำหนิตัวเอง มาตำหนิคนเข้าประชุม คนนัดประ ชุมก็เป็นประธานสภา อยู่ฝ่ายรัฐบาล ตนบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าการนัดประชุมวันศุกร์เร็วไป พอตนเข้าประชุมแต่พวกท่านไม่เข้ายังมาตำหนิตนอีก"มาร์ค"แถลงปชป.ทำตามหน้าที่นายสุเทพกล่าวอีกว่า ส่วนที่ประธานสภานัดประชุมเพื่อเลือกนายกฯ ใหม่วันพุธที่ 17 ก.ย.นี้ ฝ่ายรัฐบาลต้องไปตกลงกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องจะชวนฝ่ายค้านไปคุยด้วยก็บอกมาจะได้ไปคุยด้วย เมื่อถามว่าหากฝ่ายรัฐบาลตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายค้านพร้อมเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า แค่พูดจาให้ตลก มีแค่ 164 คนจะไปทำอะไรได้ ส่วนการเลื่อนไปเลือกนายกฯ วันที่ 17 ก.ย.นั้น จะทำให้มีเวลายาวขึ้น พรรคต่างๆ คงพูดจากันลงตัว เชื่อว่าในที่สุดรัฐบาลจะคุยกันได้ ส่วนกระแสข่าวยุบสภานั้นคงแค่ขู่กันมากกว่า เพราะนายกฯรักษาการยุบสภาไม่ได้ต่อมา นายอภิสิทธิ์แถลงว่า สภาล่มเป็นเพราะมีการทักท้วงให้เลื่อนประชุมออกไป และช่วงเช้าวันนี้มีการประสานงานมาว่ามีสมาชิกซีกของพรรครัฐบาล ไม่สบายใจกับมติพรรคพลังประชาชน มาถามว่า เราจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ พรรคจึงพูดคุยกันและเห็นว่านายสมัครจะได้รับเลือกเป็นนายกฯ อีกหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปัตย์จะเข้าประชุมหรือไม่ เพราะถึงเข้าก็ไม่ลงคะแนนให้นายสมัครอยู่แล้ว หากนายสมัครจะกลับมาเป็นนายกฯ ได้ ต้องมีเสียงสนับสนุน 236 เสียง ในทางตรงกันข้ามถ้าวันนี้ประชาธิปัตย์ไม่เข้าประชุม พรรคพลังประชาชนจะกล่าวหาอีกว่าประชาธิปัตย์เล่นเกมทางการเมืองทำให้สภาล่ม"เราทำตามหน้าที่ตามปกติ เสนอชื่อไปตามกระ บวนการ ไม่มีอะไรพิสดารหรือมีแผนการ ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไม่มีประเด็นที่ต้องติดใจ" นายอภิสิทธิ์กล่าวเบื่อเรื่องชิงไหวชิงพริบต่อข้อถามว่ามาตรา 173 ระบุหากเลือกแล้วไม่มีผู้ใดได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบให้เป็นนายกฯ ให้ประธานสภานำผู้ที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดในสภาขึ้นทูลเกล้าฯ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดกันไปเอง เพราะยังไม่ได้ลงคะแนน ถ้าทำหน้าที่กันอย่างตรงไปตรงมาก็หมดเรื่อง เมื่อถามว่าดูเหมือนพรรคร่วมรัฐบาลเปิดทางให้พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้อยากให้แต่ละฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองไป ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลอยากพูดคุยกับประชาธิปัตย์ เราก็คุยและพยายามหาทางช่วยแก้ปัญหาของประเทศ คิดว่าทุกพรรคควรคุยกัน ตนเบื่อเรื่องชิงไหวชิงพริบ ตนและพรรคพยายามเสนอทางออกอยู่ตลอดเวลา อยากให้นักการเมืองทุกคนคิดได้แล้วว่านี่ไม่ใช่เวลาปกติ มัวแต่มานั่งต่อรองกัน ทั้งที่คนไทยจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว ประชาชนจะไม่ไหวแล้วเมื่อถามว่ายังยืนยันว่าควรมีรัฐบาลพิเศษหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งไม่เคยบอกว่าเป็นทางเลือกเดียว เป็นทางเลือกที่น่าลองมาดูกัน ถ้าไปไม่ได้ คนอื่นมีทางออกที่ดีกว่าก็ต้องทำและต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องหวังว่าจะดีที่สุด เอาแค่หวังว่าให้ดีกว่าครึ่งปีที่ผ่านมาอย่างไร เป็นหน้าที่ของนักการเมืองจะต้องทำยุบสภาก็ได้ไม่มีปัญหาเมื่อถามว่าถ้าเปลี่ยนตัวนายกฯ จะดีกว่าเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกัน แต่พูดยากว่าจะดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ถ้ายังแบ่งฝ่ายกันอยู่ ไม่คิดถึงการเสียสละก็คงยาก ต่อข้อถามว่าหลังสภาล่มแล้วได้ประสานไปยังพรรคอื่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การพูดคุยทำตลอดเวลา และยินดีจะพูดคุย ส่วนที่พลังประชาชนเสนอยุบสภานั้น ไม่เป็นไรเพราะตนเป็นคนเสนอให้ยุบสภาตั้งแต่แรก เมื่อถามว่ารัฐบาลรักษาการยุบสภาได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า คงมีคนถกเถียงทางกฎหมาย และมีความเห็นทั้ง 2 ทาง เมื่อถามว่าโดยมารยาทแล้วควรทำหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ความจำเป็นต่อข้อถามว่าภาพที่ออกมาวันนี้ประชาธิปัตย์มองรัฐบาลอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีปัญหา แต่ไม่ได้แปลว่ามีปัญหาแล้วแก้ไขไม่ได้ เพราะอยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละพรรค ตนไม่ทราบว่าสิ่งที่พวกเขาตกลงกันคืออะไรกันแน่ เห็นแต่ข่าวแถลงต่อสาธารณะเรื่องทำสัตยาบันว่าจะเป็นรัฐบาลร่วมกันต่อแล้วจะให้พลังประชาชนไปเลือกนายกฯ"สมชาย"จูง"เทือก"เข้าห้อง"ปู่ชัย"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าก่อนประชุมสภา ระหว่างที่แกนนำและส.ส.ประชาธิปัตย์รวมตัวกันที่ห้องวิปฝ่ายค้าน ชั้น 3 เพื่อรอประชุมสภา นายสมชาย รักษาการนายกฯ เดินเข้ามาพูดคุยกับนายสุเทพ โดยนายสุเทพเข้าไปจับมือพร้อมกล่าวว่า "ยินดีด้วยที่จะมีนายกฯ เป็นคนนครศรีธรรมราช" จากนั้นนายสมชายจูงมือนายสุเทพไปพูดคุยในห้องประธานสภา ชั้น 2 ทั้งนี้นายสุเทพเปิดเผยถึงการพูดคุยดังกล่าวว่า "ไม่มีอะไร นับถือกันก็ทักทายกันตามปกติ"จากนั้น นายสุเทพหารือกับส.ส.ที่ห้องวิปฝ่ายค้าน หลังหารือนายชวนเดินมาพูดคุยกับนายสุเทพ โดยถามว่าหากไม่ลงชื่อต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ นายสุเทพตอบว่า "ไม่ต้องห่วง ผมจะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเอง" อย่างไรก็ตามหลังจากนายชัยกดออดเรียกประชุมในเวลา 09.20 น. นายสุเทพ นำส.ส.ทั้ง 164 คนไปลงชื่อเพื่อเข้าร่วมประชุมสภา"เติ้ง"อารมณ์ดีเรียกส.ส.เข้าพรรคด้านพรรคชาติไทย ตั้งแต่เวลา 07.00 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค เดินทางเข้ามาประชุมที่พรรคอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ขณะที่สมาชิกพรรคทยอยมาตั้งแต่เวลา 06.00 น. หลังได้รับแจ้งให้เปลี่ยนสถานที่ประชุมจากรัฐสภามาที่พรรคชาติไทยตั้งแต่เวลา 04.00 น. ต่อมามีเครือข่ายพลังนักศึกษาเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหง กว่า 20 คน มาถือป้ายต่อต้านนายสมัคร พร้อมยื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรค เรียกร้องหาจิต สำนึกและจริยธรรมของนักการเมือง โดยขอให้พรรคชาติไทยไม่สนับสนุนนายสมัครนายบรรหารให้สัมภาษณ์ว่า เหตุที่เปลี่ยนที่ประชุมจากสภามาเป็นพรรคเพราะกลัวสภาจะยุ่ง ม็อบเยอะกลัวส.ส.เข้าไม่ได้ การเปลี่ยนแผนกะทันหันคนอื่นตั้งตัวไม่ได้ เมื่อถามว่าเมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า หลับไป 5-6 ช.ม. ต่อข้อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้พรรคชาติไทยมีทางออกหรือไม่ นายบรรหารกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า มันมีช่องอยู่ เมื่อถามว่าต้องคิดมากหรือไม่ถึงจะออกช่องนั้นได้ นายบรรหารกล่าวว่า ไม่ไม่ไปประชุมสภาโทษใครไม่ได้ภายหลังประชุมนาน 2 ช.