วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เหะหะการเมืองโลก

คอลัมน์ ปริทรรศน์โลก โดย บุญเกิด สุทวีทรัพย์
สถานการณ์การเมืองและบ้านเมืองของไทยเวลานี้ เล่นเอาสถานการณ์การเมืองและบ้านเมืองเมืองนอกเมืองนา ไม่ว่าใกล้หรือไกลออกไปจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมแม้กระทั่งเรื่องการประชุมใหญ่แต่งตั้งตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐประจำปีนี้ ที่ปกติต้องนับเป็นเรื่องใหญ่ คล้ายๆ กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีโลก กลายเป็นเรื่องที่หลุบอยู่ในเงามืดชั่วขณะเป็นเงามืดอันเกิดจากปรากฏการณ์ "สุริยุปราคา" และ "จันทรุปราคา" แห่งการเมืองของเมืองไทย หรือ "กรุงสยาม" อะไรประมาณนั้น และเข้าสู่ภาวะเงามืดเกือบเต็มดวง แทบจะในทันทีที่โอลิมปิคเกมส์ที่กรุงปักกิ่งปิดฉากลง พร้อมกับประกาศให้โลกได้รับรู้ถึง "กำเนิดใหม่" ของกรุงปักกิ่งที่ "ทันสมัย" กว่าเดิมเป็น "กรุงปักกิ่ง" ที่สะอาดสะอ้าน ผ่านพ้นภาวะไอเสียแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ และยังมีอาคารสัญลักษณ์ หรือ "แลนด์มาร์ก" ใหม่มาประดับเพิ่มขึ้น จนเกือบจะแทนที่อาคาร "มหาศาลาประชาชน" เดิมซึ่งก็ได้แก่ อาคารสนามกีฬาแห่งชาติ "รังนก" ที่ใหญ่โตระดับ "มหา" เช่นกันหรือจะเป็นอาคารสนามกีฬาว่ายน้ำที่โชว์ลวดลายผิวเนื้ออาคาร "น้ำ" หรือ "ลายน้ำ" อย่างที่ไม่มีใครทำกันมาก่อน...ว่ากันตามจริง "กรุงปักกิ่ง" นับตั้งแต่กำเนิดเป็นเมืองหลวงของจีนนั้น เปรียบเสมือน "เบอร์ลิน" เมืองหลวงแห่งอาณาจักรปรัสเซียเยอรมันในอดีต ที่เคยเลื่องลือกันว่าเป็นเมืองหลวงแห่งทวีปยุโรป ส่วนกรุงปักกิ่งนั้น คือเมืองหลวงของทวีปเอเชีย และการลงทุนปรับปรุงอาคารสถานที่ตลอดจนถนนหนทางและระบบสาธารณูปโภค ระบบการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อรับเทศกาลโอลิมปิคก็ได้ช่วยอัพเกรดหรือยกระดับ "ความทันสมัย" ของกรุงปักกิ่งครั้งใหญ่ ขณะที่การลงทุนด้านการแสดงก็ได้ช่วยปรับหน้าปรับตามุมการเมืองของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างแหลมคม ส่งผลโดยอ้อมให้กับภาพลักษณ์เสน่หาทางการเมืองของจีนต่อดินแดนในอาณัติปกครองอย่างทิเบต ทำนองว่า จีนทุกวันนี้หาใช่เป็นเหมือนยักษ์มารสังคมนิยมอย่างอดีต ยุคปฏิวัติวัฒนธรรม พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินไปทั่วดาลโลกและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของไทยก็กำลังทำหน้าที่คล้ายๆ หน่วยพิทักษ์ปฏิวัติแดงของจีนตอนนั้น ภายใต้ข้ออ้างอุดมการณ์ปฏิวัติ "เอาคืน" ให้กับประชาชน..."เอาคืน" ให้กับกลุ่มทุนชาตินิยมภายใน ภายใต้การบดเบียดจากกระแสทุนสากลนิยม หรือทุนโลกาภิวัติสมัยใหม่ เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมานับหลายร้อยปีมาแล้ว และเห็นได้ชัดในหมู่ชาวไทยและชาวสยาม ตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา ที่เริ่มเอาอย่างฝรั่งมังค่าด้วย นอกเหนือจากจีน อินเดีย และเปอร์เซียส่วนรัสเซียและกลุ่มชาติริมทะเลบอลติกที่ได้เห็นสริยุปราคาเต็มดวงเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็ได้เข้าสู่สงคราม "รักษาสันติภาพ" ให้กับชาวออสเซเทียใต้กับกองทัพของชาวจอร์เจีย สมกับความเชื่อของเหล่านักฟิสิกส์โหราศาสตร์ และสถานการณ์การเผชิญหน้าขัดแย้งของฝ่ายต่างๆ ได้ผ่อนคลายลงเป็นอันมาก นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว พร้อมกับที่จีนและกลุ่มเอเชียกลางอันเคยอยู่ในเงื้อมเงาสหภาพโซเวียต ได้ออกมาเอาใจรัสเซียด้วยแนวคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในแคว้นออสเซเทียใต้ในทำนองเดียวกัน จนลดอาการสั่นกระตุกอำนาจของสหรัฐและนาโต้ที่รักและหวง "น้องใหม่" อย่างจอร์เจียลงไปได้ในเรื่องสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับจอร์เจีย ด้วยเรื่องปัญหาเอกราชของแคว้นออสเซเทียใต้ได้ตกเป็นเป้าโชว์ออฟนโยบายการต่างประเทศใหม่ของคู่แข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐด้วย แต่ทั้งบารัค โอบาม่า แห่งพรรคเดโมแครต และจอห์น แมคเคน อดีตเสืออากาศสหรัฐแห่งพรรครีพับลิกัน ต่างมีข้อสรุปหรือจุดหมายแบบเดียวกัน ด้วยลีลาการดำเนินนโยบายที่ต่างกัน แบบแขนซ้ายกับแขนขวา บนลำตัวเดียวกัน หลายคนยังคงปักใจเชื่อว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ของประเทศคงยังมอบอำนาจตัดสินใจสูงสุดของประเทศ ให้กับคนในสายรีพับลิกัน หรือจอห์น แม็คเคน มากกว่าจะยอมปล่อยสายบังเหียนให้กับนักการเมืองผิวสีอย่างโอบาม่า ถึงแม้นายโอบาม่าจะได้โจ ไบเดน นักการเมืองอาวุโสมาช่วยขับดันความเป็นอเมริกันแท้ๆ ให้แก่ตนด้วยก็ตามส่วนผลเลือกตั้งแท้จริงจะลงเอยอย่างไร ก็ต้องไปดูกันในวันที่ 4 พฤศจิกายน หลังการสตาร์ตชิงชัยรอบสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ แค่สองเดือนเศษๆ ไม่ใช่นานชั่วกัปกัลป์ หรือจนกว่าจะตาย (ทางการเมือง) จากกันไปข้าง อย่างที่เกิดกับสองกลุ่มการเมืองแห่งประเทศสารขัณฑ์ ขณะที่การเมืองระดับชาติของชาวมาเลเซียนั้น ผู้นำการเมืองฝ่ายค้านยุคปัจจุบันอย่างนายอันวาร์ อิบราฮิม ก็ประกาศจะล้มรัฐบาล ผ่านกระบวนการรัฐสภาของมาเลเซีย ให้ได้ภายในเดือนกันยายนภายหลังจากที่ตนได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาจากรัฐปีนังอย่างถล่มทลายชัยชนะและพละกำลังทางการเมืองของนายอันวาร์มีขึ้นทั้งๆ ที่ตัวนายอันวาร์อยู่ระหว่างการประกันตัว ระหว่างการถูกดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหาผิดกฎหมายประเวณี มาตรา 377 จากการแอบไปมีเซ็กซ์กับผู้ช่วยคนสนิทหนุ่ม วัย 23 ปี เมื่อไม่กี่วันกี่เดือนก่อนหน้านี้ ซ้ำซากกับข้อกล่าวหาเมื่อสักสิบปีก่อนที่ศาลสั่งยกฟ้องให้กับนายอันวาร์ไปแล้วอันว่ากฎหมายประเวณีของมาเลเซียนั้น หะแรกก็คิดเห็นกันไปว่า คงเป็นกฎหมายตามคติธรรมทั่วไปของชาติมุสลิม แต่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แท้จริงเป็นกฎหมายที่ผู้ปกครองเครือจักรภพปรับปรุงขึ้นบังคับใช้ในดินแดนปกครองของอังกฤษทั้งหมด ตั้งแต่ยุคต้นรัชกาลที่ 5 ของกรุงสยาม โดยอังกฤษเองเพิ่งปรับปรุงแก้ไขยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน และการมีเพศสัมพันธ์แบบแปลกๆ ผิดปกติธรรมได้ ตั้งแต่ปี 2510 ส่วนประเทศอื่นๆในเครือจักรภพ ส่วนใหญ่ได้ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ไปนานพอกัน เหลือเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ยังคงใช้กฎหมายฉบับนี้อยู่ ซึ่งก็รวมทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งถือตัวเป็นชาติอนุรักษนิยมด้านเซ็กซ์ โดยเฉพาะในระดับการเมืองการปกครองของประเทศกฎหมายฉบับนี้กำหนดโทษจำคุกสูงสุดไว้นานถึง 20 ปี สำหรับการละเมิดขั้นรุนแรงอย่างที่นายอันวาร์ อิบราฮิม กำลังถูกฟ้องร้องอยู่ส่วนที่สิงคโปร์นั้นยังคงใช้แค่มาตราที่เป็นบทลงโทษจำคุกสูงสุด นานไม่เกิน 2 ปี...

ที่มา:http://www.matichon.co.th

วิจารณ์ลั่นเน็ต"รูปปืนจี้หัว-บึ้มแก๊สน้ำตา"

