วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

รัฐบาลล้มรายการโต้เอเอสทีวี

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะให้มีการจัดรายการของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ช่วงเวลา 22.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. เป็นต้นไป เพื่อตอบโต้สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีที่มีการโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องว่า หลังจากที่นายกฯมีแนวคิดดังกล่าว ทางทีมโฆษกรัฐบาล ได้ประสานไปยังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที พบว่าช่วงเวลาดังกล่าวสถานีมีสัญญาผูกพันกับบริษัทเอกชนที่เช่าเวลาผลิตรายการร่วมกับสถานี และยังไม่หมดอายุสัญญา เมื่อประสานไปยังเอกชน ได้รับคำยืนยันว่าพร้อมจะผลิตรายการต่อไป ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับรายการของเอ็นบีทีและเอกชน และป้องกันข้อกล่าวหาต่างๆ จึงจำเป็นต้องยุติการออกอากาศรายการในวันที่ 21 ก.ค.นี้ ไปก่อนแต่แนวคิดที่จะมีรายการเสนอผลงานนโยบายของรัฐบาลผ่านทางเอ็นบีที หรือทีพีบีเอสยังคงมีอยู่ต่อไป ขึ้นอยู่กับว่าจะประสานงานกับทั้ง 2 สถานี ว่าจะเริ่มต้นได้เมื่อใด ทั้งนี้ จะให้ทีมโฆษกรัฐบาลเพิ่มความถี่การแถลงข่าวตอบโต้ทางการเมืองให้มากขึ้น เพราะจะให้อีกฝ่ายหยุด แต่อีกฝ่ายยังคงรุกไล่ต่อไปเรื่อยๆไม่ได้
ปรับเกมลุยดึง “วีระ” ลับฝีปาก
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แม้ไม่มีการออกอากาศรายการของสำนักโฆษกรัฐบาลในวันที่ 21 ก.ค.นี้ แต่จะมีรายการ “ชาวสนามหลวง” มาแทนรายการ “ข่าวหน้า 4” ที่ออกอากาศอยู่เดิมในเวลา 22.00-23.00 น. ทางสถานีเอ็นบีที รายการใหม่นี้จะดำเนินรายการโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำ นปก. แต่ยังเป็นรายการของผู้ผลิตเอกชนรายเดิมอยู่ เพียงแต่ได้เปลี่ยนชื่อรายการพร้อมกับปรับปรุง รูปแบบรายการใหม่ให้เป็นลักษณะวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง เพื่อเรียกเรตติ้งให้ดีขึ้น เท่าที่ทราบการออกอากาศคืนแรกในวันที่ 21 ก.ค.นี้ นายวีระจะเชิญตนและนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนไปร่วมรายการด้วย ส่วนจะมีการเชิญบุคคลใดไปเป็นแขกรับเชิญของรายการบ้างขึ้นอยู่กับนายวีระ ยืนยันรายการใหม่นี้ไม่ได้เป็นรายการนอมินีที่มาแทนรายการของสำนักโฆษกฯ เป็นรายการของผู้ผลิตเอกชนรายเดิม
“อภิสิทธิ์” ติง “สมัคร” ใช้สื่อเอ็นบีที
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคฝ่ายค้าน วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีในช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงห้าทุ่มเพื่อตอบโต้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเป็นสถานีของรัฐ แต่ไม่ใช่รัฐจะนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และเอ็นบีทีไม่ใช่สถานีที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตอบโต้กลุ่มพันธมิตรฯ หากทำอย่างนี้ก็ถือว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลชุดนี้ชอบพูดเสมอว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีมาก หลักการใหญ่ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ สถานีของรัฐไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาล
แขวะนายกฯจับหัวโจกล้มรัฐบาล
เมื่อถามว่าในรายการสนทนาประสาสมัครดูเหมือนว่านายกฯจะยอมรับชะตากรรมว่าอายุรัฐบาลกำลังนับถอยหลังมองอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า อยู่ที่ข้อเท็จจริงและควรปล่อยให้กระบวนการต่างๆ ทำงานอย่างอิสระโดยทุกคนต้องยอมรับกติกา
“ผมอยากย้ำว่านายกฯไม่ควรคิดว่าการที่ กกต.ส่งเรื่องรายการชิมไปบ่นไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นการฆ่าท่าน อย่าคิดหวาดระแวงว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจ้องล้มรัฐบาล หรือเห็นทุกกระบวนการเป็นศัตรูไปหมด การที่นายกฯพูดถึงแผนการต่างๆ ในรายการผมไม่เคยคิดว่ามี แต่ถ้าหากนายกฯมีหลักฐานควรนำออกมาแสดงด้วยไม่ใช่พูดลอยๆ ถ้ามีหลักฐานจริงหรือมีการกระทำที่ส่อว่าผิดกฎหมายจริงก็ดำเนินการเพราะมีอำนาจในมืออยู่แล้ว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ซัดมีพฤติกรรมสวนทางคำพูด
ต่อข้อข่าวถามว่า นายกฯมักโทษเสมอว่ากำลังมีการใช้สื่อปลุกระดมเพื่อโค่นล้มรัฐบาล แต่ตอนนี้มีการใช้สื่อของรัฐตอบโต้มองอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้ย้ำว่ารัฐบาลได้ประกาศนโยบายเรื่องสมานฉันท์ แต่ผู้นำรัฐบาลกลับไม่มีท่าทีสมานฉันท์เลย ส่วนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในจังหวัดต่างๆที่เริ่มมีการปะทะกันระหว่างประชาชนมากขึ้นนั้น นายอภิสิทธิ์ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรระมัดระวังหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่การเผชิญหน้า อยากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็หนักใจ เนื่องจากต้องระมัดระวัง ทางที่ดีที่สุดทุกฝ่ายอย่าไปสร้างความหนักใจ ใช้สิทธิเสรีภาพตามขอบเขต

4 ความคิดเห็น:

I dea กล่าวว่า...

รัฐบาลมีสิทธิอไรถึงต้องโค่นสื่อ

ปิดกั้นสื่อไม่ไชให้เข้าถึงประชาชน

T_T กล่าวว่า...

อย่าปิดกั้นสื่อสิครับ ทุกวันนี้สื่อเข้ามามีบทบาทน้อยมากเพราะพวกหัวการเมืองไงครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถ้าสื่อมันดีก็คงไม่ล้มหรอก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

คนไทยรักในแผ่นดินบ้านเกิดนะและอยากให้โปร่งใสทุกเรื่อง อย่าเอาประเทศชาติมาหากิน