ม. นายเอกพจน์ ปานแย้ม รองโฆษกพรรค แถลงถึงสาเหตุไม่เข้าร่วมประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ ว่า สถานการณ์ภายในพรรคพลังประชาชนยังไม่นิ่ง ไม่ชัดเจนเรื่องตัวบุคคล พรรคต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป เห็นควรเลื่อนประชุมออกไปเพื่อให้เวลาพลังประชาชนเสนอชื่อนายกฯผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าพรรคชาติไทยไม่สนับสนุนนายสมัคร นายเอกพจน์กล่าวว่า ไม่ใช่ประเด็น เราต้องให้เกียรติพรรคใหญ่เสนอชื่อบุคคล ขณะนี้ยังเสียงแตกไม่นิ่ง ทำให้เราไม่แน่ใจว่าจะโหวตเห็นด้วยกับฝ่ายไหน ยืนยันว่าระหว่างพรรคร่วมไม่ได้จับมือกันไม่ไปประชุมสภา เป็นเรื่องของแต่ละพรรค ต่อข้อถามพลังประชาชนระบุพรรคร่วมรัฐบาลเล่นเกมและไม่ให้เกียรติ นายเอกพจน์กล่าวว่า ในเมื่อพลังประชาชนยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าจะส่งใคร เราไม่รู้ว่าจะพิจารณาใคร โทษใครไม่ได้ ตกลงพรรคร่วม-ปชป.เอาด้วยรายงานข่าวจากที่ประชุมพรรคชาติไทย เปิดเผยว่า นายบรรหารประเมินสถานการณ์ทางการเมืองให้ลูกพรรคฟังว่า ขณะนี้การเมืองถึงทางตันแล้ว แต่ยังมีช่องทางอยู่บ้างหลังจากพูดคุยกับแกนนำพลังประชาชน ประชาธิปัตย์ เพื่อแผ่นดิน ประชาราช มัชฌิมาฯ และรวมใจไทยฯ เพื่อช่วยกันหาทางออกให้กับการเมืองของประเทศ ประเด็นหลักไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงถึงขั้นปะทะกันเหมือนเช้ามืดวันที่ 2 ก.ย. หรือให้ทหารปฏิวัติ จะทำให้ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้ ดังนั้น พรรคชาติไทยจะไม่ไปประชุมสภาเพราะไม่ต้องการโหวตนายสมัครเป็นนายกฯ เรื่องนี้พรรคร่วมอีก 4 พรรคก็เอาด้วย นอกจากนี้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค ได้ประสานกับประชาธิปัตย์ตลอด แกนนำประชาธิปัตย์รับปากไม่เข้าประชุมสภาเช่นกัน เพราะต้องการให้องค์ประชุมไม่ครบ จะได้ไม่มีการโหวต ประธานสภาจะได้ปิดประชุมไปโดยปริยายรายงานข่าวระบุอีกว่า แกนนำและสมาชิกพรรคชาติไทยในห้องประชุมต่างต่อสายพูดคุยกับทุกพรรคการเมืองตลอดเวลา เพื่อสอบถามกันแบบวินาทีต่อวินาที ให้มั่นใจว่าไม่มีพรรคไหนเข้าประชุมสภา แต่แปลกใจเมื่อประชาธิปัตย์ไปลงชื่อและเข้าประชุมสภากันพร้อมเพรียง โดยเฉพาะนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ แล้วมีสมาชิกพรรครับรอง ทำให้ที่ประชุมพรรคชาติไทยมีเสียงโวยขึ้นมาว่า "ทำไมทำกันอย่างนี้ ทั้งที่ตกลงกันเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว ต้องการเล่นเกมอะไร หรือสร้างภาพให้พรรคตัวเองเพื่อเรียกคะแนน ในขณะที่พรรคพลังประชาชนเพลี่ยงพล้ำ ทั้งที่รู้ว่าเสนอไปเสียงก็ไม่ครบ""เติ้ง"ฉุนปชป.หักหลังเข้าประชุมรายงานข่าวแจ้งต่อว่า การกระทำของประชาธิปัตย์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับนายบรรหารอย่างมาก โดยเฉพาะพล.ต.สนั่นผู้ทำหน้าที่ประสาน ถึงกับเปรยว่ารับปากกันไว้แล้วตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ว่า จะเป็นเพื่อนกันในการแก้ไขปัญหาประเทศ แต่เพื่อนกลับหักหลังกันแบบนี้รับไม่ได้ แล้วแบบนี้จะร่วมสังฆกรรมกันต่อไปได้อย่างไร จะไว้ใจกันได้หรือนอกจากนี้ ที่ประชุมยังวิเคราะห์ถึงบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกฯ จากพลังประชาชน ได้แก่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และน.พ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ทั้งนี้ ยังพูดถึงการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ส.ส.ส่วนใหญ่เห็นว่าแม้เป็นทางออก แต่ควรให้พลังประชาชนเสนอชื่อ ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ฉวยโอกาสเสนอนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ในรัฐบาลแห่งชาติ"ตือ"พรรคร่วมไม่ได้อารยะขัดขืนนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุที่พรรคร่วมไม่ไปโหวตไม่ใช่อารยะขัดขืนพรรคพลังประชาชน การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นครั้งยิ่งใหญ่ที่ท้าทายมโนธรรมและจริยธรรมของนักการเมือง ว่ารับผิดชอบต่อบ้านเมืองมากน้อยแค่ไหน พรรคมีเหตุผลหลายประการ นอกจากห่วงใยบ้านเมืองแล้ว ยังเกิดสุญญากาศขึ้นมาในพรรคแกนนำ เกิดความสับสนหาข้อยุติไม่ได้ พรรคร่วมลำบากใจ ทำให้ยากต่อการควบคุมเสียง แต่ถ้านิ่งและตกผลึกแล้วทุกอย่างน่าจะเดินต่อไปได้ เราต้องฟังเสียงประชาชน คนที่จะผ่าทางตันของประเทศได้ดีที่สุดคือนายกฯ ที่ทุกฝ่ายยอมรับ ยุติปัญหาความขัดแย้งของสังคมที่เกิดขึ้นได้ เมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนต้องยอมเสียสละเพื่อไม่ให้การประชุมครั้งต่อไปต้องล่มอีก นายสมศักดิ์กล่าวว่า สิ่งที่เป็นแนวทางยุติความขัดแย้งได้ ทุกพรรคต้องทำแบบเดียวกันนายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า พรรคยืนยันสนับสนุนพรรคพลังประชาชนตั้งรัฐบาล เพราะเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ไม่อยากให้เกิดระบบลัดขั้นตอน พรรคชาติไทยยึดถือสัจจะ เคารพหลักการระบอบประชาธิปไตย เราให้โอกาส แต่ถ้าตั้งไม่ได้ ไม่มีคนเหมาะสม ถึงตรงนั้นค่อยมาว่ากัน เราไม่กดดันด้วยการเปลี่ยนขั้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเป็นชื่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จะรับได้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชน เราไปเสนอชื่อคนนั้นคนนี้ไม่ได้ คนเป็นผู้นำรัฐบาลต้องเหมาะสม ไม่นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง มีท่าทีประนีประนอมกับทุกฝ่ายด้านน.ส.กัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรค ตอบคำถามที่ว่าถ้ามีผู้เสนอชื่อนายบรรหารเป็นนายกฯ ว่า ไม่ไหว ในความเป็นลูกตั้งแต่นายบรรหารเป็นนายกฯ เมื่อปี 2538 อึดอัดมากพอแล้ว ไม่ต้องการให้บิดามาอยู่ตรงนี้อีกแล้ว อยากเป็นครอบครัวที่อยู่อย่างสงบ อบอุ่น เป็นส่วนตัว เมื่อถามว่าหากพรรคพลังประชาชนเสนอชื่อนายสมพงษ์จะรับได้หรือไม่ น.ส.กัญจนากล่าวว่า ถือเป็นเอกสิทธิ์ ตอนนี้เราถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้ว ไม่อยากก้าวล่วง หากเลือกใครมาก็พร้อมสนับสนุน เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์อาจทำให้เราต้องพิจารณาเรื่องตัวผู้นำ ไม่ใช่ไม่เคารพนายสมัคร แต่ต้องดูหลายมิติ ต้องจริงใจกับคำพูดที่ว่าเห็นแก่ส่วนรวมและรักประเทศชาติ"เหนาะ"สั่งลูกพรรคเข้าถ้ำเมืองทองสำหรับความเคลื่อนไหวที่บ้านเมืองทองธานีของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ส.ส. ทั้ง 4 คนไปรวมตัวกันและไม่มาร่วมประชุมที่สภา เนื่องจากนายเสนาะตัดสินใจเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 11 ก.ย.ไม่สนับสนุนนายสมัคร และแจ้งส.ส.รับทราบทางโทรศัพท์ นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว บุตรชายนายเสนาะ กล่าวยอมรับว่า เมื่อคืนที่ผ่านมานายเสนาะหารือกับนายบรรหารเกี่ยวกับท่าทีของพรรคร่วม โดยยืนยันไม่เข้าประชุมสภาและมอบหมายพล.ต.สนั่นประสานไปยังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อต้องการให้สภาไม่ครบองค์ประชุม เบื้องต้นพรรคประชาธิปัตย์รับปากให้ความร่วมมือ แต่เมื่อประชาธิปัตย์เข้าร่วมประชุมและเสนอนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็ถือเป็นสิทธิ์ทำได้ตามเกมการเมืองเช็กยอดส.ส.เข้า-ไม่เข้าประชุมสภาผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบรายชื่อส.ส.ที่ลงชื่อเข้าประชุมสภาวันนี้ มีทั้งหมด 304 คน ประกอบด้วยส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 160 คน จากทั้งหมด 164 คน พรรคพลังประชาชน 140 คน จากทั้งหมด 223 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 3 คน จากทั้งหมด 24 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 1 คน คือพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร จากทั้งหมด 9 คน ขณะที่พรรคชาติไทย 34 คน พรรคประชาราช 5 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย 11 คนไม่ได้ลงชื่อ อย่างไรก็ตามในการนับองค์ประชุมพบว่ามีส.