โต้กันวุ่น! ตัดต่อภาพ ระเบิดเอง
วิจารณ์สนั่นเน็ตภาพเหตุการณ์ตำรวจเอาปืนจี้หัวม็อบ ฝ่ายหนุนม็อบ-ต้านพันธมิตรฯ โต้กันมันหยดข้อสงสัยตัดต่อซ้อนภาพหรือไม่ ฟอร์ เวิร์ดส่งต่อๆ กันอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเหตุการณ์ระเบิดควันหน้าบช.น.ก็มีผู้นำไปโพสต์ในเว็บไซต์ดังยูทูบด้วย พร้อมตั้งข้อสงสัยคนก่อเหตุเป็นฝ่ายไหนกันแน่ ด้านโฆษกตร.แจงไม่มีเหตุการณ์ตำรวจใช้ปืนจ่อหัวประชาชน ส่วนกรณีแก๊สน้ำตาก็เป็นการโยนกันเองจากด้านนอก บช.น.
เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์เผชิญหน้าระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในบริเวณทำเนียบรัฐบาล สะพานมัฆวานรังสรรค์ รวมถึงหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลหรือบช.น.เมื่อวันที่ 29 ส.ค.นั้น กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ได้รับความสนใจอย่างสูงตามเว็บไซต์และเว็บบอร์ดต่างๆ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ และฝ่ายยืนอยู่ข้างรัฐบาล ต่างฝ่ายต่างงัดข้อมูล ข้อเท็จจริงความเห็นมาตอบโต้กันอย่างดุเดือด
ที่เว็บบอร์ดห้องราชดำเนิน ของเว็บไซต์พันทิป มีผู้ตั้งกระทู้ถึงภาพตำรวจหันปากกระบอกปืนจ่อหัวผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรฯ ซึ่งปรากฏในเว็บไซต์และหน้า 1 หนังสือพิมพ์ผู้จัดการและหน้า 1 หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 30 ส.ค. มาชี้จุดผิดสังเกต โดยแสดงให้เห็นว่า ภาพลำกล้องปืนสีดำที่ยาวออกมาจ่อศีรษะผู้ชุมนุมเป็นการตัดต่อภาพ โดยนำลำกล้องปืนจากภาพอื่นเข้ามาซ้อนทับภาพจริง ทำให้ขนาดลำกล้องและความสว่างของแสงที่ตกกระทบบนลำกล้องปืนกับส่วนพานท้ายปืน ซึ่งเป็นภาพจริงไม่เท่ากัน และบริเวณมือขวา ซึ่งตำรวจในภาพใช้ประคองลำกล้องปืนนั้น ถ้ามองดูโล่ตำรวจ จะเห็นว่าคำว่า POLICE เลือนหายไป เพราะมีการตัดต่อภาพใหม่ทับลงไป
อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกในห้องราชดำเนินบางส่วน เช่น ผู้ใช้นามแฝง "ดาวกับเม็ดทราย" แย้งว่า "ผมมีข้อสังเกตให้นิดหนึ่ง เรื่องปืนยิงแก๊สน้ำตา ผมว่าปลายกระบอกปืนมันยาวไปไหม ??? แล้วไม่มีแรงกดผมก็ไม่ยุบ หรือไม่เสียทรง ??? ผมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ว่า ภาพไหนจริง ภาพไหนตัดต่อ แต่ที่ผมเห็นแน่ๆ ก็คือหันปืนใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ผมว่างานนี้จบไม่สวยแน่ๆ"
ด้านผู้อ่านเว็บไซต์ผู้จัดการที่ใช้ชื่อ "เซงเป็ด" เขียนกระทู้ถึงภาพเดียวกันว่า "1. มันสมควรหรือไม่ที่ต้องเอาปืนไปจี้ใส่คน ไม่ว่าจะเป็นปืนจริง หรือปืนกระสุนยาง หรือปืนแก๊สน้ำตา 2. เจตนาที่ทำแบบนี้มันสมควรทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ แค่เอาหมายศาลมาติด ทำไมต้องพกปืนจริง หรือปืนกระสุนยาง หรือปืนแก๊สน้ำตา 3. การกระทำที่ลงมือทุบตีเตะกระทืบประชาชน ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ แค่เอาหมายศาลมาติดต้องกระทำแบบนี้ด้วยหรือ ฯลฯ"
นอกจากนั้น ในส่วนของกระทู้ "ตำรวจใช้แค่โล่กับกระบอง...เป็นการป้องกันตัวครับ ที่ไหนในโลกเขาก็ทำอย่าได้ innocent ไปเลย" ในห้องราชดำเนิน ยังมีผู้นำภาพเหตุปะทะบริเวณสะพานมัฆวานฯ มาโพสต์ โดยเมื่อมีคนนำรูปตำรวจใช้กระบองฟาดเข้าใส่ผู้ชุมนุม ก็มีอีกฝ่ายนำภาพนิ่งจากโทรทัศน์ขณะตำรวจถูกฝูงชนไล่ทุบจนล้มลงไปกับพื้นมาตอบโต้ ส่วนเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ข่าวประชาไท ประเด็นภาพตำรวจใช้ปืนจ่อหัวผู้ชุมนุมในทำเนียบฯ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเช่นกัน มีทั้งฝ่ายที่เชื่อว่าเป็นภาพตัดต่อและเป็นภาพจริง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าภาพนี้มีปัญหา เพราะหลุดออกมาสู่สาธารณะสองครั้ง แต่ความยาวกระบอกปืนกลับสั้น-ยาวแตกต่างกัน
สำหรับเหตุยิงแก๊สน้ำตาหน้าบช.น. ช่วงคืนวันศุกร์ที่ 29 ส.ค.นั้น กระแสความเห็นในเว็บไซต์ เว็บบอร์ด และบล็อกหลายแห่ง แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกเชื่อว่าตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนจริง ส่วนอีกฝ่ายระบุว่า ผู้ชุมนุมบางคนในกลุ่มพันธมิตรฯ ได้โยนและปาระเบิดแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมด้วยกันเอง เพื่อสร้างสถานการณ์ เห็นได้จากคลิปวิดีโอที่ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีบันทึกไว้ได้ พร้อมกับทำภาพกราฟิกเป็นรูปมือชี้จุดที่ผู้ชุมนุมในกลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวผิดสังเกต ต่อมา มีผู้นำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อในเว็บโพสต์คลิปวิดีโอชื่อดังต่างๆ รวมถึงเว็บ "ยูทูบ" (http://www.youtube.com/watch?v=gU634u VhaS4) ส่งผลให้มีนักท่องอินเตอร์เน็ตเข้ามาดึงคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อ"
เป็นการโยนจริง แต่ยังไงแก๊สน้ำตาต้องยิงมาจากปืนยิงแก๊ส ไม่ใช่จุด เสียงปืนมาจากไหน เวลายิงออกมาคนสามารถเก็บแล้วขว้างออกจากตัวได้อยู่แล้ว คุณจะบอกว่าประชาชนมือที่สามมีแก๊สน้ำตาติดตัวเหรอ" ผู้ใช้นามแฝง "สมองใฝ่ต่ำด้านทักษิณจริงๆ" แสดงความเห็นต่อคลิปยูทูบดังกล่าว ขณะที่ผู้อ่านเว็บผู้จัดการเรียกร้องให้เข้าไปดูคลิปภาพข่าวจากสถานีทีวีไทยในยูทูบ http://www.youtube.com/watch?v=mIm 1F80SrUE ซึ่งชี้ว่าแก๊สน้ำตายิงออกมาจากรั้วบช.น.จริง
วันเดียวกัน ที่บช.น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุ การณ์ความวุ่นวายหน้า บช.น.เมื่อคืนวันที่ 29 ส.ค.ว่า มีสื่อมวลชนที่อยู่ใน บช.น. ก็อยู่และเห็นเหตุการณ์ชัดเจน และจากการสอบถามไม่ใช่ฝ่ายตำรวจอย่างแน่นอนและไม่มีเหตุผลและความจำเป็นอะไรที่จะไปยกระดับความรุนแรงของการชุมนุมให้เป็นภาระหนักของฝ่ายตำรวจเข้าไปอีก "
จากการดูภาพข่าวแก๊สน้ำตาเป็นเรื่องของการโยนครับ มีลูกหนึ่งโยนออกไปจาก บช.น.ตามภาพข่าวหลายลูกโยนเข้ามาโดน ผบช.น. เด็กก็โยนกลับออกไป ถ้าเราเป็นคนยิงก็คงไม่โดนผู้บัญชาการ เป็นการโยนจากข้างนอกเข้ามา เป็นเรื่องที่ข้างนอกโยนกันเอง" รองโฆษก ตร.กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภาบางคนเข้ามาพบผบ.ตร.พร้อมนำภาพที่ตำรวจเอาปืนจ่อหัวประชาชนและสื่อบางฉบับนำเอาไปตีพิมพ์าแสดง พล.ต.ต. สุรพล กล่าวว่า ปืนที่ปรากฏตามภาพเป็นอาวุธที่ใช้ในการปราบจลาจล แต่ไม่มีกระสุนบรรจุ สิ่งที่บรรจุอาจจะเป็นตาข่ายหรือกระสุนยาง ซึ่งอาวุธจริงจะไม่มาใช้บรรจุในการปราบจลาจล เพราะฉะนั้นไม่ใช่อาวุธปืนที่มีกระสุน แต่แม้จะเป็นปืนที่มีกระสุนหรือไม่ก็ตาม ปัญหาคือภาพที่ปรากฏ "
เรื่องนี้ต้องยอมรับว่ากิจกรรมของมนุษย์ที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายในพื้นที่จำกัด ก็ทำให้มีโอกาสมีภาพลักษณะดังกล่าวออกมาได้ ซึ่งถ้าหากมีการติดตามการเคลื่อนไหวอีก 30 วินาที ก็จะมีความชัดเจนว่าภาพดังกล่าวเป็นการขู่ประชาชน หรือเป็นการเคลื่อนไหวของมือ เช่น การวาดปืนเข้ามาหรือชี้ปืนออกไป เพราะเชื่อว่าไม่มีตำรวจคนไหนที่จะเอาไปจ่อหัวอย่างนั้น เพราะตำรวจมีเพียงแค่สองมือ มีอุปกรณ์มากมายการเคลื่อนตัวในบางจังหวะก็อาจไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น อาจจะเกิดจากความไม่ตั้งใจ เพราะฉะนั้นยืนยันว่าจะต้องดูภาพรวมทั้งหมด ไม่ใช่เอาภาพเพียงจุดเดียวมาสร้างให้เกิดผลลบกับองค์กร ทั้งที่มีพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกันตลอดเวลา 96 วันที่มีการชุมนุม" พล.ต.ต.สุรพลกล่าว

ที่มา:http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

คอลัมน์ ข่าวข้นคนเข้ม


หนังสือพิมพ์ ข่าวสด กี่ขดไส้ สาวมาเสนอให้รู้ทั่วและเท่ากันฉบับนี้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2551 แรม 13 ค่ำ เดือน 9 ปีชวด... ท่าทางจะเป็น สงครามครั้งสุดท้าย จริงๆ แล้ว เพราะเพียงหนึ่งวันหลังเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ศาลแพ่ง ก็ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้พันธมิตรฯพ้นทำเนียบ... ในคำสั่งเดียวกันนี้ให้รื้อเวทีบน ถนนพิษณุโลก-ถนนราชดำเนิน ด้วยเพราะละเมิดรัฐธรรมนูญว่าด้วยการชุมนุมอย่างสงบ แปลว่าที่ใหม่ก็ยึดไม่ได้ ที่มั่นเดิมก็เสียไปด้วย... ก่อนหน้านั้นวันเดียวกัน ศาลอาญา ก็เพิ่งอนุมัติหมายจับใน ข้อหากบฏ กับแกนนำ 9 คน สนธิ ลิ้มทองกุล จำลอง ศรีเมือง พิภพ ธงไชย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมศักดิ์ โกศัยสุข นำหน้า... ตามมาด้วย สุริยะใส กตะศิลา อมร อมรรัตนานนท์ เทอดภูมิ ใจดี ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ จากนี้คงต้องสู้คดีกันยาวในคดีใหญ่... แต่ถึงกลางดึกกลางดื่นในค่ำคืนที่ศาลมีคำสั่งออกมาแล้ว แกนนำพันธมิตรก็ยัง ดื้อแพ่ง กับคำสั่งศาล แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะ เกิดเหตุนองเลือด เรื่องยาวมาถึงขนาดนี้แล้ว ม็อบอยู่นานเท่าไหร่ก็เสียเปรียบเสียความชอบธรรมเพิ่มขึ้นเท่านั้น... สำคัญว่า สมัคร สุนทรเวช อุตส่าห์ท่องขึ้นใจว่า ใช้กฎหมายอย่างนุ่มนวล แล้ว เวลาพูดก็ให้เนียนขึ้นอีกหน่อย ราดน้ำมันใส่กองไฟให้น้อย มันจะเสียเกียรติยศอะไรมากมายหนักหนาหรือ... โดยเฉพาะประเด็นประเภท แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ประกาศให้ประชาชน เลือกข้าง นั้น จากวันนี้ไม่พูดเลยก็จะเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเองและคนส่วนใหญ่... เพราะศาลท่านช่วยขนาดนี้แล้ว อย่าไป ก่อไฟกองใหม่ ในบ้านเมืองขึ้นมาอีก ได้เวลาก้มหน้าก้มตาทำงานที่เป็นงานกันบ้างแล้ว อะไรที่ ไร้สาระ เลิกไปเสียบ้างก็ได้... ของฝากทิ้งท้ายเรื่องม็อบ มีคนฝากบอกมาว่าสงสัยพันธมิตรชุมนุมกันนานเสียจน ตาลาย จนนับจำนวนผู้ชุมนุมผิดได้ทุกวัน มาร้อยมาพันนับได้หมื่น มาหมื่นนับได้ 5 แสน 7 แสน ไม่ตาลายนับไม่ได้จริงๆ (ฮา)... สงสัยจะดูบ่อยจนได้รับเชื้อเป็นโรคเดียวกัน ถึงวันนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เลิกคิดเรื่อง เป่านกหวีด 19 กันยายน แล้วหรือไม่ หรือคิดว่าไม่มีอะไรเสียมากกว่านี้อีกแล้ว?... ตลกเชิญยิ้มยังอาย เมื่อเจอคู่หูคู่ฮา ไชยา สะสมทรัพย์-ถิรชัย วุฒิธรรม ผู้ทำชื่อกระฉ่อนมาแล้วครั้งหนึ่งจาก สาธารณสุข-องค์การเภสัชกรรม คราวนี้มาใหม่ พาณิชย์-องค์การคลังสินค้า นับว่าเป็นผู้มีความสามารถรอบตัวทั้งสองคนจริงๆ (ฮา)... ยินดี-ยินดี เงื้อค้างมาหลายที พีรพล ไตรทศาวิทย์ ขึ้นเป็นปลัดมหาดไทยคนใหม่ในการประชุม ครม.วันโกลาหล พอข่าวดีมาถึง งานก็เข้าทันที... ข่าวข้น คนเข้ม วันนี้, แปดโมงตรง กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กทม. จัดประชุมซ้อมแผนการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ห้องสุรวงศ์วิวัฒน์ ตวันนา... 08.30 น. พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดสัมมนา "การทำงานยึดประชาชนเป็นหลัก" ห้องจตุรทิศ เรดิสัน... 18.00 น. สมาคมศิษย์เก่าคณะวิศวกรรม ร่วมกับ คณะวิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ เลี้ยงขอบคุณคณะกรรมการจัดงาน 70 ปี สถาปนาคณะวิศวกรรม ห้องแมจิก 3 มิราเคิล แกรนด์ฯ... ทุ่มตรง พระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม พล.ต.ต.ประพันธ์ วงศ์ใหญ่ อดีตผบช.ก. ศาลา 5 วัดตรีทศเทพวรวิหาร ถึงพรุ่งนี้... 17.30 น. 31 ส.ค. พระราชทานเพลิงศพ คุณแม่เจริญ วิรุฬห์รักษ์ มารดา ศ.ดร.สุรพล วิรุฬห์รักษ์ เมรุวัดตรีทศเทพฯ...

ที่มา:http://www.matichon.co.th/prachachat

ทอท.ปลดล็อกสัญญาคิงเพาเวอร์ ทุนไทย-เทศตีปีกดันสุวรรณภูมิฮับช็อปปิ้ง-การบิน

บอร์ด ทอท.เปิดทาง "คิง เพาเวอร์ กรุ๊ป" ผนึกนักลงทุนดิวตี้ฟรีและร้านค้าเชิงพาณิชย์เร่งยกระดับ "สุวรรณภูมิ" ชิงผู้นำช็อปปิ้งพาราไดส์และฮับการบิน หลังบริษัทที่ปรึกษาการเงินเสนอข้อมูลพบการลงทุน 2 โปรเจ็กต์มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ถือว่าสัญญาถูกต้อง มีผลผูกพันทางธุรกิจนายวิชัย รักศรีอักษร ประธานบริหาร คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป กล่าวว่า เมื่อบอร์ด บมจ.ท่าอากาศยานไทย "ทอท." มีมติเรื่องสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีและร้านค้าเชิงพานิชย์ในพื้นที่อาคารสุวรรณภูมิถูกต้องไม่โมฆะและมีผลผูกพันทางธุรกิจนั้น สร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนทั้งไทยและแบรนด์เนมระดับโลกซึ่งพร้อมจะร่วมมือกันผลักดันสุวรรณภูมิเป็นช็อปปิ้งพาราไดส์และศูนย์กลางการบินของโลกแข่งกับนานาประเทศ และ มีกำลังใจจะทำรายได้ปีนี้เข้าประเทศให้ได้ 2.1 หมื่นล้านบาทแหล่งข่าวระดับสูงจากการประชุม คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. เมื่อ 22 ส.ค. 2551 ที่ประชุมพิจารณาพร้อมมีมติชัดเจนถึงสัญญาสัมปทานระหว่าง ทอท.กับคิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป บริหารพื้นที่ในอาคารสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิถูกต้องไม่เป็นโมฆะและมีผูกพันทางธุรกิจ เพราะบอร์ดชุดนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ประธาน ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเจรจาไกล่เกลี่ยต่อเนื่องมาตลอด โดยมีนายอุทิศ ธรรมวาทิน เป็นประธาน พร้อมทั้งเปิดประมูลจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งมีความเชี่ยวชาญเข้ามาทำรายละเอียดศึกษาเปรียบเทียบ ล่าสุดทั้ง บมจ.ฟินันซ่า และบมจ. สินเอเซีย สรุปรายละเอียดโครงการลงทุนของคิง เพาเวอร์ กรุ๊ป มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท จึงไม่ขัดเกณฑ์ข้อกำหนดในพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ดังนั้นการต่อสู้กันระหว่าง ทอท.กับ คิง เพาเวอร์ ขณะนี้ได้ข้อยุติชัดเจนโดยได้พิสูจน์ข้อมูลตามขั้นตอนแล้ว สัมปทานดิวตี้ฟรีและร้านค้าเชิงพาณิชย์สุวรรณภูมิไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาของบอร์ดสมัยพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร มีมติไว้เมื่อ 22 มี.ค. 2550 ระบุว่าสัมปทานของคิงเพาเวอร์เป็นโมฆะ ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สัญญาผูกพันต่อกันและไม่ก่อให้เกิดสิทธิการจะใช้พื้นที่ในสุวรรณภูมิดำเนินธุรกิจ 2 โครงการ ได้แก่ สัมปทานบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (duty free airport) ขนาด 5,000 ตร.ม. บริหารโดยบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด สัมปทานบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ร้านค้าย่อย (commercial area) ขนาด 20,000 ตร.ม. บริหารโดยบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ทั้งนี้ที่ประชุมบอร์ดตั้งข้อสังเกตและแนะนำ ทอท.เร่งคลี่คลายปัญหาและอุปสรรคเพื่อประโยชน์การเป็นช็อปปิ้ง พาราไดส์และฮับการบินเอเชีย รวมทั้งต้องไปศึกษาเพิ่มเติมถึงพื้นที่ส่วนเกินทั้ง 2 โครงการ คือ ดิวตี้ฟรียังมีพื้นที่ส่วนเกินอีก 4,000 ตร.ม. ร้านค้าเชิงพาณิชย์มีพื้นที่ส่วนเกิน 8,000 ตร.ม.นั้น จะดำเนินการอย่างไร และ/หรือหากใช้เต็มพื้นที่มีโครงการใดเข้าเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวก็ขอให้ ทอท. นำเสนอบอร์ดพิจารณาต่อไป

พาณิชย์เล่นเกมยื้อผู้ผลิตขึ้นราคา ธุรกิจดิ้นหั่นกำลังผลิต-ลดไซซ์-ส่งไฟติ้งแบรนด์สู้

ผู้ผลิตสินค้ากุมขมับ พาณิชย์ยึดราคาน้ำมันเป็นที่ตั้ง ยืนกรานไม่ยอมให้ปรับราคา ชี้ "น้ำมันปาล์ม" ยาก อุตสาหกรรมนมกระอัก นมข้นหวานชิงลดกำลังผลิตหวังทุเลาการขาดทุน เผย "ตราหมี" ในต่าง จังหวัดเริ่มขาดตลาด แต่ส่งสูตรใหม่ผสมครีมเทียมรุกแทน พร้อมเบนเข็มโฟกัสหมีโกลด์ "น้ำดำ" ทำใจช่วยตัวเองก่อน เน้นลดต้นทุน ค่ายชูกำลัง "เอ็ม-150/กระทิงแดง" สุดอั้น ขึ้นราคาขายส่งแล้วถึงวันนี้ดูเหมือนว่าผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา จาก 147 ดอลลาร์/บาร์เรล เหลือ 114 ดอลลาร์/ บาร์เรล และส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศลดลงตามไปด้วย จะเป็นปัจจัยหลักของกระทรวงพาณิชย์ ที่ใช้เป็นอาวุธในการเจรจากับผู้ผลิตสินค้าต่างๆ เพื่อจะให้ "ตรึง" ราคาสินค้าไว้อย่างน้อยๆ ก็ถึงสิ้นปีพาณิชย์ปักธง "ตรึง" ราคาผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ ย้ำว่ายังไม่ได้พิจารณาให้มีการปรับราคาขายปลีกนมและน้ำมันพืช ตามที่ได้ยื่นขอมา และให้คณะอนุกรรมการกลับไปพิจารณาราคาต้นทุนอีกครั้ง หนึ่งในทีมที่ปรึกษารัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในเรื่องนี้กับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แนวทางของกระทรวงพาณิชย์ในการเจรจากับผู้ผลิตในตอนนี้หลักๆ จะไม่ยอมให้มีการปรับราคาขึ้นอย่างเด็ดขาด ยกเว้นกรณีที่มีเหตุผลด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจริงๆ โดยจะสังเกตได้จากกรณีของการขอปรับขึ้นราคาของนมและน้ำมันปาล์มที่แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้น แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ยังไม่ยอมให้ปรับราคาแหล่งข่าวรายนี้ย้ำว่า กระทรวงไม่ต้องการซ้ำเติมสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้หนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของค่าครองชีพประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับมีความกังวลกับปัญหาเงินเฟ้อที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และเกรงว่าการขึ้นราคาสินค้าจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น เมื่อราคาน้ำมันลดลงจึงอยากจะให้ผู้ประกอบการตรึงราคาไว้ก่อน"เราไม่ได้ปิดประตูการขอขึ้นราคา และจะพิจารณาตามเหตุผลของความจำเป็น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า หากให้ปรับราคาแล้ว ลงได้หรือไม่ เมื่อต้นทุนต่างๆ ลดลง และหาก สินค้าประเภทใดมีการแข่งขันที่สูงและมีสินค้าที่ทดแทนกันได้ พาณิชย์คงไม่อนุมัติให้ปรับราคา"ผู้ประกอบการนมดิ้นปรับตัวขณะที่แหล่งข่าวจากวงการค้าปลีก รายใหญ่ กล่าวในเรื่องนี้ว่า จากนี้ไปเชื่อว่าการขึ้นราคาสินค้าของ ผู้ประกอบการคงจะเป็นเรื่องยาก จากการส่งสัญญาณของนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการตรึงราคาสินค้าไว้จนถึงสิ้นปี ประกอบกับกำลังซื้อที่ยังไม่ได้กระเตื้องขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการทุกค่ายต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับโจทย์ที่เกิดขึ้น และแต่ละสินค้าก็จะมีรูปแบบหรือวิธีการที่แตกต่างกันไปแหล่งข่าวจากวงการนมข้นหวาน กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากที่ผู้ประกอบการได้ยื่นขอปรับราคาไปแล้วและมีการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอนนี้เรื่องก็ยังเงียบอยู่ ขณะนี้ทุกค่ายต่างก็ต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองเพื่อไม่ให้ขาดทุนมากไปอีก สิ่งหนึ่งที่ทำก็คือ การลดกำลังการผลิตลงบางส่วน เนื่องจากหากยิ่งผลิตมากก็จะขาดทุนมาก อย่างกรณีของนมตราหมี ตอนนี้ต่างจังหวัดในหลายๆ พื้นที่ไม่มีสินค้าวางขายแล้ว และที่ผ่านมาตราหมีก็ปรับตัวด้วยการส่งแบรนด์ใหม่ซึ่งใช้ครีมเทียมเป็นส่วนผสมหลัก ชื่อ ทีพอท (Tea Pot) ที่มีราคาถูกกว่า คือ กระป๋องละ 19 บาท เข้ามาทำตลาดแทน หรือนมโฟร์โมสต์ก็ลดการทำตลาดลง"ตอนนี้แม้ว่าราคาน้ำมันจะเริ่มปรับลดลงมาบ้าง แต่ต้นทุนอื่นๆ ทั้งกระป๋อง น้ำตาล นมผง รวมทั้งน้ำมันปาล์มที่ราคายังอยู่ในเกณฑ์สูง ที่สำคัญราคาที่ยื่นขอปรับไปก็เป็นราคาเมื่อช่วงต้นปี และหากอนุมัติให้ปรับขึ้นในตอนนี้ผู้ประกอบการก็ยังขาดทุนอยู่"ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาแม้ว่าในส่วนของนมตราหมี (เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ฯ) จะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากและต้องลดกำลังการผลิตลงเพื่อลดการขาดทุน นมตราหมีก็ได้มีการปรับตัวเพื่อรับมือกับน้ำนมดิบและน้ำตาลที่ขึ้นราคา ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นเทรนด์ของ ผู้บริโภคยุคใหม่ กับ "ตราหมีโกลด์" นมสดสเตอริไลซ์ วางตำแหน่งเป็นนมพร้อมดื่ม ไขมันต่ำ แคลเซียมสูง ระดับพรีเมี่ยม จับกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานที่รักสุขภาพ พร้อมทุ่มงบฯทำแคมเปญโฆษณามาเป็นระยะๆหนีต้นทุนพุ่ง-หารายได้อื่นทดแทนแหล่งข่าวในวงการนมพร้อมดื่มชี้ว่า ตราหมีโกลด์ประสบความสำเร็จอย่างมาก จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าก่อนทำแคมเปญ เพราะโฆษณาที่ออกมาทำให้ผู้บริโภคเข้าใจคุณประโยชน์ของสินค้า แม้ราคาของหมีโกลด์ค่อนข้างสูง แต่ผู้บริโภคพร้อมจะจ่ายเพราะขายเรื่องสุขภาพ สำหรับในส่วนของนมพร้อมดื่มพาสเจอไรซ์ ก่อนหน้านี้นายไพศาล จงบัญญัติเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ในฐานะตัวแทนสมาคมอุตสาหกรรมนมไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาในช่วงระหว่างที่รอกรมการค้าภายในพิจารณาการขอปรับขึ้นราคาผู้ประกอบการได้หันมาใช้วิธีการชะลอการผลิต ขณะที่นางโกสุม สินเพิ่มสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายนมหนองโพ ย้ำว่า การขึ้นราคาดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายในสถานการณ์ขณะนี้ ขณะที่ต้นทุนของนมพร้อมดื่มปัจจุบันถือว่าอยู่ในภาวะที่ลำบากมาก โดยเฉพาะจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบจากกิโลกรัมละ 14.50 บาท เป็น 18 บาท และสิ่งที่ทำได้คือการปรับตัว ประหยัดค่าใช้จ่าย และการหารายได้จากส่วนอื่นๆ มาทดแทน โดยช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ตั้งทีมเฉพาะกิจโรดโชว์ไปขายสินค้าตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงส่วนนายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้เจ้าของสินค้าต่างๆ ยังไม่มีการแจ้งขึ้นราคามายังยี่ปั๊ว และจากราคาน้ำมันที่เริ่มลดลงส่งผลให้มู้ดการจับจ่ายดีขึ้น และวัตถุดิบบางรายการก็น่าจะดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วัตถุดิบที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ เม็ดพลาสติก วัตถุดิบสำคัญของแพ็กเกจจิ้งที่ใช้ในสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังมีราคาสูงคอนซูเมอร์หันพึ่งกลยุทธ์ลดไซซ์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการปรับตัวของผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง พีแอนด์จี, ยูนิลีเวอร์, คาโอ, สหพัฒน์ และ คอลเกตฯ ต่างยืนยันว่าจะตรึงราคาสินค้าไปจนถึงสิ้นปีนี้นั้น เป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนใหญ่ได้หันมาให้ความสำคัญกับการเปิดตัวสินค้าไซซ์เล็ก ราคาประหยัดออกมาวางจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นระยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพีแอนด์จีที่ใช้เป็นกลยุทธ์หลักและประสบความสำเร็จอย่างมากกับแพนทีน โปร-วี ที่ออกขนาดคุ้มค่า 20 บาท โอเลย์ ที่เปิดตัวขนาด 20 กรัม ราคา 229 บาท จากขนาดปกติ 50 กรัม และแปรงสีฟันออรัล-บี ในราคาด้ามละ 10 บาทขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัทเครื่องดื่ม น้ำอัดลม กล่าวว่า การที่ยังพาณิชย์ยังไม่อนุมัติให้ปรับราคา ส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากมองว่าเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็น ดังนั้น สิ่งที่ ผู้ประกอบการจะทำได้ในเวลานี้ก็คือ การช่วยเหลือตัวเองด้วยการปรับลดต้นุทนต่างๆ เป็นหลัก และที่เป็นปัญหาของผู้ประกอบการในเวลานี้ก็คือ ต้นทุนจากน้ำตาล ฝาจีบ รวมถึงขวดพีอีที ซึ่งเป็นผลจากราคาเม็ดพลาสติกที่มีราคาสูง และหากทนไม่ได้ก็จะต้องยื่นขอปรับราคาไปอีกครั้งหนึ่งด้านแหล่งข่าวจากบริษัท โอสถสภา จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงมาบ้าง แต่ต้นทุนจากวัตถุดิบอื่นๆ อาทิ ขวดแก้ว ฝา ฯลฯ เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทได้ปรับราคาขายส่งขึ้นอีก 10 บาท/ ลัง (50 ขวด) สำหรับกรณีของเอ็ม-150 ส่วนแบรนด์อื่นๆ ก็มีการปรับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยราคาจะอยู่ในระดับ 5-10 บาท/ลัง และล่าสุดเท่าทราบ กระทิงแดงก็มีแผนจะปรับราคาด้วยเช่นกัน