ส.เสียบบัตรแสดงตนเพียง 161 คน แบ่งเป็นประชาธิปัตย์ 159 คน และพลังประชาชน 2 คน คือนายสามารถ แก้วมีชัย กับนายสุขุมพงศ์ โง่นคำมุ้งเนวินดิ้นล่าชื่อส.ส.หนุน"หมัก"ต่อมาเวลา 13.40 น.ที่พรรคพลังประชาชน กลุ่มเพื่อนเนวินจำนวน 38 คน นำโดยนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ส.ส.อุดรธานี นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น เป็นต้น ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายบุญจง กล่าวว่า ส.ส.ภาคอีสาน 83 คนมีมติยืนยันสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ และยึดมั่นมติพรรคทุกประการ ส่วนนายสมัครจะตัดสินใจอย่างไรขึ้นกับนายสมัครเองผู้สื่อข่าวถามว่าแถลงข่าวครั้งนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มเพื่อนเนวินกับกลุ่มอีสานพัฒนาหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า ไม่ได้ต่อสู้กันเองแต่ต่อสู้ในระบอบประชาธิป ไตย โดยส.ส.ในกลุ่มร่วมกันลงชื่อเพื่อยื่นนายสมัคร การแถลงข่าวไม่ใช่แสดงให้เห็นว่าพรรคแตกแยก เป็นเพียงความเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้น เมื่อถามว่าจะหาจุดลงตัวได้อย่างไร นายบุญจงกล่าวว่า เชื่อว่าผู้ใหญ่จะหารือกันเพื่อหาทางออก แต่กลุ่มเรามอบหัวหน้าพรรคเป็นผู้พิจารณา ด้านนายศุภชัยกล่าวว่า วันนี้มีส.ส. 83 คนยืนยันตรงกันว่านายกฯคนต่อไปต้องเป็นนายสมัคร ส่วนจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ให้เป็นอำนาจนายสมัครคุยในกลุ่มมี 83 แต่ได้ชื่อแค่ 72 เมื่อถามว่าพรรคจะจัดการกับส.ส.ที่ฝืนมติพรรคอย่างไร นายศุภชัยกล่าวว่า ยังไม่คิดถึงขนาดนั้น เมื่อถามว่าความเห็นที่ต่างทำให้การโหวตเลือกนายกฯล่ม ถือเป็นความผิดร้ายแรงหรือไม่ นายศุภชัยกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพิจารณา ส่วนนายประจักษ์กล่าวว่า นักการเมืองไม่กลัวการเลือกตั้ง แต่เป็นห่วงว่าการเลือกตั้งจะใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งเป็นเงินภาษีประชาชน แต่หากไม่มีทางออกจริงๆ ยุบสภาเป็นทางออกหนึ่ง ส่วนที่พรรคร่วมไม่เข้าประชุมนั้น เนื่องจากเห็นว่าภายในพรรคพลังประชาชนยังไม่เป็นเอกภาพ จึงยังไม่เลือกข้างใด เพราะถ้าเลือกฝั่งใดฝั่งหนึ่งอาจเสียหายได้ เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่ากลุ่มอีสานพัฒนาพยายามต่อสายถึงพรรคร่วมและพรรคประชาธิปัตย์ล็อบบี้ให้ประชุมสภาไม่ได้ นายประจักษ์กล่าวว่า "คิดเหรอว่าพวกผมไม่ติดต่อ ถ้าพวกผมไปกันหมด 80 คนอะไรจะเกิดขึ้น"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเพื่อนเนวินทำหนังสือถึงนายสมัคร โดยระบุว่า 1.สมาชิกทุกคนยืนยันสนับ สนุนเป็นนายกฯ 2.หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆทางการเมือง ขอให้เป็นอำนาจการตัดสินใจของนายสมัคร และ 3.จะร่วมมือดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นปึกแผ่นตลอดไป โดยลงลายมือชื่อส.ส.ในกลุ่มเพื่อนเนวินแนบท้ายจำนวน 72 คน และถ่ายสำเนาแจกสื่อด้วย อย่างไรก็ตามหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 20 ก.ย. แต่ระบุถึงเหตุการณ์ประชุมสภาที่เกิดขึ้นในวันนี้ และในชื่อของน.พ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ไม่มีการลงลายมือชื่ออีสานพัฒนาแถลงไม่เอา"หมัก"ขณะเดียวกันที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.วัฒนธรรม พร้อมด้วยส.ส.พลังประชาชนกลุ่มอีสานพัฒนา 12 คน อาทิ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายเจริญ จรรย์โกมล ส.ส.ชัยภูมิ นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ฯลฯ ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า สาเหตุที่กลุ่มอีสานพัฒนาไม่เข้าประชุมสภา เนื่องจากต้องการให้สมาชิกมีเวลาไตร่ตรอง พิจารณาคนที่เหมาะสมมาบริหารประเทศ ทั้งนี้นายสมัครเป็นปูชนียบุคคลที่ช่วยเหลือพรรคมาตลอด เป็นคนทำงานและเป็นคนดี แต่ปัญหาสำคัญของบ้านเมืองขณะนี้คือเรื่องความขัดแย้ง ผู้นำคนใหม่จึงควรเป็นคนประนีประนอม และประสานประโยชน์กับทุกฝ่าย จึงมองว่าคุณสมบัติของนายสมัครไม่น่าจะเหมาะสม การประชุมสภาวันที่ 17 ก.ย.หากพรรคยังเสนอชื่อนายสมัคร กลุ่มอีสานพัฒนาจะไม่เข้าร่วมประชุมอีก ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารายชื่อบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งไม่น่าจะพ้น "3 ส." ตามที่เป็นข่าว ขอขอบคุณพรรคร่วมที่ร่วมมือเลื่อนประชุมออกไปก่อน เชื่อว่าการลงมติเลือกนายกฯครั้งหน้าจะมีเอกภาพ"ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่การสั่งสอนกลุ่มเพื่อนเนวินที่ดึงดันจะเสนอชื่อนายสมัครให้ได้ แต่เราเห็นว่าที่ผ่านมามีเวลาคุยกันน้อยเกินไป ทำให้ความเข้าใจไม่ตรงกัน ส่วนที่อ้างสายตรงจากลอนดอนก็อ้างกันไป แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน ควรปล่อยให้ท่านได้อยู่สุขสบายดีกว่า" นายสมศักดิ์กล่าวด้านนายพีระพันธุ์กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 11 ก.ย. กลุ่มต้องเจรจากับตัวแทนพรรคร่วมทุกพรรคจนถึงตีหนึ่ง จึงมีมติร่วมกันว่าจะไม่เข้าประชุม เพื่อให้เลื่อนเลือกนายกฯออกไปก่อน เนื่องจากเห็นว่าเวลาเพียง 3 วันนั้น ไม่เพียงพอต่อการพูดคุยกัน อีกทั้งมติพรรคที่ให้เสนอนายสมัครก็รวบรัดเกินไปตอกกลับเด็กเนวินยุบสภาได้หรือ"ตอนเช้าส่งเมสเสจมาว่าจะประชุมพรรคตอนเวลา 09.30 น. แต่ต่อมาแจ้งยกเลิก แล้วเลื่อนไปประชุมตอน 20.00 น.อีก ทำอย่างกับจัดแถวเด็กนักเรียน ไม่มีเลขาธิการพรรคไหนทำกัน" นายพีระพันธุ์กล่าวผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มเพื่อนเนวินขู่จะยุบสภา หากกลุ่มอีสานพัฒนายังไม่สนับสนุนนายสมัคร นายพีระพันธุ์กล่าวว่า "เขาทำได้เหรอ เพราะอำนาจยุบสภาขณะนี้อยู่ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกฯ"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนแถลงข่าวนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน เข้าไปหารือกับแกนนำอีสานพัฒนาก่อนเดินทางกลับ"อ๋อย"แนะตั้งหลัก-ยุบสภายังไม่เหมาะเมื่อเวลา 13.00 น.ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงว่า การที่สภาไม่สามารถลงมติเลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งนั้น เกิดจากการสื่อสารข้อมูลไม่ตรงกัน แต่เชื่อว่าจะปรับความเห็นที่แตกต่างให้ตรงกันได้ และยังไม่ใช่เรื่องเสียหายมาก ทั้งนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตั้งหลักให้ดี ส่วนการยุบสภาตอนนี้ยังไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เพราะถึงจะยุบสภา กลุ่มพันธมิตรฯก็ยังอยู่ในทำเนียบรัฐบาลต่อไป และเมื่อผลเลือกตั้งออกมา กลุ่มพันธมิตรฯก็ไม่ยอมรับ ดังนั้นยุบสภาไม่ใช่ทางออก แต่ควรเอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้ง ตนอยากเห็นพรรคพลังประชาชนตั้งหลักดีๆ คิดกันด้วยเหตุผล ไม่คิดถึงมุ้ง สิ่งแรกที่พรรคพลังประชาชนต้องทำคือหาตัวบุคคลที่จะมารับตำแหน่งนายกฯ และต้องทำอย่างมีเอกภาพผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้นายสมัครจะช่วยอะไรได้บ้าง นายจาตุรนต์กล่าวว่า นายสมัครยังเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิมเพราะมีประสบการณ์การเมืองมาก อย่างไรก็ตามขณะนี้การประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯวันนี้ ตามรัฐธรรมนูญถือว่ายังไม่ได้เสนอชื่อใครเลย และยังไม่เริ่มวาระการเลือกนายกฯ เพราะไม่ครบองค์ประชุมและปิดประชุมก่อน ถือว่ายังเป็นศูนย์ ในวันที่ 17 ก.