ที่มา:http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02mar01280851&day=2008-08-28&sectionid=0207

เปิดแผนกระตุ้นศก.ญี่ปุ่น-จีน ตั้งรับเศรษฐกิจโลกถดถอย-วิกฤต

ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้งจากหนี้ประเทศที่โป่งพองไม่หยุด และวิกฤตสินเชื่อ จากแรงปะทุของวิกฤตสินเชื่อที่อยู่อาศัยประเภทด้อยคุณภาพ (ซับไพรม) ซึ่งได้แผ่ขยายผลกระทบไปทั่วโลกอย่างช้าๆ แต่รุนแรง กำลังกระตุ้นให้หลายประเทศ ตื่นตัวตั้งรับกับผลกระทบดังกล่าวในรูปของการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (economic stimulus package) แม้แต่จีน ว่าที่มหาอำนาจแห่งซีกโลกตะวันออกในอนาคตอันใกล้ ซึ่งได้แสดงแสนยานุภาพในทุกด้าน ผ่านการเป็น เจ้าภาพแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2551 อย่างสมภาคภูมิ กลับไม่อาจทนนิ่งเฉย ต่อแรงปะทะของวิกฤตโลกอีกต่อไป อีโคโนมิก ออบเซิร์ฟเวอร์ ของรัฐบาลจีน รายงานอ้างแหล่งข่าววงใน เมื่อ วันจันทร์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่อาจมีวงเงินสูงถึง 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.70 แสนล้านหยวน โดยแผนดังกล่าวจะครอบคลุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการลดภาษี คิดเป็นวงเงิน 1.50 แสนล้านหยวน และการใช้จ่ายของภาครัฐ 2.20 แสนล้านหยวนรายงานระบุว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขัน จาก Central Financial Leading Group หรือคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญๆ โดยเป้าหมายในการนำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดนี้ออกมาใช้ ก็เพื่อเติมแรงกระตุ้นให้กับเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนได้ดีขึ้นหลังจากดึงบังเหียนให้เศรษฐกิจชะลอลง จากความร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา ด้วยมาตรการทางการเงินต่างๆ ที่เข้มงวดมากขึ้นเป็นที่น่าสังเกตว่า รายงานของ อีโคโนมิก ออบเซิร์ฟเวอร์ มีขึ้นหลังจากแฟรงก์ กง นักเศรษฐศาสตร์จากเจ.พี. มอร์แกน เชส ได้ระบุในบทวิเคราะห์ ฉบับสัปดาห์ที่แล้วว่า ปักกิ่งกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่อาจมีวงเงินสูงถึง 4 แสนล้านหยวน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ได้ชะลอลงมาอยู่ที่ 10.4% จาก 11.9% ของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบัน เริ่มมีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นว่า การเติบโตที่ชะลอลงของการส่งออก อันเนื่องมาจาก ผลกระทบของภาวะชะลอตัวทั่วโลก จะ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนในที่สุดนอกเหนือจากจีนแล้ว ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีรายงานข่าวออกมาว่า กำลังพิจารณาจัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่อยู่หนังสือพิมพ์ ยูมิอุริ ของญี่ปุ่น รายงานเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นายคาโอรุ โยซาโน รัฐมนตรีฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ได้ส่งมอบร่างแผนกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่นายกรัฐมนตรียาสุโอะ ฟูกูดะ และนายบุนเมอิ อิบูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ส.ค.) โดยคาดว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะมีวงเงินสูงประมาณ 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 8 ล้านล้านเยนรายงานระบุว่า นายกรัฐมนตรีฟูกูดะ ได้สั่งการให้นายโยซาโน จัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก ตลอดจนเกษตรกร และชาวประมง ที่ได้รับผลกระทบจาก ราคาน้ำมันแพงยิ่งกว่านั้น มาตรการชุดดังกล่าว ยังครอบคลุมไปถึงการลดอัตราค่าโดยสารทางด่วน การให้ความช่วยเหลือคนรุ่นใหม่ที่กำลังหางานทำ และการขยายสวัสดิการบริการสุขภาพให้ครอบคลุมกลุ่มคนสูงอายุ แต่กระนั้น แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ของนายฟูกูดะกลับมีขนาดเล็กกว่า เมื่อเทียบแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ วงเงิน 14.8 ล้านล้านเยน ที่ประกาศในสมัย ของอดีตนายกรัฐมนตรีจูนิชิโร โคอิซูมิ ในเดือนธันวาคม 2545ในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาเป็น ประเทศแรกๆ ที่นำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาปรับใช้ เพื่อรับมือกับผลกระทบของวิกฤตสินเชื่อ ภาวะซบเซาของตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศ และวิกฤตราคาน้ำมันแพง โดยวงเงินที่สหรัฐใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมการคืนภาษีส่วนหนึ่งให้แก่ประชาชน มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 1.52 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 แม้ว่าจะต่ำกว่าประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ก็ตามปัจจุบัน เริ่มมีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้รัฐบาลจัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง แต่ทำเนียบข่าวได้แถลงการณ์ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว โดยระบุว่าไม่มีการพิจารณาเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองในขณะนี้อย่างไรก็ดี คริส แวน ฮอลเลน ประธานกรรมการฝ่ายการรณรงค์ประจำรัฐสภาสหรัฐ ของพรรคเดโมแครต คาดว่า นางแนนซี เปโลซี ประธานสภา ผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะเสนอร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองในเดือนกันยายนการเคลื่อนไหวเพื่อจัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังเกิดขึ้นในหลายประเทศ อาทิ ในเกาหลีใต้ รัฐบาลโซลได้ประกาศมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการลดเว้นภาษี แก่บริษัทก่อสร้าง แต่เฉพาะในส่วนที่ดิน ที่มีการจัดซื้อเพื่อการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเท่านั้น อีกทั้งยังให้รัฐวิสาหกิจด้านการเคหะ เข้าไปซื้ออพาร์ตเมนต์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทั้งที่ขายไม่ออก และขายได้ในราคาต่ำกว่าราคาตลาด เพื่อลดปริมาณที่อยู่อาศัยในระบบ

ที่มา:http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.