ย.ถือเป็นการนับหนึ่ง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะอ้างไม่ได้ว่าเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯแล้ว และถือเป็นเรื่องน่าอายที่อ้างอย่างนั้น เพราะใช้วิธีไม่ครบองค์ประชุมแล้วเสนอตัวเพียงฝ่ายเดียวขอเป็นนายกฯชท.ประชุมใหญ่ปรับโครงสร้างเมื่อเวลา 13.00 น.ที่เมืองทองธานี พรรคชาติไทยจัดประชุมใหญ่รับรองรายงานการประชุมพรรค โดยมีมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จากเดิม 34 ตำแหน่งเหลือเพียง 12 ตำแหน่ง ดังนี้ นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นหัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เป็นเลขาธิการพรรค นายจองชัย เที่ยงธรรม และนายนิกร จำนง เป็นรองหัวหน้าพรรค นายเกษม สรศักดิ์เกษม เป็นรองเลขาธิการพรรคและนายทะเบียนพรรค นายธรรมา ปิ่นสุกาญจนะ เป็นเหรัญญิก น.ส.ปอร รัชม์ ยอดเณร เป็นโฆษกพรรค ส่วนกรรมการบริหารพรรคมี 4 คน คือ นายธีรวัฒน์ ศิริวัณสาณฑ์ นางสุจิตรา ผาลีพัฒน์ นายมงคล โค้ววัฒนะวงษ์รักษ์ และนายไพศาล ชโนวรรณเป็นที่สังเกตว่าผู้ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นส.ส. ตำแหน่งรองหัวหน้าลดจาก 6 คน เหลือเพียง 2 คน โดยถอดนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายอนุรักษ์ จุรีมาศ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ออกจากตำแหน่ง การประชุมใหญ่ครั้งนี้น.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ อดีตโฆษกพรรค ไม่ได้เข้าร่วม สมาชิกหลายคนพากันสอบถามว่าหายไปไหนแฉแกนพปช.ขู่ถ้าเปลี่ยนขั้วยุบสภานายบรรหารกล่าวปราศรัยต่อสมาชิกว่า การเลือกนายกฯวันนี้มันด่วนเกินไป ฝากถึงรัฐบาลว่าผู้นำคนต่อไปต้องมีมนุษยสัมพันธ์ ถ้อยทีถ้อยอาศัย มีความอะลุ้มอล่วย สมานฉันท์ลดความขัดแย้ง ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองไปไม่รอด ตนถูกกดดันจากหลายฝ่าย ในพรรคพลังประชาชนก็แตกเป็นหลายฝ่ายและไม่เห็นด้วย จึงเห็นว่าควรขยายเวลาเลือกนายกฯออกไป 3-4 วันดีกว่า จึงเป็นที่มาขององค์ประชุมไม่ครบ ส่วนอีกพรรคหนึ่งไม่ต้องพูดถึง คิดว่าหวานคอแร้งกูได้เป็นนายกฯแน่ เกมต่อเกมก็ต้องแก้เกมกัน แต่ตอนนี้มันจบแล้ว ผู้คนแตกแยกกันมาก ต้องช่วยกันกอบกู้ เมื่อคืนตนไม่ได้นอนทั้งคืน นั่งปรึกษาหารือกันว่าจะทำอะไรรายงานข่าวจากพรรคชาติไทย เผยว่า พรรคพลังประชาชนขู่พรรคร่วมว่าหากเปลี่ยนขั้วไปรวมกับประชาธิปัตย์ จะทิ้งไพ่ใบสุดท้ายด้วยการยุบสภาวันที่ 16 ก.ย. ทำให้ส.ส.พรรคชาติไทยพูดคุยกันว่าไม่มีทางพลิกขั้วเด็ดขาด เท่าที่คุยกับพรรคร่วมต่างยอมรับว่าติดปัญหาที่นายสมัครเพียงคนเดียว เนื่องจากเป็นต้นเหตุสังคมแตกแยก อย่างไรก็ตามส.ส.บางส่วนมองว่านายสมัครแม้มีปัญหาแต่ไม่เท่านายเนวิน ชิดชอบ ที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันนายสมัคร เพื่อสร้างอำนาจบารมีให้กับตนเองพปช.เครียดแยกภาคประชุมส.ส.ขณะที่พรรคพลังประชาชนยังเคลื่อนไหวกันอย่างเคร่งเครียดตลอดทั้งวัน โดยเวลา 14.00 น.พรรคประชุมส.ส. มีนายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานส.ส.ทำหน้าที่ประธาน โดยมี ส.ส.และแกนนำ อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงส์ลี นายไชยา สะสมทรัพย์ เข้าร่วมผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างประชุมส.ส.พรรค แกนนำแต่ละภาคแยกห้องหารือถึงปัญหาการเสนอชื่อนายกฯ โดยภาคเหนือมีนายสมพงษ์ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายพงศ์เทพ เทพกาญนา โฆษกส่วนตัวพ.ต.ท. ทักษิณ หารือกัน ส่วนภาคอีสาน นายเนวิน ชิดชอบ และน.พ. สุรพงษ์ นำทีม ขณะที่กลุ่มภาคเหนือบางส่วน พร้อมด้วยกลุ่มอีสานพัฒนาและภาคกลางบางส่วนหารือกันที่ห้องประชุมชั้น 10 ทั้งนี้น.พ.สุรพงษ์คอยประสานแต่ละภาคว่าได้ข้อสรุปเช่นใด จากนั้นนำเข้าเสนอที่ประชุมส.ส. โดยที่ประชุมแกนนำแต่ละภาคเห็นตรงกันว่าให้แกนนำ "3 ส." คือ นายสมชาย นายสมพงษ์ และน.พ.สุรพงษ์ไปพบนายสมัคร เพื่อรายงานผลการหารือของส.ส.และแกนนำพรรค โดยขอให้นายสมัครตัดสินใจเองว่าจะยอมถอยหรือไม่ และจะเสนอใครขึ้นมาเป็นายกฯก๊วนเหนือชู"สมพงษ์"เหมาะกว่าส.อื่นรายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากน.พ.สุรพงษ์แจ้งผลให้ที่ประชุมส.ส.ทราบแล้ว นายไชยาขอให้ส.ส.ทุกกลุ่มประคับประคองพรรค โดยขอคำยืนยันจากกลุ่มอีสานพัฒนาและส.ส.ที่ไม่เข้าประชุมสภาว่าขอให้ยืนยันว่าในช่วงประสานงานจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ที่กระทบต่อพรรค โดยพรรคมอบหมายนายสมชาย นายสมพงษ์ และน.พ.สุรพงษ์เจรจากับทุกฝ่ายเพื่อเลือกนายกฯคนใหม่ให้เสร็จเรียบร้อยทั้งนี้ภายใน 1-2 วันนี้ แกนนำทั้ง 3 ส.จะเรียกแกนนำกลุ่มต่างๆ ในพรรคหารือเป็นการภายใน เพื่อทำความเข้าใจและคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง รายงานข่าวจากที่ประชุมแกนนำภาคเหนือเปิดเผยว่า ที่ประชุมภาคเหนือเห็นว่าควรเสนอชื่อนายสมพงษ์เป็นนายกฯ เนื่องจากไม่มีคดีความที่จะเป็นปัญหาในการทำงาน และมีภาพลักษณ์ความใกล้ชิดกับพ.ต.ท. ทักษิณน้อยกว่านายสมชายและน.พ.สุรพงษ์สถานการณ์ทำให้"หมัก"ยอมถอยจากนั้นเวลา 16.45 น.นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ หัวหน้ากลุ่มขุนค้อน ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมมอบหมายน.พ.สุรพงษ์ นายสมพงษ์ และนายสมชาย ไปเจรจากับนายสมัคร รวมทั้งประสานพรรคร่วมรัฐบาลให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด เมื่อถามว่านายสมัครยังยืนยันกลับมาเป็นนายกฯอีกหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า คิดว่านายสมัครไม่รับแล้ว คงไปพูดคุยเพื่อให้กำลังใจมากกว่าเพราะที่ผ่านมานายสมัครทำประโยชน์ให้กับพรรคมาก ทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ดีและคาดว่าจะประสานพรรคร่วมรัฐบาลให้จบได้ภายในวันนี้ ขณะนี้พรรคมีเอกภาพ ไม่มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ที่เคยมีปัญหาเมื่อพูดคุยแล้วน่าจะจบว่าที่นายกฯคนใหม่อยู่ใน"3ส."เมื่อถามว่าอะไรเป็นสาเหตุให้มั่นใจว่านายสมัครจะไม่รับตำแหน่งนายกฯ นายสมศักดิ์กล่าวว่า สถานการณ์เมื่อเช้าจะเป็นปัจจัยให้นายสมัครไม่รับตำแหน่ง เพราะเห็นท่าทีที่ชัดเจนของพรรคร่วม เมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนจะเสนอใครเป็นนายกฯ นายสมศักดิ์กล่าวว่า คงเป็นบุคคลตามที่เป็นข่าว อยู่ในชื่อ 3 ส. แต่ตนเห็นว่าคนที่ควรดำรงตำแหน่งนายกฯต้องลดความขัดแย้งได้ และประสานงานกับทุกส่วนให้ได้อย่างดี ต่อข้อถามว่าก่อนประชุมส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวิน 83 คนลงชื่อสนับสนุนนายสมัครเป็นนายกฯ นายสมศักดิ์กล่าวว่า การรวบรวมรายชื่อสนับสนุนใครเป็นเรื่องปกติ เมื่อพูดคุยกันแล้วก็จบ"สรุปง่ายๆ เรามาประชุมกันที่นี่เพื่อเป็นรัฐบาล จะไม่ทะเลาะกันเพื่อไปเป็นฝ่ายค้าน หากทะเลาะกันอีกคงต้องไปเป็นฝ่ายค้านแน่ๆ ทุกฝ่ายจึงเข้าใจและเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลคงเข้าใจตรงกัน และยังยืนยันร่วมรัฐบาลต่อไปกับพรรคพลังประชาชน" นายสมศักดิ์กล่าวเมื่อถามถึงกระแสข่าวนายสมัครลาออกจากหัวหน้าพรรค นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่เห็น รวมถึงตัวน.