เศรษฐกิจอัมพาตทั่วประเทศ ขนส่งชะงัก-ตลาดหุ้นร่วง-ท่องเที่ยวทรุด

การเมืองอลเวงฉุดเศรษฐกิจไทยถึงขั้นอัมพาต ชี้ปิดถนนสายหลักกระทบภาคขนส่ง-โลจิสติกส์เดี้ยงสนิท ตลาดหุ้นรูดตามคาด นักวิเคราะห์คาดตลาดเข้าสู่ยุคผันผวนขาลง ต่างชาติชะลอลงทุน แบงก์งัดแผนเตรียมตั้งรับเต็มรูปแบบ ห้างสรรพสินค้า-ศูนย์การค้าสลดอารมณ์จับจ่ายกระเจิง งานบางกอกเจมส์-ไอทียูส่อเค้าวังเวง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หวั่นตลาด ซึมยาว กระทรวงพลังงานคุมเข้มความปลอดภัยคลังน้ำมัน ยันไม่ปล่อยให้อสังหาฯขาดแคลน ท่องเที่ยวต่างจังหวัดโอด โดนยกเลิกห้องพักระนาวการรุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ สถานที่ราชการสำคัญๆ สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และการปิดเส้นทางสำคัญๆ ในต่างจังหวัดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ วิตกกังวลว่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยย่ำแย่ลง จากปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่แล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยุทธการดาวกระจายที่เกิดขึ้นทำให้สถานที่ราชการ โรงเรียน สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจจำนวนหนึ่งได้หยุดทำการและให้ผู้ปฏิบัติงานเดินทางกลับบ้าน ขณะที่ธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบต้องประชุมผู้บริหารเร่งด่วนเพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมแผนรับมือ หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯเข้าบุกยึดหน่วยงานราชการสำคัญหลายแห่ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเปิดตลาดในช่วงเช้า 10.00 น. ดัชนีลดลงทันที 1.9% หรือ 12.8 จุด มาอยู่ที่ 665.32 จุด และลงมาต่ำสุด 2.54% หรือ 17.24 จุด อยู่ที่ 660.96 จุด ก่อนจะปรับตัวดีขึ้นท้ายตลาด ดัชนีปิดที่ 668.92 จุด ลบ 9.28 จุด หรือ 1.37% มูลค่าซื้อขาย 9,087.19 ล้านบาท มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานมากสุด ตามด้วยกลุ่มแบงก์และอสังหาริมทรัพย์ โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 375 ล้านบาทนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระ จายรายได้ ฝ่ายการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ยังประเมินไม่ได้ชัดเจนว่าจะกระทบเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด เนื่องจากที่ผ่านมาภาคการส่งออกขยายตัวดีมากและการนำเข้าก็สูงขึ้นทุกหมวด เป็นสัญญาณชี้ว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่มากนัก จึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะขยายตัวต่อไปได้มากกว่าครึ่งปีแรก แต่ที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือตลาดหุ้น เพราะความเชื่อมั่นในการลงทุนลดลง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นออก"ส่วนการลงทุนโดยตรงคิดว่าจะต้องอิงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและมองข้ามชอต ไปข้างหน้า ว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลง อย่างไรต่อไป แต่ที่น่าห่วงมากสุดคือหากสถานการณ์ยืดเยื้อและมีแนวโน้มจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างมีการสลายม็อบจะน่ากลัวที่สุด" นายสมชัยกล่าวชี้หุ้นผันผวนขาลงนางสาวถนอมศรี ฟองอรุณรุ่ง นัก วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้นลดลงไปอีก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจะยิ่งชะลอการซื้อต่อเนื่อง หลังจากที่เทขายหุ้นมาตั้งแต่ต้นปี ทิศทางตลาดหุ้นในช่วงนี้อยู่ในภาวะผันผวนขาลง ขณะนี้ต้องรอดูสถานการณ์การเมืองในระยะสั้น รัฐบาลจะไปรอดหรือไม่ หรือกลุ่มใดจะขึ้นมาบริหารประเทศ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก เพื่อรอดูความน่าเชื่อถือของผู้ที่จะขึ้นมาบริหารประเทศต่อไป"ในแง่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การลงทุนคงชะงัก ในระยะสั้นไม่มีเลย อย่างรัฐบาลกำลังจะลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่คิดว่าคงสะดุดชะลอตัวไป ปกติประเมินว่าการเมืองไม่มีอะไร เศรษฐกิจไตรมาส 3 ก็ชะลอตัวอยู่แล้ว" ห้าง-ศูนย์การค้าเครียดหนัก นายธนภณ ตังคณานนท์ นายกสมาคมค้าปลีกไทย กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะแบบนี้คงต้องจับตาดูอย่างต่อเนื่อง ว่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางไหน อย่างไร เพราะหากรุนแรงถึงขั้นประกาศภาวะฉุกเฉินตามที่เป็นข่าวก็คงมีผลในแง่ของความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่จะยิ่งถดถอยลงไปอีก อย่างไรก็ตามถึง ณ เวลานี้ก็ยังไม่มีเหตุการณ์หรือตัวแปรใดที่จะบ่งบอกว่าสถานการณ์จะรุนแรงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะที่ผ่านมาก็มีตัวแปรต่างๆ ที่ส่งผลกระทบมาเป็นระยะอยู่แล้ว ดังนั้นส่วนตัวจึงมองว่ายังไม่น่าวิตกนัก นอกจากจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ รายงานข่าวจากบริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ผู้บริหารกังวลกับสถานการณ์และได้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในส่วนของสยามพารากอนที่ตั้งอยู่ใกล้จุดที่คาดว่ากลุ่มพันธมิตรฯอาจจะเคลื่อนกำลังมาปิดล้อม ผู้บริหารได้มีการประชุมเพื่อเตรียมการรับกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งหลักๆ จะเน้นไปที่เรื่องของความปลอดภัย ส่วนในแง่ของลูกค้าที่เข้าใช้บริการในศูนย์การค้าก็ยังเปิดตามปกติแบงก์ตั้งรับปิดสาขาทันทีหากรุนแรงนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เกรงว่าจะขยายวงกว้างไปเป็นความรุนแรง ทั้งนี้หลังจากทราบว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ได้แจ้งไปที่ทุกธนาคาร ว่าหากมีความรุนแรงใดเกิดขึ้นให้แจ้งมาที่สมาคม และให้ดำเนินการตามขั้นตอน เช่น ปิดทำการสาขาชั่วคราว เพราะปกติหากมีเหตุการณ์เร่งด่วนสามารถปิดสาขาก่อน แล้วค่อยแจ้งธนาคารแห่งประเทศไทยในภายหลังได้ นายเดชา ตุลานันท์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ภาพการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ดีนัก และมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ เนื่องจากมองไม่เห็นว่าจุดจบอยู่ที่ไหน ส่วนกรณีเงินฝากที่ถูกอายัดของกลุ่มชินวัตรที่อยู่ในธนาคารกรุงเทพนั้น ขณะนี้ไม่มีจดหมายจากกรมสรรพากรมาถึงธนาคาร แต่ถ้ามีหนังสือมาธนาคารคงถามไปถึงทางการ ว่าจะต้องปฏิบัติตามหน่วยงานใด เนื่องจากยังมีขัดกันทางกฎหมายอยู่ สภาพัฒน์-ตลท.กังวลยืดเยื้อ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า หากการชุมนุมยืดเยื้อจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นเรื่องที่ตำรวจต้องจัดการ เมื่อราชการทำงานไม่ได้ ผลกระทบก็ต้องเกิดแน่ และถ้าการชุมนุมยืดเยื้อผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็จะรุนแรงขึ้น นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลงแรงวันนี้ (26 สิงหาคม) เนื่องจากนักลงทุนกังวลการชุมนุม และถ้ายืดเยื้อจะไม่กระทบเฉพาะตลาด แต่จะกระทบถึงการลงทุน จึงอยากเห็นเหตุการณ์จบโดยเร็ว "นักลงทุนได้รับรู้ข่าวการชุมนุมตั้งแต่เช้าแล้ว และไม่เห็นทิศทางที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง จึงเชื่อว่าหุ้นไทยจะไม่ตกต่ำไปกว่านี้ คงต้องติดตามดูการกระจายตัวของกลุ่มผู้ชุมนุม ว่ายืดเยื้อหรือไม่" นางภัทรียากล่าว "สมัคร" สั่ง มท.1 คุมเข้มคลังน้ำมันพลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ชุมนุมและการปิดถนนในบางเส้นทางไม่น่าจะบานปลายจนส่งผลให้การขนส่งผลิตภัณฑ์พลังงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งก๊าซหุงต้ม (LPG) ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) รวมถึงน้ำมันมีปัญหา เนื่องจากส่วนใหญ่ขนส่งโดยรถไฟ เฉพาะอย่างยิ่งคลังน้ำมันต่างๆ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลความเรียบร้อยเป็นพิเศษด้วยด้านนายณัฐชาติ จารุจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ กลุ่มธุรกิจสำรวจผลิตและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อบานปลายออกไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งก๊าซ NGV แต่หากสถานการณ์บานปลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา ที่จะใช้เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งก๊าซ NGV ไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจจะมีปัญหาได้ เนื่องจากพื้นที่ ดังกล่าวจะมีเพียงแหล่งน้ำพองและสินภูฮ่อม ซึ่งไม่เพียงพอรองรับกับความต้องการ จึงต้องขนส่งโดยรถยนต์จากแก่งคอย สระบุรี เข้าไปเสริมระบบ หากขนส่งไม่ได้อาจเกิดปัญหาไม่เพียงพอกับการใช้ หวั่นกระทบบางกอกเจมส์-ไอทียู ขณะที่ใน 2 สัปดาห์แรกของเดือนกันยายนนี้จะมีงานแสดงสินค้าและนิทรรศการใหญ่ 2 งานคือ งานบางกอกเจมส์แอนด์จิวเวลรี่ แฟร์ครั้งที่ 42 กับ งานไอทียู เทเลคอม เอเซีย 2008 จัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การเมืองขณะนี้โดยนายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธาน บริหารโครงการบางกอกเจมส์ เชื่อว่า จะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นและทางสมาคมได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงผู้เข้าร่วมงานแล้ว ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เชื่อว่าอาจมีผลกระทบต่อการจัดงานหากสถานการณ์ยืดเยื้อ และเนื่องจากเป็นงานระดับอินเตอร์เนชั่นแนลที่ต้องการ เชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาดูงานทั้งนี้แม้ว่าบริษัทต่างประเทศที่มาร่วมออกบูทซึ่งวางแผนล่วงหน้ามานานแล้วคงจะไม่มีการยกเลิกแต่ที่จะได้รับผลกระทบก็คือผู้เข้าชมและฟังสัมมนาจากต่างประเทศ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบแบบนี้ก็อาจยกเลิกการเดินทางมาร่วมงานได้ ดังนั้นเป้าหมายที่จะดึงผู้เข้าร่วมงานประมาณ 25,000-30,000 คน จากประเทศต่างๆ ไม่น้อยกว่า 190 ประเทศนั้นอาจได้รับผลกระทบ เลื่อนลงนาม FTA อาเซียน-เกาหลีผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 26-29 สิงหาคม ที่ประเทศสิงคโปร์ว่า ผู้ร่วมประชุมต่างสนใจข่าวความวุ่นวายในประเทศไทย เนื่องจากภาพที่เผยแพร่จากสื่อต่างประเทศมีความรุนแรง ขณะที่ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์มีแผนจะเลื่อนเดินทางกลับประเทศเร็วขึ้น 1 วัน จากเดิมมีกำหนดกลับในวันที่ 29 สิงหาคมเป็นวันที่ 28 สิงหาคมน.พ.สุทธิชัย จันทร์อารักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าคณะฝ่ายไทยจะยังไม่มีการลงนามความตกลงทั้ง 3 ฉบับ ทั้งที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแล้ว ได้แก่ ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-เกาหลี กับความตกลงในการอำนวยความสะดวกด้านวิชาชีพแพทย์และทันตแพทย์ เนื่องจากสมาชิกอาเซียนตั้งข้อสังเกตว่า ไทยควรนำความตกลงดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า สาเหตุที่นายพิเชษฐ์ไม่ลงนามความตกลงใดๆ ในความร่วมมือตามกรอบอาเซียนครั้งนี้ แม้ว่าจะได้มติเห็นชอบจาก ครม.เพราะเกรงว่าจะซ้ำรอยกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศลงนามสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกต่อยูเนสโกและถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตีได้ อสังหาฯช็อก ตลาดบ้านซึมยาว ภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ นักพัฒนาที่ดินหลายท่านให้ความเห็นกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ตรงกันว่า "ตราบใดที่การเมืองยังไม่นิ่ง เศรษฐกิจไทยก็ยิ่งน่าเป็นห่วง และมีแนวโน้มซึมยาว หากการเมืองยังเป็นปัญหาซ้ำเติมเศรษฐกิจ" มีรายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงที่ม็อบพันธมิตรฯประกาศรบแตกหัก เป็นจังหวะเดียวกับที่กลุ่มนักพัฒนาที่ดินรายใหญ่ 16 บริษัทได้พร้อมใจกันออกบูทขายที่อยู่อาศัยเกรดเอ โดยเช่าพื้นที่ห้างหรู "ดิ เอ็มโพเรียม" จัดงานมาตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม- 2 กันยายน 2551 ทำให้เจ้าของโครงการหวั่นวิตกที่จะขายสินค้าไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มที่มีกำลังซื้ออาจชะลอการช็อปปิ้ง หลังเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ นายอธิป พีชานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมอาคารชุดไทย ให้ความเห็นว่า ปัญหาวุ่นวายส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างแน่นอน และภาวนาขอให้เป็นแค่ระยะสั้นเท่านั้น ใจลึกๆ ก็หวั่นปัญหาบานปลาย หวั่นการซื้อที่อยู่อาศัยต้องชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด นักท่องเที่ยวยกเลิกห้องพักนายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากสมาชิกที่ประกอบธุรกิจโรงแรมว่ามีการยกเลิกการเข้าพักหลายร้อยราย และแจ้งว่าจะยกเลิกเพิ่มอีกหากความวุ่นวายทางการเมืองไม่ยุติลงภายใน 1-2 วันนี้ นอกจากนั้นยังมีกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาเจรจาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่และลำพูนมูลค่าหลายร้อยล้านบาทแจ้งยกเลิกการเจรจากะทันหัน ระบุว่าขอดูสถานการณ์ก่อน นางมุกดา ตระกูลเดิม นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราด เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาที่เกาะช้างและเกาะอื่นๆ ได้ยกเลิกการจองห้องไปบ้างแล้ว เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย หากสถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปจะมีผลกระทบตลาด ต่างประเทศอย่างแน่นอน นายวีรวัฒน์ ค้าขาย รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หากความวุ่นวายยืดเยื้อคาดว่าจะมีผลกระทบในส่วนของการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาอย่างแน่นอน แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่อย่างน้อยก็ทำให้เกิดภาพลบกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับความเชื่อมั่นโดยตรงนายสุนทร ธัญญวัฒนกุล ประธานหอการค้าจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าด้านการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติกังวลเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ในวันที่ 28 สิงหาคม 2551 จะมีการประชุมสามัญประจำเดือน อาจจะมีการพูดคุยเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วย

ที่มา:http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02p0101280851&day=2008-08-28&sectionid=0201

สมัครทูลพระบรมฯ ขอย้ายที่ จัดงานวันแม่-วันพ่อ

ไปใช้สวนอัมพร ย้ำไม่สลายม็อบ พธม.เมินศาลสั่ง ไม่รื้อไม่มอบตัว รถไฟอีสานหยุด ลางานมาสมทบ!

ม็อบพันธมิตรฯกร้าว ไม่รื้อถอนจากทำเนียบฯตามคำสั่งศาลแพ่ง ไม่มอบ ตัวคดีกบฏ ระดมคนเข้า ไปอัดแน่นพื้นที่ด้านใน พร้อมวางแนวป้องกันอย่างแน่นราวป้อมค่าย ป้องกันไม่ให้ตร.เข้ามาสลายชุมนุม "สนธิ"ประกาศใช้อารยะขัดขืนกับศาล แต่ส่งทนายยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งแล้ว "พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี"ประกาศเพื่อนรัก"จำลอง"ถูกจับเข้าคุกเมื่อไร จะขึ้นเวทีนำม็อบแทน ฟุ้งใช้วิธีต่อสู้แบบรุก แค่ 3 วันรัฐบาลออกแน่ "รสนา"นำ 30 ส.ว.อุ้มพันธมิตรฯ ชี้ข้อหากบฏร้ายแรงเกิน ด้านรถไฟสายอีสานป่วน พนักงานหยุดเดินรถกะทันหันหลายสาย เข้าสมทบม็อบในกรุง "หมัก"เปลี่ยนท่าทีจะไม่ใช้ไม้แข็งจัดการม็อบ ทั้งย้ายสถานที่จัดงาน 116 วันวันแม่ถึงวันพ่อ ไปสวนอัมพรแทน-หมักฟุ้งมีดาบแต่ไม่ฟาดฟันเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ส.ค. ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงถึงท่าทีของรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยังปักหลักอยู่ภายในทำเนียบทั้งที่ศาลมีคำสั่งให้ออกจากทำเนียบ ว่า ได้สั่งให้แก้ไขคำสั่งไปเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา การที่ศาลกรุณาก็นับว่าเป็นความกรุณาของศาลอย่างยิ่ง เทียบกับสำนวนธรรมดาก็เหมือนให้ดาบมาถือไว้ "เราได้ดาบมาก็ไม่ได้เดินดุ่มๆ เข้าไป ครั้งแรกก็คิดว่าจะเคลียร์พื้นที่ทำให้เสร็จเรียบร้อย ก็มีการสั่งการไปแล้วแต่ไปๆ มาๆ ไตร่ตรองดูว่าน่าจะเป็นอันตราย อุตส่าห์รักษาอะไรต่างๆ มาได้ตลอดแล้วจะให้ไปฟาดฟัน กลุ่มพันธมิตรฯ เองก็มีการป้องกัน เลยบอกไปว่าขอร้องให้เขามารายงานตัว จะมอบตัวก็สุดแล้วแต่ก็ให้เวลาเขาดำเนินการ ผมสั่งตำรวจระงับไม่ให้มีการสลายการชุมนุมแต่ก็ไม่ได้ทอดทิ้งไว้ตลอด คงมีเวลาและคงยุติกันได้ เรื่องนี้ไม่ต้องการให้เกิดการสปาร์ก ดังนั้น เมื่อคืนยังมีบางคนต้องนอนดึกเพราะหวังว่าจะมีการโชว์ดาวน์กัน แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร ทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยด้วยดี ตอนดึกตำรวจก็เรียกประชุมอีกครั้ง ผมก็สั่งอีกว่าไม่ให้ดำเนินการอะไร" นายสมัครกล่าว-ย้ายงาน 116 วันไปที่สวนอัมพรเมื่อถามว่าตกลงการจัดงาน 116 วันจากวันแม่สู่วันพ่อในวันที่ 30 ส.ค. ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จฯ มาเป็นประธานที่ทำเนียบจะดำเนินการอย่างไร นายสมัครกล่าวว่า จะย้ายไปจัดที่สวนอัมพร และเดี๋ยวตนจะทำหนังสือขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อเปลี่ยนแปลงไปใช้ที่สวนอัมพร เมื่อถามว่าแล้วจะปล่อยให้สถานการณ์การชุมนุมเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือ นายสมัครกล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมว่าเขาจะมีความคิดเห็นอย่างไร เราไม่อยากไปวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งศาลแพ่งส่งคำสั่งมาก็อยากดูเหมือนกันว่าเมื่อศาลมีคำสั่งเช่นนั้น ซึ่งถือเป็นการช่วยอีกอย่างหนึ่ง จากนี้ต่อไปก็ถือเป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตรฯ แล้ว ไม่ใช่เรื่องของเรา และเราจะไม่ใช้ข้ออ้างจากคำสั่งศาลเข้าไปเพื่อให้ทั้งประเทศได้รู้ว่าจะไม่เกิดการสปาร์กขึ้นมา รวมทั้งคนต่างชาติที่เฝ้าดูอยู่จะได้รู้ว่าตกลงมันเป็นอย่างไรกันแน่ และสรุปได้ว่าสิ่งที่กระทำกันมานั้นไม่มีเหตุผล ไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีจุดหมายปลายทางและเป้าหมาย "ผมต้องขอบคุณพรรค และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้แถลงถ้อยคำออกมา เมื่อฟังแล้วก็เป็นเหตุเป็นผล บ้านเมืองเราอยู่ได้ก็เพราะเหตุผล ขอบคุณคุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ขอบคุณทุกฝ่าย หรือแม้แต่คุณ สุเทพ (เทือกสุบรรณ) ที่ระบุว่าทุกอย่างแต่ละตัวบุคคลจะรับผิดชอบกันเอง" นายสมัครกล่าว-พร้อมทำงานนอกทำเนียบเมื่อถามว่าจะปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน นายสมัครกล่าวว่า ยังไม่ขอตอบคำถามตอนนี้ ถึงขั้นนี้เราต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุยุ่งยาก เมื่อถามว่าภาพที่สะท้อนออกมารัฐบาลเสียความชอบธรรมเพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ นายสมัครกล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา มันต้องได้บ้างเสียบ้าง ตนก็ไม่ได้เสียสถานะทางการเมือง ทั่วโลกก็ดูอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร ความรู้สึกของบางคนที่เห็นว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้ยึดทำเนียบก็ไม่เป็นปัญหาเพราะมันย่อมเกิดขึ้นได้ ประชุมที่นั่นไม่ได้ก็ย้ายไปประชุมที่กองทัพไทย ทำหน้าที่ต่อไปได้ การทำงานวันนี้ก็ไม่ต้องเข้าทำเนียบเพราะมีงานอยู่ข้างนอกทั้งวัน แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามสมควร ตนก็ไม่ได้ถือสาอะไรนักหนา สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำไม่มีเหตุผล ถ้าตนลงไปด้วย ไปวิตกทุกข์ร้อนหรือทำเสียหน้าตนไม่ทำเมื่อถามว่าตกลงจะไปนั่งทำงานที่ไหน นายสมัครกล่าวว่า ตนก็ทำงานข้างนอก อย่างวันนี้งานก็อยู่ข้างนอกทั้งนั้น เมื่อถามว่าคิดถึงทำเนียบบ้างหรือไม่ นายสมัครตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่า ถามอะไรแบบนั้น จากนั้นนายสมัครขอตัวไปรับประทานอาหารกลางวันโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตาม จากนั้นเวลา 13.00 น. เดินทางมาเป็นประธานการประชุมกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-อัศวินตอก-ทำไมไม่เชื่อศาลเมื่อเวลา 07.10 น. ที่บช.น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. เรียกรองผบช.น.ทุกนายมาจิบกาแฟพร้อมพูดคุย โดยกล่าวว่า จะให้กลุ่มผู้ชุมนุมมีเวลาคิดทบทวนว่าสังคมคิดเรื่องนี้อย่างไร ทางกฎหมายศาลแพ่งก็มีคำสั่งออกมาแล้วให้ออกจากทำเนียบ คุณเรียกร้องไอ้โน่นไอ้นี่ ให้ถอนหนังสือเดินทางพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร แต่คุณบุกเข้าทำเนียบแล้วศาลมีคำสั่งให้ออก แค่นี้คุณยังไม่ไปเลย เมื่อคืนคุยกันก็ต่อรองว่าถ้าอุทธรณ์ให้ศาลยกจะได้ออกโดยปริยาย มันไม่ใช่ ตนไม่มีอำนาจ ไม่ใช่ศาล ต้องไปคุยกับศาล ตนไม่ว่าอะไรเลยถ้าศาลบอกให้อยู่ เขาบอกถ้าขยับออกมาราชดำเนินซึ่งไม่ให้อยู่แล้วจะทำอย่างไร ตนบอกว่าไม่รู้ ถ้าเป็นสนามม้านางเลิ้งจะขอให้ เอาหรือไม่ เวลา 08.40 น. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. กล่าวว่า สำหรับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน บช.น.ได้ประสานกับ ขสมก.เพื่อจัดรถเมล์ฟรีไว้ให้บริการบริเวณสนามม้านางเลิ้ง เพื่อให้ผู้ไม่มีเงินค่ารถหรือกลับไม่ได้สามารถกลับไปได้ รถที่จัดหามาจะไปส่งยังสายใต้ใหม่ หมอชิต ได้ประสานกับรถบ.ข.ส.ไว้แล้วว่าสามารถกลับบ้านได้ฟรีทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าโดยสารพล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น. ในฐานะโฆษกบช.น. กล่าวว่า รถโดยสารได้เตรียมการไว้เพื่อให้กลับต่างจังหวัดได้ฟรี 1 วัน โดยไปในลักษณะเป็นหมู่คณะ เพื่อให้ผู้มาชุมนุมกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย วันนี้กรมบังคับคดีจะนำหมายของศาลแพ่งไปแปะตามถิ่นที่อยู่ของ 9 แกนนำ รวมทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงแจ้งและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่ในทำเนียบเดินทางออกมาเพราะถือว่าผิดกฎหมาย และต้องใช้พื้นที่จัดงานพระราชพิธี กรมบังคับคดีน่าจะร้องขอให้ตำรวจนำกำลังคุ้มครองเพื่อเข้าไปภายใน หากเข้าไปและพบ 9 แกนนำที่มีการออกหมายจับตำรวจก็ต้องจับกุมทันที เพราะหากไม่ดำเนินการจะถือว่ามีความผิด มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่-มหาเรียกคนเข้ามาอัดภายในรั้วเวลา 06.10 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวบนรถปราศรัยว่า การที่พวกเราอยู่ร่วมกันทั้งคืนและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้ามาสลายการชุมนุม ถือว่าพวกเราประสบชัยชนะแล้ว แต่อย่าประมาท เนื่องจากทราบมาว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาสลายการชุมนุมในเวลา 09.00 น. และขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านนอกรั้วทำเนียบเข้ามารวมกลุ่มด้านใน อย่างไรก็ตาม หากมีการสลายการชุมนุมและแกนนำทั้งหมดถูกจับกุมตัว ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนอย่าติดตามไปที่สถานีตำรวจ เพราะถ้าติดตามไปพวกเราจะแพ้ทันที จึงขอให้ทุกคนปักหลักชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบตามเดิมเวลา 06.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และพล.ต.จำลอง ได้เดินตรวจพื้นที่โดยรอบการชุมนุมและรอบนอกทำเนียบอย่างละเอียด พร้อมทั้งได้ทักทายกับกลุ่มผู้ชุมนุมและถ่ายภาพกับผู้ชุมนุมอย่างเป็นกันเอง กระทั่งเวลา 07.00 น. ผู้ชุมนุมบางส่วนได้ทยอยเดินทางกลับบ้านพักเพื่ออาบน้ำและพักผ่อน ก่อนจะนัดหมายให้มาร่วมชุมนุมกันภายในทำเนียบในช่วงบ่าย ขณะที่ผู้ชุมนุมที่ยังปักหลักอยู่ภายในทำเนียบได้ช่วยกันนำผ้ายางรองนั่งออกมาตากแดดบริเวณต้นไม้ ระหว่างนี้พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรสุข ที่ปรึกษาบก.สส. ได้เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมและอยู่ร่วมปราศรัยด้วย -ตั้งแนวป้องกันด้วยยางรถยนต์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณประตู 7 ทางเข้าทำเนียบด้านริมคลองผดุงกรุงเกษม ผู้ชุมนุมได้นำยางรถยนต์มาวางซ้อนเป็นที่กำบังสูงประมาณ 1 เมตร พร้อมนำกระเบื้องมุงหลังคาทำเนียบมากั้นบริเวณด้านหลังรั้วเหล็ก เพื่อใช้ป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาสลายการชุมนุม นอกจากนี้ยังพบว่ารถดับเพลิงและรถบรรทุกผู้ต้องขังรวม 4 คันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาจอดไว้นั้น ล้อหน้าของรถทั้ง 4 คันได้ถูกปล่อยลมยางและไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ส่วนเวทีปราศรัยสะพานมัฆวานรังสรรค์ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายเวทีออกจากพื้นผิวถนนจราจรราชดำเนินนอก โดยมีกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ ดูแลความเรียบ ร้อยบริเวณทางเข้าทุกด้าน ซึ่งมีผู้ชุมนุมบางส่วนปักหลักฟังการปราศรัย ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เดินทางมาภายในทำเนียบผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแกนนำพันธมิตรฯ นำผู้ชุมนุมบุกยึดทำเนียบรัฐบาลและวันนี้เข้าสู่วันที่ 3 พบว่าเริ่มประสบปัญหาขยะจำนวนมาก โดยนำขยะทั้งหมดมาวางกองไว้บริเวณประตูทางเข้าที่ 1 และ 4 เพื่อรอรถเก็บขยะของ กทม.มาดำเนินการ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมได้เรียกร้องให้ กทม.นำรถสุขามาให้บริการเพิ่มเติม เนื่องจากรถสุขามีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ชุมนุม ทำให้ขณะนี้มีรถสุขาของ กทม.เพิ่มจากเดิม 6 คันเป็น 10 กว่าคัน ส่วนห้องสุขาที่มีอยู่ภายในอาคารต่างๆ ของทำเนียบก็ไม่เพียงพอและสกปรกอย่างมาก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ายึดตึกบัญชาการ 2 ทั้ง 5 ชั้น โดยงัดห้องน้ำและห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อน ส่วนบรรยากาศรอบๆ ทั้งต้นไม้ สนามหญ้าที่แต่เดิมมีการจัดไว้อย่างสวยงาม แต่หลังจากมีฝนตกมาทำให้ต้นไม้และสนามหญ้าได้รับความเสียหายทั้งหมด-ขรก.หญิงจวกการ์ดม็อบค้นตัวผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างการ์ดของพันธมิตรฯ กับข้าราชการหญิงที่ทำงานอยู่ในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยเมื่อเวลา 08.30 น. ข้าราชการหญิงจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ตึกแดง) แต่การ์ดพันธมิตรฯ ไม่ยอมให้ผ่านเข้าไปในบริเวณดังกล่าว จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ทั้งนี้ ข้าราชการหญิงคนดังกล่าวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดให้คนเข้าออกเพียงประตูเดียวคือประตู 2 บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ แต่ที่ทำงานของตนอยู่นอกพื้นที่การชุมนุม เมื่อขออนุญาตจะผ่านก็ไม่ให้แล้วจะเข้ามาตรวจค้น ซึ่งตนเป็นผู้หญิง แต่การ์ดที่จะตรวจค้นร่างกายเป็นชายฉกรรจ์ 4-5 คน ตนจึงไม่ยอม ทำไมการ์ดพันธมิตรฯ ไม่ใช้วิจารณญาณพิจารณา เพราะตนได้แสดงบัตรข้าราชการให้ดูแล้ว แม้แต่ตำรวจประจำทำเนียบที่มีหน้าที่ดูแลรักษาพื้นที่ตามกฎหมายบางครั้งยังอะลุ้มอล่วย มีการสอบจนแน่ใจ แม้ไม่ได้แสดงบัตรก็ยังผ่านเข้าไปทำงานได้ แต่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่มาทำพฤติกรรมเหมือนกองโจรเข้ามาซ่องสุมกำลังทั้งที่เราเป็นคนไทยเหมือนกัน ตอนแรกตนไม่คิดว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะมีกิริยาวาจาที่หยาบคายเช่นนี้นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หญิงที่ทำงานในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 4-5 คน ต้องปีนรั้วบริเวณประตู 5 ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งประตู 5 นั้นแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาการณ์อยู่แต่ไม่สามารถเปิดประตูให้ผ่านเข้ามาได้ เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ได้นำโซ่จำนวนมากไปคล้องประตูไว้-ปิดตายประตูเข้าออกแทบทุกด้านต่อมาเวลา 10.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและการดำเนินการขออนุมัติหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังมีการประกาศระดมมวลชนเข้ามาชุมนุมภายในทำเนียบต่อไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ จากนั้นพล.ต.จำลองได้ขึ้นเวทีปราศรัยชี้แจงว่า ขณะนี้เรารู้แผนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยตำรวจจะใช้แผนตีโอบล้อมกลุ่มผู้ชุมนุม และจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปีนข้ามรั้วเข้ามาด้านคลองผดุงกรุงเกษม และเข้ามาจากทุกๆ ด้าน เพื่อตีโอบพวกเรา โดยตำรวจจะบุกเข้ามาในเวลา 12.00 น. ดังนั้น ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณรอบนอกรั้วทำเนียบ ขอให้รีบเดินทางเข้ามาภายในทำเนียบ ภายใน 15 นาที เพราะเราจะปิดประตูเข้า-ออกทุกด้าน โดยจะล็อก กุญแจและล่ามโซ่อย่างแน่นหนา และจะเปิดให้ผู้ชุมนุมเดินทางเข้ามาเพียงประตูเดียว คือประตูด้านสะพานชมัยมรุเชษ โดยจะตรวจค้นผู้ที่จะเดินทางเข้ามาอย่างเข้มงวด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพล.ต.จำลองปราศรัยเสร็จ กลุ่มเจ้าหน้าที่ของพันธมิตรฯ ทั้งชายและหญิงจำนวนมาก ได้เดินกระจายแจ้งให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ทุกด้านของทำเนียบรับทราบ และให้เข้ามารวมตัวภายในโดยเร็ว ซึ่งผู้ชุมนุมบางคนกำลังพักผ่อน นอนหลับ นุ่งผ้าอาบน้ำ จึงเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เพราะต่างรีบเข้ามารวมตัวกันภายใน