พ. สุรพงษ์ก็ยังอยู่กับพรรค คงเป็นข่าวที่ไม่มีมูลความจริงไม่อยากเป็นต้นเหตุพรรคแตกด้านนายไพจิต ศรีวรขาน หัวหน้ากลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า ที่ประชุมพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ผู้ใหญ่ในพรรคไปเจรจากับนายสมัครแล้ว เมื่อผลสรุปออกมาก็จะปฏิบัติตาม ไม่มีแตกแถวอย่างแน่นอน เมื่อถามว่าหากผู้ใหญ่ในพรรคมีมติสนับสนุนนายสมัคร ทางกลุ่มยอมรับหรือไม่ นายไพจิตกล่าวว่า แล้วแต่ เราได้ทำหน้าที่ของส.ส.เต็มที่แล้ว ตอนนี้อยู่ในภาระหน้าที่ของสมาชิกพรรค ซึ่งการลงมติในฐานะส.ส.ถือเป็นเอก สิทธิ์ เมื่อถามว่าสาเหตุที่ยอมรับมติพรรคเนื่องจากมีคำขู่ยุบสภาใช่หรือไม่ นายไพจิตกล่าวว่า ไม่มีการพูดถึงเรื่องยุบสภาขณะที่นายสุวัฒน์ ประธานที่ประชุมส.ส.กล่าวว่า จากการพูดคุยในที่ประชุม ส.ส.หลายคนเชื่อว่านายสมัครจะไม่รับตำแหน่ง ซึ่งตัวแทนทั้ง 3 คนจะไปพูดคุยและรายงานความแตกแยกทางความคิดภายในพรรค เชื่อว่านายสมัครคงไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้พรรคแตกแยก อย่างไรก็ตามในการเจรจากับนายสมัครและพรรคร่วมจะชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้ก่อนจะเรียกประชุมพรรคเพื่อขอมติจากที่ประชุมเป็นมติต่อไป"ธีรพล"แจ้งข่าว"หมัก"ขอยุติบทบาทส่วนความเคลื่อนไหวของนายสมัครหลังออกจากรัฐสภาแล้ว ได้กลับเข้าบ้านพักหมู่บ้านโอฬาร จากนั้นเวลา 13.00 น. นายสมัครออกจากบ้านพร้อมคนสนิท โดยน.พ.สุรพงษ์ นายสมชายและนายสมพงษ์พยายามติดต่อนายสมัครเพื่อชี้แจงถึงมติกรรมการบริหารพรรคในช่วงเย็น แต่ติดต่อไม่ได้โดยนายสมัครปิดมือถือ กระทั่งเวลา 17.50 น.นายสมัครจึงกลับเข้าบ้านพักต่อมาเวลา 18.35 น.ที่บ้านนายสมัคร นายธีรพล นพรัมภา อดีตเลขาธิการนายกฯ คนสนิทนายสมัครออกมาเปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า พูดคุยกับนายสมัครเรียบร้อยแล้ว นายสมัครแจ้งว่าได้ทำหน้าที่รักษาประชาธิปไตยดีที่สุดแล้ว จากนี้ไปให้เป็นภาระของพรรคดำเนินการต่อไปผู้สื่อข่าวถามว่าแกนนำพรรคพลังประชาชนมาเข้าพบนายสมัครหรือไม่ นายธีรพลกล่าวว่า นายสมชายไม่ได้พบ นายสมัครฝากข้อความมาบอกแค่นี้ว่า "ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคและรักษาประชาธิปไตยอย่างดีที่สุดแล้ว จึงขอยุติ ต่อไปการตัดสินใจอยู่ที่พรรค จบแค่นี้"รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้นายสมัครแจ้งไปยังแกนนำ 3 ส.ที่พยายามประสานขอเข้าพบว่าไม่ต้องมาที่บ้าน โดยจะแถลงเอง จากนั้นมอบหมายนายธีรพลมาชี้แจงกับผู้สื่อข่าวที่รออยู่หน้าบ้านจำนวนมากรอหนังสือลาออกจากหน.พรรคต่อมาที่พรรคพลังประชาชน นายสมาน เลิศวงศ์รัตน์ นายทะเบียนพรรค กล่าวถึงกรณีนายธีรพล เลขานุการนายสมัคร เปิดเผยว่า นายสมัครขอยุติการเป็นหัวหน้าพรรคแล้วว่า เพิ่งทราบข่าวจากโทรทัศน์ ซึ่งนายธีรพลเป็นผู้ให้ข่าว ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนและยังไม่ได้รับหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ เพราะหลังจากประชุมกรรมการบริหารพรรคเสร็จเวลา 16.00 น. พรรคมอบหมายนายสมชาย นายสมพงษ์ และน.พ.สุรพงษ์ไปเจรจากับนายสมัคร ตนยังไม่ได้ติดต่อกับทั้ง 3 คนนายสมานกล่าวอีกว่า การลาออกนั้นมีผลทันทีที่ยื่นหนังสือลาออกถึงเลขาธิการพรรคหรือตนเอง ส่วนขั้นตอนต่อจากนั้นคณะกรรมการบริหารจะตั้งผู้รักษาการหัวหน้าพรรค โดยจะเป็นรองหัวหน้าพรรคคนใดก็ได้ แต่การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องรอประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อคัดเลือกชื่อ"สมพงษ์"มาแรงแซง"2 ส."รายงานจากแกนนำพปช.เปิดเผยว่า หลังจากนายสมัครยอมถอยขอยุติบทบาททางการเมือง แกนนำพรรคนัดหารือกันนอกรอบที่พรรคพลังประชาชนวันที่ 13 ก.ย. เวลา 09.30 น. เพื่อกำหนดทิศทางงานการเมืองต่อไป สำหรับการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯ แทนนายสมัครนั้น ขณะนี้ยังมีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย โดยกลุ่มเพื่อนเนวินและส.ส.บางส่วนเห็นว่า น.พ.สุรพงษ์เหมาะสม แต่กลุ่มภาคเหนือของนายยงยุทธเห็นว่าควรเป็นนายสมชาย อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 คนยังมีปัญหาติดขัดบางประการ โดยน.พ.สุรพงษ์ติดคดีหวยบนดิน หากรับตำแหน่งอาจเป็นเป้าโจมตี และยังมีภาพตัวแทนพ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนนายสมชายมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดพ.ต.ท.ทักษิณในฐานะน้องเขย แกนนำพรรคจึงหันมาพิจารณานายสมพงษ์ แม้จะมีภาพใกล้ชิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ และเคยสนิทสนมกับนายเนวิน เมื่อครั้งตั้ง "กลุ่ม 16" แต่ในจำนวน "3 ส." นายสมพงษ์ถือว่ามีประเด็นที่จะถูกโจมตีน้อยที่สุด ซึ่งการหารือระหว่างแกนนำพรรควันที่ 13 ก.ย.จะหาทางออกเรื่องนี้เพื่อความชัดเจนอีกครั้ง โดยเหลือ 2 ส. คือ นายสมพงษ์กับนายสมชาย เป็นตัวเก็งนายกฯคนใหม่"มุ้งเนวิน"ฉุนโดนรุมในพรรคทางด้านกลุ่มเพื่อนเนวินมีรายงานข่าวว่า ภายหลังประสบความล้มเหลวในการผลักดันนายสมัครเป็นนายกฯ อีกครั้ง แกนนำกลุ่มประชุมหารือกันภายในถึงบุคคลที่จะสนับสนุนต่อไป ปรากฏว่าส.ส.ส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ต้องเสนอชื่อใครทั้งสิ้น เพราะไม่พอใจท่าทีของแกนนำกลุ่มภาคเหนือของนายยงยุทธ ที่จับมือกับกลุ่มนครบาลของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และกลุ่มภาคกลางของนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ไม่เอานายสมัคร และแสดงออกว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มเพื่อนเนวินอย่างชัดเจนมาตลอด ดังนั้น จะรอดูชื่อนายกฯคนใหม่ที่กลุ่มดังกล่าวเสนอขึ้นมา หากไม่ใช่ชื่อที่เห็นด้วย สมาชิกในกลุ่มจำนวน 83 คนจะต่อต้านทันที ทั้งนี้ การประชุมนอกรอบของแกนนำพรรควันที่ 13 ก.ย.นี้ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินจะไม่เข้าร่วมด้วย เหนือ-อีสานผนึกกำลังดัน"สมพงษ์"ส่วนกลุ่มภาคเหนือของนายยงยุทธมีรายงานข่าวเช่นกันว่า ทางกลุ่มเตรียมเสนอชื่อนายสมชายขึ้นมาเป็นตัวเลือก แต่เกรงภาพของนายสมชายที่ใกล้ชิดในฐานะน้องเขยของพ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่น.พ.สุรพงษ์ยังมีปัญหาคดีหวยบนดิน ดังนั้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดเวลานี้คือนายสมพงษ์ ความเห็นนี้ตรงกับกลุ่มอีสานพัฒนาที่ต้องการผลักดันนายสมพงษ์เช่นกัน"สุวัจน์"เปิดบ้านถกเติ้ง-เหนาะ-พผ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เปิดบ้านซอยราชวิถี 22 หารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ประ กอบด้วยพรรคชาติไทย นำโดย นายบรรหาร พล.ต. สนั่น นายสมศักดิ์ พรรคเพื่อแผ่นดินนำโดย นายสุวิทย์ คุณกิตติ นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี และพรรคประชาราช นำโดย นายเสนาะ และยังมี นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิ การพรรครวมใจไทยฯ ร่วมพูดคุยด้วย แต่ไม่มีแกนนำจากพรรคมัชฌิมาธิปไตยจากนั้นเวลา 21.40 น. นายสมศักดิ์เปิดเผยว่า มากินข้าวกันธรรมดา ไม่มีอะไร ส่วนการเสนอชื่อนายกฯคนใหม่นั้น จะเป็นใครก็ได้แล้วแต่พรรคพลังประชาชนเสนอขึ้นมา โดยพรรคร่วมรัฐบาลยังย้ำจุดยืนเดิมคือทำงานร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชาชนผู้สื่อข่าวถามว่านายสมัครประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯแล้ว นายสมศักดิ์กล่าวว่า ถือเป็นการแสดงสปิริต และความเสียสละของนายสมัคร เพราะเห็นว่าสังคมไม่เห็นด้วยด้านนายสุวิทย์กล่าวว่า มาหารือเรื่องของบ้านเมืองว่าต้องระวังไม่ให้มีวิกฤตและเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนเรื่องตัวบุคคลต้องรอพรรคพลังประชาชนเสนอมา เพราะยังไม่เรียบร้อย