-สนธิลั่น-อารยะขัดขืนต่อศาล
เมื่อเวลา 10.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและการขออนุมัติหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประกาศระดมมวลชนเข้ามาร่วมชุมนุมจนถึงวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.นี้ ซึ่งเราจะมีชัยชนะแน่นอน เพราะนายสมัครจะหมดภาวะความเป็นผู้นำไปในที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมาได้โกหกทุกเรื่อง สมคบกับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย จะใช้ทำเนียบรัฐบาลจัดงาน 116 วัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จฯมาทรงเป็นประธานเปิดงานวันที่ 30 ส.ค.นี้ แต่ตนตรวจสอบไปยังสำนักราชเลขาธิการในสมเด็จพระบรมฯแล้ว ไม่มีหมายกำหนด การดังกล่าว มุขนี้ไปใช้กับนปก.ได้แต่ใช้กับพันธมิตรไม่ได้ นายสนธิ กล่าวว่า ขอยืนยันกับพันธมิตรทั่วประเทศว่าเราจะทำการอารยะขัดขืนต่อศาล ซึ่งได้หารือกับแกนนำทั้งหมดแล้วว่าต้องอดทน ถ้ากู้ชาติสำเร็จแล้ว เราจะมอบตัวเพื่อให้จำคุก ให้ดูตัวอย่างนายเนลสัน แมนเดล่า อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ที่ถูกจำคุก 20 กว่าปีเพราะต่อต้านนโยบายเหยียดสีผิว แกนนำพันธมิตรพร้อมติดคุกเพื่อให้บ้านเมืองรอดพ้นจากนักการเมืองโกงกินคอร์รัปชั่น-"พัลลภ"พร้อมขึ้นนำม็อบแทน"มหา"พล.ต.จำลอง กล่าวย้ำบนเวทีว่า หากแกนนำพันธมิตรถูกจับ ขอทุกคนอย่าทิ้งพื้นที่ เพราะถ้าทิ้งพื้นที่ก็ถือว่าแพ้ทันที จะมีแกนนำรุ่น 2 เข้ามาเติมเชื้อกู้ชาติต่อไป นอกจากนี้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อนร่วมรุ่นจปร. 7 โทร.มาพูดกับตนว่าสัญญาของเรายังเหมือนเดิม หากตนและแกนนำถูกจับกุม พล.อ.พัลลภก็พร้อมเป็นแกนนำเพื่อรับหน้าที่ภารกิจกู้ชาติแทนตนทันที และยังมีนายทหารระดับพล.อ. อีกหลายคนที่เป็นเพื่อนพ้องตนจะมารับหน้าที่ในการขับไล่รัฐบาล ขอย้ำว่าทุกคนอย่าตื่นตระหนกกับคำพิพากษาของศาล เราจะปักหลักชุมนุมจนกว่าได้รับชัยชนะ เพราะขณะนี้มีการระดมพลพันธมิตรจากต่างจังหวัดเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก ขอให้พวกเรายืนหยัดปักหลักถึงที่สุดเชื่อว่าจะชนะแน่นอนเวลา 13.30 น. พล.ต.จำลองขึ้นเวทีอีกครั้งพร้อมกล่าวว่ามีนายทหารยศพล.อ. 2 คนโทร.มาหาตน บอกว่าในช่วง 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม เข้าจับกุมแกนนำพันธมิตรทั้ง 9 คน จึงขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล จากนั้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของพันธมิตรนำลวดสะลิงไปพันประตูเหล็กทุกประตูของทำเนียบอย่างแน่นหนา และทุกประตูมีการ์ดคอยรักษาความปลอดภัยประตูละกว่า 30 คน พร้อมนำยางรถยนต์ เศษเครื่องปรับอากาศเก่าๆ เศษแผงเหล็กของทำเนียบมาสุมกองรวมกันเป็นบังเกอร์ นอกจากนี้การ์ด ยังตรวจเข้มผู้ชุมนุมที่เดินทางเข้ามาสมทบในทำเนียบก่อนอนุญาตให้เข้า ส่วนคนที่จะออกไปด้านนอกจะไม่ได้รับการอนุญาต สำหรับสื่อมวลชนที่จะผ่านเข้า-ออกก็จะมีการสอบถามและตรวจค้นอย่างละเอียดเช่นเดียวกันในส่วนทางเข้าสำนักงานป.ป.ช. ฝั่งถนนนครปฐม กลุ่มพันธมิตรได้นำแผงเหล็กล้อมด้วยลวดหนามกั้นเป็นแนวถึง 3 ชั้น ไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้า-ออกโดยเด็ดขาด ส่วนถนนพิษณุโลกทั้งฝั่งโรงเรียนราชวินิตและมหาวิทยาลัยราชมงคลพณิชยการพระนคร กลุ่มพันธมิตรจากต่างจังหวัด นำรถบัสมาจอดขวางเต็มทั้ง 2 ฝั่ง ยาวไปถึงถนนพระราม 5 ทำให้การจราจรติดขัดเพราะเหลือช่องทางการจราจรเพียง 1 ช่องทาง-ตึงเครียด-300ปจ.เคลื่อนประชิดเวลา 15.00 น. กองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลกว่า 300 นาย พร้อมอาวุธโล่และสนับแข้งเดินทางมาจากถนนพระราม 5 มุ่งหน้ามายังแยกวิทยาลัยพาณิชยการพระนคร บริเวณหัวมุมของทำเนียบ ข้างคลองผดุงกรุงเกษม ทำให้ผู้ชุมนุมลุกฮือและตั้งแถวป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาจับกุมแกนนำ ขณะที่มีการนำรถตู้สีดำของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ทะเบียน วล 89 มาจอดไว้บริเวณอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร ติดวิทยาลัยพาณิชยการพระนคร เตรียมไว้ให้นายสนธิ หากเกิดเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นหลังมีข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังมาประชิดโดยรอบทำเนียบนายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นกล่าวบนเวทีหลังมีกระแสข่าวตำรวจปฏิบัติการพิเศษปราบจลาจล (ปจ.) 20 นาย จะเข้าจับแกนนำที่ถูกออกหมายจับในเวลา 15.00-16.00 น. ว่า หากใครกลับให้ออกไปก่อนและถ้าตำรวจบุกเข้ามาก็ขอให้ฟังคำสั่งให้ดี ไม่ต้องกลัว ตนจะได้มายืนตรงนี้อีกหรือไม่ยังไม่รู้ ให้พวกเราสามัคคีกันไว้ วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์เราต่อสู้กันมาตลอดเพื่อสถาบัน หากมีตำรวจคนใดเข้ามาจับก็แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ เพราะขณะนี้มีตชด.หญิงใส่เสื้อเหลืองมาเดินปะปนกับพวกเราจำนวนมากเพื่อล็อกตัวตนและพล.ต.จำลอง ดังนั้น ถ้ามีผู้หญิงคนไหนวิ่งเข้ามาหาตนแสดงว่าคนนั้นคือตำรวจหญิง หากตนถูกจับให้นำความรู้ต่างๆ ที่ให้ไว้เป็นปัญญานำทาง เพราะทุกวันนี้รัฐบาลไม่มีปัญญาที่จะนำพาประเทศชาติไปรอด เราพร้อมแสดงพลังปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จงอย่ากลัว อย่าตกใจ อย่าแตกแถว ผู้สื่อข่าวขณะที่นายสนธิ ขึ้นพูดบนเวที พล.ต. จำลองและแกนนำได้อยู่หลังเวที ที่หน้าเวทีการ์ดและนักรบศรีวิชัย 30 คน ในชุดดำพร้อมอาวุธครบมือเช่น ไม้หน้าสาม มีดพร้า ไม้กอล์ฟ ตะบอง ได้ยืนเรียงแถวหน้ากระดานคอยรักษาความปลอดภัยรอบเวที-ส่งหมายศาลแพ่งให้ 6 แกนนำเมื่อเวลา 13.00 น. นายคารม พลทะกลาง ทนายโจทก์ เปิดเผยหลังนำหมายศาลแพ่งไปติดที่บ้าน 6 แกนนำตามถิ่นที่อยู่ในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้นำหมายไปที่บ้านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ 580/2 ถนนพระราม 5 แขวงนครไชยศรี พบนายแก่นเพชร ธนะคำดี เป็นผู้รับหมายไว้แทน ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่พบ จึงใช้วิธีปิดหมายและถ่ายรูปไว้ที่บ้านเลขที่ 2 ตรอกโรงไหม แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร ส่วนนาย สมศักดิ์ โกศัยสุข ไปที่ 90/360 หมู่ 5 แขวงอนุสาวรีย์ พบหญิงอายุ 30-40 ปี แต่ไม่รับหมาย ส่วนนายพิภพไปที่บ้านเลขที่ 70/2 ตรอกวัดใหม่พิเรนทร์ ปิดหมายไว้และถ่ายรูปหมายตัวจริงส่งไปแล้ว การนำหมายศาลวันนี้ในส่วนของพล.ต.จำลองมีคนรับแล้ว ส่วนของคนอื่นเป็นการติดหมาย ทนายโจทก์กล่าวว่า การดำเนินการในส่วนอื่นมีลูกข่ายจะไปแถลงต่อศาลและลงบันทึกประจำวัน ส่วนอีก 2 คน คือ นายสุริยะใส กตะศิลา กับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ กับ จ.นครราชสีมา มีหมายจับอยู่แล้วแต่อาจไม่รับ อาจต้องแถลงและขอตั้งเจ้าพนักงานเลย ส่วนที่จะส่งเร็วสุดก็คือจดหมายด่วนอีเอ็มเอส ก็ต้องดูอีกที หลังจากนั้นต้องรอว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างใดอีก-รถไฟ-บขส.-ขสมก.จัดรถกลับฟรีนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้การรถไฟฯ ได้เตรียมความพร้อมขบวนรถไฟเพื่อรองรับกลุ่มประชาชนที่ผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาไว้แล้ว โดยเป็นการเตรียมความพร้อมตามปกติจำนวน 50 ขบวน ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของผู้โดยสารนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บ.ข.ส.และ ขสมก.ได้รับการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้เตรียมรถไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อรองรับบริการประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีความประสงค์เดินทางกลับภูมิลำเนา ในส่วนของบ.ข.ส.จะให้บริการฟรี ได้เตรียมรถบ.ข.ส. รถร่วมบริการ และรถโดยสารไม่จำทาง หรือรถประเภท 30 ซึ่งเชื่อว่าจะมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการใช้ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับประสานงานให้นำรถไปรับประชาชน ณ สถานีขนส่งแห่งใด โดยจะรอการติดต่ออีกครั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีรถบ.ข.ส. บ.ข.ส.ได้เตรียมรถไว้ประมาณ 50-60 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถประเภท 30 และจะสามารถออกให้บริการได้ทันที หากได้รับการประสานงานจาก สตช.นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการประสานงานจาก พล.ต.ต. ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. ขอให้ ขสมก.จัดเตรียมรถฟรีอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนา โดย ขสมก.จะนำรถไปรับบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำไปส่งสถานีขนส่ง 3 แห่ง คือ สถานีขนส่งหมอชิต สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถต่อรถบ.ข.ส.เดินทางได้ต่อไป-สนนท.นำประณามพันธมิตรฯ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และองค์กรภาคี ประกอบด้วย กลุ่มกิจกรรมนักศึกษาเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหง องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ. ปัตตานี) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน (สนนอ.) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) เครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน (คพช.) และกลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิ๊ก ออกแถลงการณ์ประณามการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ระบุว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่า 1.ขอประณามการกระทำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ใช้กำลังและความรุนแรงในการบุกเข้ายึดสถานที่ราชการและสถานีโทรทัศน์ซึ่งเป็นการละเมิดกรอบและบทบัญญัติของกฎหมาย อันจะนำไปสู่การสร้างค่านิยมทางการเมืองว่าในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองต้องจบลงด้วยการใช้กำลังและความรุนแรง 2.ขอเรียกร้องให้แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยุติการสร้างเงื่อนไขต่างๆ ที่จะนำไปสู่การรัฐประหารเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง 3.ขอเรียกร้องให้รัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงอันจะนำไปสู่การเสียเลือดเนื้อของพี่น้องคนไทยด้วยกันเอง 4.ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักอันจะนำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ-รสนา-30 ส.ว.ชี้ข้อหากบฏแรงเกินที่รัฐสภา ส.ว.เลือกตั้งและส.ว.