ที่มา:http://www.matichon.co.th/khaosod

พันธมิตรฯไม่รับ 3ส.เป็นนายกฯ ลั่นไม่ยอมแลกข้อหา "กบฎ" กับการปลดปล่อย 111 ทรท.ให้เป็นอิสระ

พันธมิตรประกาศไม่รับ "3 ส." นั่งนายกฯลั่นไม่หยุดชุมนุม พธม.ยันไม่จำเป็นแลกนิรโทษกรรม"กบฏ"กับ111ทรท. ย้ำเจตนาเดิมรัฐบาลต้องออกเพื่อให้เกิดการเมืองใหม่ เสนอทางออกยุบสภา สนนท.แนะปฏิรูปการเมือง สาธิตมัฆวานไม่หยุดเคลื่อน กปก.ให้พันธมิตรต่อสู้ในสภา ม็อบระบายความรู้สึกลงผ้ายาว 300 ม. "อนุพงษ์" ย้ำไม่สลายการชุมนุม
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างต่อเนื่องวันที่ 13 กันยายน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกเปิดทางให้มีการเมืองใหม่ ไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชน
พธม.ยันไม่จำเป็นแลกนิรโทษกรรม"กบฏ"กับ111ทรท.
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เสนอแนวคิดให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย รวมทั้งแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อหาทางออกให้สังคมสงบสุข ว่า ทางพันธมิตรฯไม่รับข้อเสนอดังกล่าวอย่างเด็ดขาด เนื่องจากแนวทางนี้ไม่ใช่ข้อเสนอของเรา อย่างไรก็ตาม ไม่มีความจำเป็นต้องแลกการนิรโทษกรรมข้อหากบฎกับการนิรโทษกรรมการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน เนื่องจากได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแล้ว โดยระบุว่าเป็นข้อหาที่รุนแรงเกินไป ทั้งนี้สุดท้ายอาจมีการเพิกถอนข้อหานี้ก็ได้
"กานต์"เล็งนิรโทษกรรมแกนนำพันธมิตร เพื่อปท.สงบสุข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นประธานเปิดการประชุมกำนันและผู้ใหญ่บ้าน 17 จังหวัดภาคเหนือ พ.ต.ท.กานต์ กล่าวว่า จะเสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข นอกจากนี้ คิดว่าพันธมิตรฯ สามารถตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้ เพราะมีเสียงสนับสนุนถึง 10 ล้านเสียง
พันธมิตรประกาศไม่เอา "3 ส."
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยืนยันไม่ว่าใครใน "3 ส." จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะไม่หยุดการชุมนุม พร้อมย้ำในเจตนารมณ์เดิมคือ ให้รัฐบาลลาออก เพื่อให้เกิดการเมืองใหม่ โดยในการแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร เมื่อวันที่ 13 กันยายน ระบุว่า ไม่ว่าใครใน "3 ส." ของพรรคพลังประชาชน (พปช.) คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี พันธมิตรจะไม่ยุติการชุมนุม เพราะถือว่า เป็นรัฐบาลเดียวกัน และที่ผ่านมาได้ดำเนินนโยบายผิดพลาดมาตลอด อย่างเช่นเรื่องปราสาทพระวิหาร หรือความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น บุคคลเหล่านี้ไม่สมควรมาเป็นรัฐบาลอีก
ย้ำเจตนารมณ์ "การเมืองใหม่"
พล.ต.จำลองยังย้ำถึงเจตนารมณ์ของกลุ่มพันธมิตรว่า รัฐบาลต้องลาออกไป เพื่อให้เกิดการเมืองใหม่ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกลุ่มพันธมิตรที่จะทำให้เกิดขึ้น แต่ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการเมืองใหม่ จะมีใครใน 9 แกนนำพันธมิตรที่ถูกออกหมายจับในข้อหากบฏ จะเข้าไปรับตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า ก็เป็นเรื่องความจำเป็นของแต่ละคน แต่ส่วนตัวแล้วคงไม่ขอรับ และอยากจะกลับไปทำงานส่วนตัวมากกว่า ซึ่งถ้าคิดจะเล่นการเมืองจริงๆ ป่านนี้ก็คงยังเล่นอยู่แล้ว เมื่อถามถึงกรณีมีการเรียกร้องให้ลงเลือกตั้งแข่งกับ พปช. พล.ต.จำลองกล่าวว่า "ผมก็เคยชนะมาหมดแล้ว ทั้งนายสมัคร และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสนามเลือกตั้ง"
"ชวน"บอกยุบสภาเป็นทางออก
เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรจะมีการถอยจากทำเนียบรัฐบาลเมื่อใด พล.ต.จำลองกล่าวว่า ต้องถือว่าพันธมิตรโชคร้ายที่มีรัฐบาลหน้าหนา ซึ่งถ้าเป็นที่อื่นรัฐบาลก็ลาออกกันไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าการชุมนุมที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จ เพราะอย่างน้อยก็มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อย่างเช่นกรณีที่นายสมัครไม่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี
ด้านนายสมศักดิ์กล่าวถึงเรื่องการเมืองใหม่ว่า ไม่อยากให้ไปยึดติดว่าประชาธิปไตยเป็นเพียงเรื่องของการเลือกตั้งเท่านั้น ที่ผ่านมาการเลือกตั้งก็ไม่สามารถเลือกใครมาเป็นตัวแทนของกลุ่มคนในสังคมได้ นอกจากเป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ ที่ควรจะมองคือ เมื่อเข้ามาแล้วได้ทำหน้าที่เพื่อส่วนรวมหรือไม่ มีการตรวจสอบและการถอดถอนจากประชาชนได้หรือไม่
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีที่มาจาก พปช. และพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ทางออกมีอยู่หลายทาง ซึ่งการยุบสภาก็เป็นทางออกหนึ่ง แต่ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร
"อนุพงษ์" ย้ำไม่สลายการชุมนุม
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตอบคำถามผู้ดำเนินรายการ "ลับ ลวง พราง" ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 ที่ถามว่า จะมีการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรที่ปักหลักในทำเนียบรัฐบาลในช่วงสุญญากาศหรือไม่ว่า คณะกรรมการผู้รับผิดชอบแก้ไขในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ให้ข้อพิจารณาในเรื่องนี้ว่า เดิมทีพันธมิตรมีการชุมนุมอยู่แล้ว เมื่อ พ.ร.ก.ออกมาสั่งว่าห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ซึ่งเท่ากับว่า มีการชุมนุมอยู่แล้ว แต่สั่งห้าม หมายความว่า ต้องเข้าไปดำเนินการ แต่เมื่อมีการดำเนินการไปครั้งหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งผลที่ตามมายิ่งทำให้เกิดปัญหาและความไม่สงบมากกว่าเดิม
"อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่า แก้ปัญหา แต่ไปเพิ่มปัญหา ดังนั้น ต้องใช้มิติอื่น ซึ่งขณะนี้ทางการเมืองพยายามแก้ไขสถานการณ์ อย่างเช่นที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มีการดำเนินการ และประชาชนทั่วไปคงจะลดอุณหภูมิในการที่จะไปมีส่วนร่วม ดังนั้น เชื่อว่า น่าจะค่อยๆ แก้ปัญหาไปได้เรื่อยๆ ในตัวเอง" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ยืนยันไม่มีวาระส่วนตัวใดๆ
เมื่อถามว่า ทำอย่างไรให้ทหารอดทนต่อสถานการณ์ทางการเมืองได้ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ต้องพูดให้ทุกคนเข้าใจว่า ทหารควรจะเป็นหลักของบ้านเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ทหารต้องประกันความมั่นคงของประเทศชาติ และยืนยันว่าไม่มีวาระส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น หากผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าใจ และเชื่อมั่นว่า ตนจะไม่นำพาไปในทางที่ผิด จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าไปยุ่ง เมื่อถามว่า หากการเมืองหาทางออกให้กับสถานการณ์ไม่ได้ กองทัพจะมีจุดยืนอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า คงเหมือนเดิม เพราะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองพยายามแก้ไขปัญหากันอยู่ คงเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน
สนนท.แนะปฏิรูปการเมือง
วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา ได้มีการเสวนาเรื่อง "บทบาทนักศึกษาในสถานการณ์วิกฤตการเมือง" มีกลุ่มนักศึกษาเข้าร่วมจากสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) องค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) กลุ่มสาธิตมัฆวาน และกลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิ๊ก (กปก.) เข้าร่วมการเสวนา โดยนายธนากร สัมมาสาโก กรรมการบริหาร สนนท. กล่าวว่า จุดยืนของ สนนท.คือต้านการสร้างเงื่อนไขความรุนแรงที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร และยืนยันไม่เอาข้อเสนอ 70:30
"สนนท.เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร ที่สามารถทำให้ภาคประชาชนควบคุมภาครัฐได้ แต่เห็นว่าขัดกับกฎหมาย และยังส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนชั้นล่าง เช่น กรณีที่หยุดเดินขบวนรถไฟ" นายธนากรกล่าว และว่า นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศลดบทบาททางการเมืองแล้ว แต่กลุ่มพันธมิตรยังไม่ยุติการชุมนุม จึงเห็นว่าต่างฝ่ายต้องต่างถอย และไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เนื่องจากไม่ได้มาจากกระบวนการทางประชาธิปไตย และอยากเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
สาธิตมัฆวานฯไม่หยุดเคลื่อน
นายอนุธีร์ เดชเทวพร นายกกิจการภายนอก อมธ. กล่าวว่า ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและไม่ต้องการเห็นความรุนแรง อยากให้ทุกฝ่ายเคารพกติกา และยอมรับไม่ได้กับการปะทะที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกรณีการรุกล้ำเข้าไปในสถานที่ต่างๆ ของพันธมิตร ที่ทำให้สังคมเกิดความรุนแรงและเสียหายในระดับหนึ่ง และอยากให้เพื่อนๆ นักศึกษาใช้สิทธิอย่างมีสติ มีความคิดเห็นอย่างไรก็ให้เป็นไปตามแนวทางนั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือขอให้เคารพสิทธิของคนส่วนใหญ่ด้วย
นายศตวรรษ อิทรายุท ตัวแทนกลุ่มสาธิตมัฆวาน กล่าวว่า การออกมาร่วมชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา ช่วยกระตุ้นให้กลุ่มนักศึกษาหันออกมาร่วมกิจการของสังคมด้านต่างๆ มากขึ้น สำหรับแนวทางที่กลุ่มสาธิตมัฆวานต้องการเห็นคือ การให้มีตัวแทนจากทุกสาขาอาชีพเข้ามาอยู่ในสภา โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม ที่ถือเป็นอาชีพหลักของประเทศ แต่กลับไม่มี ส.ส.ที่มาจากอาชีพเกษตรกร
"ไม่ว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรจะจบหรือไม่จบ ทางกลุ่มขอยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวต่อไป และสิ่งที่กลุ่มสาธิตมัฆวานไม่พอใจรัฐบาลคือ การเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ และความไม่มีจริยธรรมของนายสมัคร" นายศตวรรษกล่าว
กปก.ให้พันธมิตรต่อสู้ในสภา
นายกฤติกร วงศ์สว่างพานิช ตัวแทน กปก. กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวทางกลุ่มพันธมิตรที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเรื่องข้อเรียกร้องด้วยการออกมาประกาศชุมนุมและไม่ยอมเลิกจนกว่าจะได้รับตามข้อเสนอ รวมทั้งยังไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาล เพราะเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวและรุนแรงมาก การชุมนุมสามารถกระทำได้แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย การเรียกร้องสามารถทำได้แต่ไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อน พันธมิตรควรจะออกมาจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง ให้ผ่านการเลือกตั้ง เพื่อเข้าไปต่อสู้ในสภา
ด้านนายประจักศ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กลุ่มนักศึกษาไม่ควรนำเหตุการณ์ 14 ตุลา มาใช้เป็นกรอบแนวทางในการออกมาเคลื่อนไหว เพราะเป็นเหตุการณ์คนละแบบกัน คิดว่าการมีส่วนร่วมนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องถูกจำกัดด้วยเป้าหมายและวิธีการที่ถูกต้องด้วย รวมทั้งต้องใช้ความคิดและสติปัญญาในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงให้กับสังคม
ระบายความรู้สึกลงผ้า300ม.
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. แนวร่วมนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตย หรือยัง แพด ได้จัดกิจกรรม ให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เขียนข้อความแสดงความรู้สึก ลงบนผ้ายาวเกือบ 300 เมตร ซึ่งปูตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยาวไปถึงแยกมิสกวัน ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมพอสมควร

ที่มา:http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1221312514&grpid=00&catid=01

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

“อัมมาร” ชี้ หากสภาเลือก “หมัก” กลับเก้าอี้จะกลายเป็น“สภาไร้มารยาท”

อดีตรองนายก “ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม” แนะ สภาไม่ควรเร่งรีบนากยก ควรคิดให้ดีก่อนว่าใครที่จะเป็นนายกแล้ว สามารถแก้ไขปัญหา บ้านเมืองได้ – ประธาน TDRI “อัมมาร สยามวาลา” ดักคอ ส.ส.ในสภา รวมตัวกันเลือก “หมัก” กลับมาเป็นนายก นอกจากจะสร้างความขัดแย้งเพิ่มแล้ว ยังทำให้กลายเป็น “สภาไร้มาทยาท” ที่ละเมิดคำสั่งศาลในทางพฤตินัย
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการตอบโจทย์ ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ดำเนินรายการโดยกรุณา บัวคำศรี ว่าสถานการณ์ในวันนี้แม้จะยังไม่เอื้อต่อสร้างความสงบในสังคมมากนัก เพราะแต่ละฝ่ายยังคิดต่างกันอยู่มาก แต่การที่ศาล รธน. ตัดสินให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่จะสามารถแก้ปัญหาในบ้านเมืองได้ เพียงแต่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะสภาต้องใจเย็นคิดพิจารณาให้ถ้วนถี่ ว่าควรจะเลือกใครเป็นนายก เพื่อให้ปัญหาบ้านเมืองมีทางออก

ทั้งนี้ประการแรกที่ควรจะทำก็คือ สภาไม่ควรที่จะรีบโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย.นี้ เพราะไม่จำเป็นต้องเร่งรีบขนาดนั้น เนื่องจากกฎหมายให้เวลาถึง 1 เดือน ดังนั้นรัฐบาลควรใช้เวลาคิดให้คุ้มค่าเสียก่อน เพราะการที่ไม่มีนายกอยู่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศมากมาย ก็คล้ายกับตอนที่นากยกรัฐมนตรีไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ที่สามารถมีนายกรักษาการปฏิบัติหน้าที่แทนได้

นายไพบูลย์ เสนอว่า การแก้ไขปัญหาในขณะนี้ควรให้ทุกฝ่ายมาร่วมพูดคุยกัน โดยหาคนที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมาเป็นคนกลางในการเจรจา ก็น่าจะทำให้สามารถบรรลุข้อตกลงได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะปัญหาที่มีอยู่ทุกวันนี้มีรายละเอียดปลีกย่อยของปัญหามีอยู่มากมาย ซึ่งหากจะคาดหวังให้การแก้ปัญหาจบลงอย่างรวดเร็วคงเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ตนยังมองว่า การแก้ปัญหานั้นควรหาหลาย ๆ วิธีมาผสมผสานกัน เพื่อให้ได้ทางออกที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้

ด้าน ศ.ดร.อัมมาร สยามวาลา รักษาการประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่าตนเห็นด้วยเช่นกันว่าไม่ควรจะรีบเลือกนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์ที่ 12 นี้ เพราะการทำเช่นนั้นถือเป็นการเร่งรีบจนเกินไป ซึ่งสภาควรจะใช้เวลาพิจารณาให้ดีก่อนที่จะเลือกตัวนายกคนใหม่ เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า แล้วการที่ไม่มีนายกรัฐมนตรีนานเกินไป จะไม่ส่งผลเสียต่อการบริหารประเทศอย่างที่พรรคพลังประชาชนกล่าวอ้างหรือ นายอัมมาร ตอบว่า“บางทีไม่มีคนบริหาร ดีการมีคนบริหารที่ไม่มีใครยอมรับ”

นายอัมมาร กล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่าสภาผู้แทนราษฎรจะผิดมารยาทอย่างร้ายแรง ที่เลือกนายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถึงแม้สิ่งที่สภาฯ ทำจะไม่ได้เป็นการหมิ่นศาลตามหลักนิตินัย แต่โดยพฤตินัยแล้วก็เป็นการหมิ่นศาลอย่างร้ายแรง เพราะหากเลือกนายสมัคร กลับเข้ามาอีก ก็เท่ากับว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ไม่ได้เกิดขึ้น ศาลเหมือนไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะแม้ว่าจะตัดสินไปแล้วว่าคนๆ นี้ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายก แต่สภาผู้แทนก็ยังไม่สนใจ ยังจะให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ซึ่งเรื่องนี้แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดมารยาทอย่างมาก

“มันไม่ใช่มารยาทของคุณสมัคร แต่เป็นมารยาทของสภาผู้แทนราษฎรที่เลือกท่านสมัคร และหากสภาผู้แทนราษฎร เลือกท่านจริง ผมก็ต้องยอมรับเพราะผมเป็นประชาชนธรรมดา คงไม่มีอำนาจไปทำอะไร แต่ผมก็จะตราหัวไว้ว่า เป็นสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่มีมารยาท” นายอัมมาร กล่าว

ส่วนทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาการเมืองในขณะนี้ ตนมองว่าควรยุบสภา เพราะสภาพของสภาในปัจจุบันมันไปไม่ไหวแล้ว เพราะเสียงข้างมากที่นายสมัคร และพรรคพลังประชาชนมีอยู่ในสภา มันถูกต้องข้อสงสัยว่าไม่ใช่แล้ว เพราะเสียงที่แท้จริงของประชาชนส่วนใหญ่ เริ่มไม่เห็นด้วยที่จะให้เป็นเสียงข้างมากแล้ว ดังนั้นเมื่อพรรคพลังประชาชนเอง ก็ยังมีความคิดอยากจะทำประชามติเพื่อถามประชาชนว่ายังต้องการรัฐบาลชุดนี้อยู่หรือไม่ ดังนั้นก็ควรจะพูดอย่างตรงไปตรงมา ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ไปเลยจะดีกว่า

พลังเยาวชนร่วมกู้ชาติ ขับไล่รัฐบาลทรราช

เก็บตกประมวลภาพความน่ารักในนาทีแห่งประวัติศาสตร์ และความทรงจำดีๆ ของบรรดานักเรียน นิสิต
นักศึกษา เครือข่ายเยาวชนกู้ชาติหรือ Young PAD ที่ออกมารวมตัวบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อวันวานที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลที่ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กรณีสั่งห้ามนิสิตนักศึกษาชุมนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมือง










มติพปช.เอกฉันท์ดัน “สมัคร” กลับมาเป็นนายกฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการประชุม ส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดย ส.ส.พปช. ยังคงสนับสนุนให้ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุม ส.ส.แล้ว กรรมการบริหารพรรคได้หารือกันต่อ ล่าสุดเห็นว่าปัญหาของ นายสมัคร เช่นเรื่องคดีหมิ่นประมาทต่าง ๆ อาจต้องใช้เวลากว่าที่กระบวนการขั้นตอนยุติธรรมจะดำเนินการอีกหลายเดือน ส่วนการตัดสินใจรับตำแหน่งหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ นายสมัคร เอง
ด้านร.ก.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน เปิดแถลงข่าว โดยระบุว่า นายสมัครไม่ได้ทำความเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง โดยมองว่า เป็นความผิดเพียงเล็กน้อย ขณะที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีหมายจับ แต่แกนนำฯ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล วันนี้พรรคพลังประชาชนมีมติทำตามตามกรอบของกฎหมาย สนับสนุนหัวหน้าพรรค ตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต้องได้รับเกียรติสูงสุดทางการเมือง
“คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเฉพาะประเด็นว่า นายสมัครเข้าใจข้อกฎหมายคลาดเคลื่อน ท่านไม่ได้ทุจริต หรือคิดร้าย เราเห็นว่าต้องให้กำลังใจ เพราะนายสมัครเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พรรคยืนยันมติที่ส.ส.ได้ลงไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา” โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าว


ที่มา:http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=103795

'บ่นไป' พาไฟลาม !! 'ดวงปากสมัคร' ร้อน 'เหมือนทักษิณ'

แล้วคดีที่มีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ของ “สมัคร สุนทรเวช” นายกรัฐมนตรี จากกรณีดำเนินรายการ “ชิมไป บ่นไป” และ “ยกโขยงหกโมงเช้า” ก็มีคำวินิจฉัยคดีชี้ขาดออกมาเมื่อเย็นวันที่ 9 ก.ย. 2551 โดยนายสมัครต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รายละเอียดก็ดังที่ทราบกันจากรายงานข่าว ซึ่งจะมีโหวตในสภา ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกหรือไม่? ก็รอดูกัน... ที่ไม่ต้องรอ เพราะคนชื่อสมัครมีให้ดู-มีให้ฟังมาตลอด ตั้งแต่ยังไม่เป็นนายกฯ-เป็นนายกฯ-พ้นนายกฯ ก็คือลีลาท่าทางยามพูดจา และคำพูดคำจาสไตล์ “บ่นไป...แรง ๆ” ที่สร้างประเด็นฮือฮาอยู่เป็นประจำ !?! ทั้งนี้ เส้นทางในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ของ “สมัคร สุนทรเวช” กับ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ดูจะมีอะไรหลายจุดที่คล้ายคลึงกัน เช่น ถูกม็อบฮือไล่พ้นเก้าอี้เหมือนกัน, ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯเหมือนกัน ฯลฯ ซึ่งก็มิใช่เรื่องบังเอิญ เพราะมันมีเหตุทางการเมืองที่ติดพันกันอยู่ในช่วง 2 รัฐบาล แต่ก็มีจุดหนึ่งที่ “เหมือนโดยบังเอิญ” ทั้งที่ต่างสไตล์กัน นั่นคือ “ดวงปาก” คือ “คำพูดทำให้ร้อน” อยู่ตลอด ?!? ย้อนไปช่วงปลายปี 2548 ก่อนช่วงปลายในการเป็นนายกฯของ พ.ต.ท.ทักษิณเล็กน้อย เจ้าตัวเองเคยบอกกับสื่อยามที่ไม่อยากให้สัมภาษณ์ ประมาณว่า...ดวงช่วงนี้มีปัญหาเนื่องจาก “ดาวพุธ” จึงไม่อยากพูดมาก ซึ่งยุคนั้นหมอดูก็ลองตรวจ “ดวงปาก-ดวงคำพูด...พ.ต.ท.ทักษิณ” แล้วบอกผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ... อย่าง อ.ธนกร สินเกษม นายกสมาคมโหรแห่งประเทศไทย บอกว่า... ในเรื่องของคำพูดนั้น ดาวคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณมีลักษณะเป็นคำพูดที่มีสำบัดสำนวน คำพูดออกมาดูไม่ธรรมดา มักมีลักษณะเฉือน เหนือ และข่ม และปีนี้ (2548) พ.ต.ท.ทักษิณอายุ 56 ย่าง 57 ปี ซึ่งเมื่ออายุย่างเข้า 57 ปีแล้ว “ตามหลักโหร ดาวพุธที่เกี่ยวกับปาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกาลี” พูดอะไรออกมามักทำให้คนฟังนั้นตีความผิด เข้าใจผิด ด้าน อ.เก่งกาจ จงใจพระ ประธานชมรมโหรเลขศาสตร์ ก็บอกถึงดวงคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ประมาณว่า... ดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงนั้น ส่งผลต่อเรื่องของคำพูด ประกอบกับบุคลิกที่เป็นคนชอบพูดตรง ๆ เวลาพูดบ่อยครั้งจะดูแข็งกร้าว ห้วน มะนาวไม่มีน้ำ ดูเหมือนคนบ้าอำนาจ ซึ่งคนมักไม่ชอบ ที่สำคัญ “พื้นดวงชะตาแบบ พ.ต.ท.ทักษิณนี้ ทำให้คำพูดมักจะให้โทษแก่ตนเอง” พูดอะไรออกไปคนก็มักตั้งแง่ ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ซึ่งนายสมัครก็มีคดีพูดหมิ่นประมาทคนอื่นอยู่ด้วย ก็อย่างที่ทราบว่าคำพูดมักร้อนแรง ไม่ว่าจะในตลาดสด หรือแม้แต่ในศาล ซึ่งกับ “ดวงปาก-ดวงคำพูด...นายสมัคร” นั้น อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุว่า... นายสมัครมีปากเป็นดาวพุธ หมายถึงเทพแห่งการสื่อสาร พูดเจรจา ประชาสัมพันธ์ รวมถึงการใช้สมองและความคิด ขณะนี้ลัคนาอยู่ในราศีมังกร เป็นเรือนดาวเสาร์ (ดาวพระเคราะห์) อันหมายถึงความตึงเครียด รวมทั้งความเคียดแค้น และอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง วันเกิดนายสมัครคือวันพฤหัสฯ ซึ่งเป็นมหาจักรประจำลัคนานำกำเนิด จึงทำให้เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง พูดจากโผงผาง ดาวเสาร์เป็นกาลกิณี จึงมีการแสดงออกมาในลักษณะค่อนข้างรุนแรง ประกอบกับราหูกุมลัคนามังกร จึงทำให้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายมังกร และขณะเดียวกันก็คล้ายพระราหูด้วย เรียกว่าได้มาตรฐานมหาจักร ทำให้มีลีลาชีวิตที่ก้าวร้าว มุทะลุ เอาแต่ใจ อีกทั้งดาวพุธ การสื่อสาร เจรจา ประชาสัมพันธ์ สถิตอยู่ในราศีพฤษภ ถูกดาวอังคารตรีโกณหน้า ซึ่งถือเป็นดาวพระเคราะห์ที่มีความรุนแรง เป็นมาตรฐานมหาจักร และดาวอังคารยังตรีโกณหลังพระราหูด้วย จึงทำให้ดาวพระเคราะห์ธาตุลมทั้งสององค์นี้ได้มาตรฐานมหาจักร “จากอิทธิพลดาวอังคารตรีโกณหน้า-หลัง ทำให้คุณสมัครไม่ค่อยยับยั้งชั่งใจ บุ่มบ่าม ไม่ยอมใคร การสื่อสารพูดจามักออกมาในลักษณะก้าวร้าว มุทะลุ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ” ...อ.ภิญโญชี้ ขณะที่ อ.เก่งกาจ จงใจพระ ก็ระบุว่า... นายสมัครตอนนี้พื้นดวงชะตามีดาวราหูกุมลัคนา เป็นมหาจักร บุคลิกจึงดื้อรั้น เอาแต่ใจตัว พูดจาโผงผาง ซึ่งกับเรื่องคำพูดนั้นตามตำราของหมอดูรายนี้บอกว่าปากนายสมัครคือดาวอังคาร โดยตอนนี้ดาวอังคารของนายสมัครย้ายอยู่ในราศีกันย์ เป็นมหาจักร จากเดิมดาวอังคารอยู่ในราศีพิจิก เป็นลาภะของราศีมังกรที่ลัคนาสถิตอยู่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายสมัครได้ลาภเพราะปาก แต่จะเสียหายก็เพราะปาก ช่วงนี้จะย่ำแย่เพราะดาวราหูทับลัคนาเจอดาวราหูเดิมจร และยังมีดาวอังคารจรมาเจอดาวอังคารเดิมอีก ดังนั้นถึงปัญหาเล็กน้อย แต่ “เพราะปากก็อาจบานปลายยากจะแก้ไขได้ เสมือนขว้างงูไม่พ้นคอ” หมอดูรายนี้ยังชี้ถึงดาว-ถึงดวงนายสมัครช่วงนี้ สรุปได้ว่า... เป็นช่วงที่ต้องระวังเหตุกระทบกระทั่ง ทะเลาะวิวาท ถูกทรยศหักหลัง เจรจาปัญหาหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ เกิดเรื่องเดือดร้อน สูญเสียความศรัทธา เมื่อดาวราหูจรมาถึงดาวราหูเดิมเจ้าชะตาจะป่วยไข้ การเดินทางก็จะอันตรายจากอริเก่า นอกจากนี้ เมื่อดาวราหูมาถึงดาวอาทิตย์ ก็จะมีเกณฑ์จะเกิดความทุกข์โศก พลัดพรากจากคู่ครอง และสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง พร้อมกับการต้องโทษ “ดวงลักษณะนี้หากมีคดีความในชั้นศาล อาจถึงขั้นติดคุก” ...อ.เก่ง กาจทายทัก “พ.ต.ท.ทักษิณ-นายสมัคร” ดูเผิน ๆ แล้ว...ต่างคนก็ต่างสไตล์ แต่ดูลึกลงไปที่พื้นดวง-ดวงปากคำพูดคำจา...ดูจะคล้าย ๆ กัน แล้วลงท้ายคล้ายกันมั้ย-อย่างไร...ก็ดังที่เห็นและเป็นอยู่ ?!?!?.


ที่มา:http://www.dailynews.co.th/