สรรหา 30 คน อาทิ นายตวง อันทะไชย นายสมชาย แสวงการ นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ร่วมหารือกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นนายตวงแถลงว่า ขอเรียกร้องรัฐบาลไม่ใช้ความรุนแรงในทุกทาง เห็นประชาชนเป็นพลเมืองแม้เห็นต่างจากรัฐบาล การตั้งข้อหากบฏกับ 9 แกนนำทำเกินกว่าเหตุ ผู้ชุมนุมมีเพียงไม้กอล์ฟ คงไม่พอไปเปลี่ยนแปลงการปกครองและล้มล้างประชาธิปไตยได้ กรณีคนของกลุ่มพันธมิตรฯ บุกเอ็นบีที สังคมอย่ามองมุมเดียว ภาพที่ออกมาเหมือนมีเงื่อนงำว่าจัดฉาก น.ส.รสนากล่าวว่า ไปดูเหตุการณ์ที่ทำเนียบคืนวันที่ 27 ส.ค. ผู้ชุมนุมร้อยละ 80 เป็นสตรีและคนพิการ ตำรวจเสริมกำลังเข้าไปเรื่อยๆ ไม่ได้ถอนออก ขอตำรวจอย่าใช้ความรุนแรง การตั้งข้อหา 9 แกนนำเป็นกบฏแรงเกินไป ถ้ารัฐบาลและ สตช.ถอนข้อหานี้ได้ดีกรีความร้อนแรงของเหตุการณ์จะลดลง คนผิดก็ต้องรับผิด แต่ต้องรับโทษเท่าที่เป็นจริง ส่วนการเสนอข่าวของเอ็นบีทีไม่นำภาพทั้งหมดออกฉาย เช่น ภาพตำรวจตีชาวบ้านหัวแตกช่วงกลางดึกวันที่ 26 ส.ค. ส.ว.มีภาพบันทึกเหตุการณ์จะให้สื่อช่องอื่นๆ เอาไปฉาย ช่วงบ่ายกลุ่มส.ว.จะไปดูเหตุการณ์ที่ทำเนียบ และพบ 80 คนที่ถูกจับเนื่องจากบุกสถานีเอ็นบีที ทราบว่าไม่มีโอกาสพบทนาย นายสมชายกล่าวว่า ส.ว.ไม่สนับสนุนการบุกเอ็นบีทีเพราะละเมิดสิทธิของสื่อ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าภาพที่ออกอากาศทางเอ็นบีทีมีบางมุมเสมือนจริงมากเหมือนรายการเรียลลิตี้โชว์ เป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยาฉายภาพรุนแรงซ้ำๆ ทำให้การชุมนุมดูไม่ชอบธรรมเพื่อใช้กำลังสลาย การที่นายกฯ ประกาศให้สื่อเลือกข้างทำให้โทรทัศน์เสนอแต่ภาพเอ็นบีทีโดนกระทำ แต่พอประชาชนโดนกระทำกลับไม่มีภาพ-หมักหลบสื่อให้"ณัฐวุฒิ"แถลงแทนเมื่อเวลา 13.50 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยหลบผู้สื่อข่าวที่รออยู่ด้านหน้าไปขึ้นห้องประชุมทางด้านหลัง พร้อมมอบหมายให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นายกฯ มอบหมายให้ตนแถลงหลักการของรัฐบาล ยืนยันไม่ใช้ความรุนแรงหรือกำลังทุบตีหรือสลายการชุมนุมแน่นอน แต่การดำเนินการตามกฎหมายทั้งกระบวนการของศาลอาญาและศาลแพ่งที่ออกมาก็ต้องเดินต่อไป จึงอยากเรียกร้องให้ 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามอบตัวและพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาล หากไม่เช่นนั้นอาจจำเป็นที่รัฐบาลจะใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อทำให้ทำเนียบใช้เป็นที่บริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้เพื่อแสดงความทระนงองอาจ หากประสงค์จะเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยเพื่อความถูกต้อง ต้องกล้ายืดอกเข้าหากระบวนการยุติธรรม แต่ภาพวันนี้มันไม่ใช่ พอมีหมายจับกลับไปตั้งกำแพงเอาเลือดเนื้อของประชาชนมาขวางกั้นเป็นเดิมพันนายณัฐวุฒิกล่าวว่า กรณีส.ว.ประกาศจะเข้าไปเยี่ยมกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นถือเป็นเรื่องดี แต่สถานการณ์ขณะนี้ต้องทำหน้าที่มากกว่านั้น คือการเข้าไปทำความเข้าใจให้กลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัวและเคารพกฎหมายบ้านเมืองด้วย เพราะจากการข่าวทราบว่าขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ก่อกำแพงกระเบื้องกั้นไว้ 1 ชั้น ก่อนที่จะถึงกำแพงมนุษย์ และมีการนำยางรถยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนหนึ่งเข้าไปไว้ในทำเนียบ ทั้งหมดถือเป็นเชื้อเพลิงที่ร้ายกาจ ดังนั้น เมื่อประชาชนทราบว่ามีสิ่งเหล่านี้ก็ขอให้แจ้งกับคนรู้จักที่เข้าไปอยู่ภายในทำเนียบให้ออกมาเพราะอาจเกิดเหตุร้ายแรงได้-85 อจ.หมอติงอย่าใช้แต่นิติศาสตร์เวลา 13.20 น. กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา ประมาณ 10 คน นำโดย นางรสนา โตสิตระกูล นางสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ นายสมชาย แสวงการ เป็นต้น เข้าเยี่ยมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเดินให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมทั่วบริเวณ โดยโฆษกบนเวทีประกาศบอกผู้ชุมนุมตลอดเวลานางรสนา กล่าวว่า อยากฝากไปถึงรัฐบาลว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง อยากให้ใช้วิถีทางการเมืองเข้าแก้ปัญหา อย่าเพิ่มดีกรีความรุนแรงด้วยการตั้งข้อกล่าวหาที่หนัก และอยากขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แก้ข้อกล่าวหา เพราะเรื่องกบฏแรงเกินไป ส่วนความผิดอื่นค่อยว่ากันตามกฎหมายวันเดียวกัน คณาจารย์และนักวิชาการทางการแพทย์และสาธาณสุข 85 คน ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์เรื่อง "สถานการณ์ความขัดแย้งของบ้านเมือง" ระบุว่า วิตกกังวลกับสถานการณ์และความขัดแย้งในขณะนี้ จะนำไปสู่ความรุนแรงและการต่อสู้กันของชนในชาติ ส่งผลเสียหายหนักกว่าทุกครั้ง กลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อเห็นว่าระบบการเมืองปัจจุบันมีปัญหา ไม่อาจอาศัยกลไกทางรัฐสภาโดยวิธีปกติแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติได้ จึงกดดันนอกสภาเพื่อให้รัฐบาลลาออก หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้น แต่รัฐบาลเพิกเฉย ทำให้การกดดันทวีความเข้มข้น เสี่ยงจะเกิดวิกฤตสถานการณ์ความรุนแรง จึงเห็นว่าปัญหาทางการเมืองขณะนี้ควรแก้โดยวิถีทางการเมืองเท่านั้น การบังคับใช้กฎหมายหรือใช้หลักนิติศาสตร์ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ นำไปสู่ความรุนแรงให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้น เพราะความขัดแย้งขณะนี้เป็นความขัดแย้งในระดับหลักการพื้นฐานของระบบการเมืองไทย รัฐบาลอาจต้องเสียสละให้เกิดกระบวน การที่นำไปสู่การร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบการเมืองและกติกาใหม่ที่ทุกกลุ่มยอมรับ-พัลลภฟุ้งจะรบรุกแค่ 3 วันชนะทางด้านพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เพื่อนร่วมรุ่นจปร.7 ของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศขึ้นเวทีขับไล่รัฐบาลว่า ตนจะขึ้นเวทีต่อเมื่อพล.ต.จำลองถูกตำรวจจับกุม ถือเป็นสัญญาใจที่ตนกับเพื่อนรักเพื่อนตายได้สัญญาต่อกัน 2 ข้อตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ข้อแรกคือถ้าวันใดพล.ต. จำลองโดนตำรวจจับ ตนจะเข้าไปแทนทันที อีกข้อคือยุทธวิธีต่อสู้ แนวทางของตนกับพล.ต.จำลองไม่ตรงกัน พล.ต.จำลองใช้วิธีอหิงสา แต่ตนใช้ปฏิบัติการรุก ตนคงไม่ใช้วิธีตั้งรับเหมือนพล.ต.จำลอง ตนไม่ได้เพิ่งตัดสินใจขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แต่ตัดสินใจมานานแล้วตามที่ตกลงกันไว้ หากพล.ต.จำลองถูกจับสถานการณ์คงวุ่นวายแน่ ตนมีวิธีทำให้รัฐบาลและนายกฯ ลาออกแต่บอกไม่ได้ คาดว่าปฏิบัติการเพียง 3 วัน รัฐบาลต้องลาออกยกชุด เพราะยุทธวิธีรุกไม่เหมือนยุทธวิธีรับของพล.ต.จำลอง การขึ้นเวทีครั้งนี้ไม่มีใครหนุนหลัง แต่ถึงเวลานั้นคงมีคำตอบว่าทหารจะอยู่ข้างตนหรือข้างไหน "คิดว่า 3 วันคงเพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลลาออก ผมจะใช้วิธีที่สั้นที่สุด ไม่ใช้วิธีที่ยืดเยื้อแบบนี้ การขึ้นเวทีครั้งนี้ไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลัง เป็นข้อตกลงที่ผมยึดถือมาตลอด ที่ผ่านมา 100 วันผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพียงแต่ติดตามสถานการณ์และเปิดทีวีดูเท่านั้น แต่วันใดที่พล.ต.จำลองถูกจับเข้าคุกก็จะขึ้นเวทีเพื่อประกาศชัยชนะให้กับพันธมิตรฯ ทันที รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารมานานแล้ว นายกฯ และครม.ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก" พล.อ.พัลลภกล่าว -นครบาลจี้ปฏิบัติตามศาลสั่งหลังเสร็จการประชุมก.ตร. นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ขอเวลาเป็นส่วนตัว 1 ช.ม. จากนั้นเวลา 17.00 น. นายกฯ เดินทางไปรัฐสภา เนื่องจากรับปากจะมาตอบกระทู้เรื่องการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่นายกฯ เพียงเซ็นชื่อและกลับออกไปทันที โดยกล่าวสั้นๆ ว่า ขอเลื่อนเขาไปก่อนแต่ครั้งหน้าจะมาตอบคำถามแน่นอน เมื่อถามว่าวันที่ 29 ส.ค. จะไปทำงานที่ดีเอสไอใช่หรือไม่ นายสมัคร ยอมรับว่าช่วงเช้าไปที่ดีเอสไอ บ่ายรับปากจะไปที่สถานทูตคาซัคสถาน พร้อมยืนยันระหว่างวันที่ 2-4 ก.ย. จะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นแน่นอนวันเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจนครบาลออกประกาศ เรื่อง แจ้งเตือนให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ระบุ ตามที่แกนนำพันธมิตรฯ กับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในทำเนียบ ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. จนถึงขณะนี้เป็นเหตุให้ครม. ข้าราชการ และผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบไม่สามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ตามปกติ กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ส.ค. สำนักเลขาธิการครม. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกลุ่มแกนนำทั้ง 6 คน เป็นจำเลยต่อศาลแพ่งข้อหากระทำละเมิด และศาลแพ่งออกหมายห้ามชั่วคราวให้จำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบ และบริเวณพื้นที่ทำเนียบทั้งหมดให้รื้อถอนเวทีปราศรัยรวมทั้งสิ่งกีดขวางออกไป และให้เปิดพื้นที่จราจรถนนพิษณุโลก ถ.ราชดำเนิน เพื่อให้ประชาชน ครม. ข้าราชการ และผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบสามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวก ให้คำสั่งศาลมีผลทันที กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงแจ้งเตือนและขอความร่วมมือมายังกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังอยู่ภายในทำเนียบให้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล โดยรื้อถอนเวทีและเคลื่อนย้ายออกไปจากทำเนียบโดยทันที หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี เพื่อเคารพคำสั่งศาล และให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง-เครือข่ายสื่อเยาวชนติงข่าวเอ็นบีทีวันเดียวกัน เครือข่ายสื่อเพื่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว ประกอบด้วย เครือข่ายเพื่อสื่อสาธารณะ เครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ เครือข่ายวิทยุเพื่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว เครือต้นกล้าสื่อ จ.สงขลา เครือข่ายเด็กผลิตสื่อขบวนการตาสับปะรด เครือข่ายเท่าทันสื่อ สงขลาฟอรั่มเพื่อประชาคมพลเมืองเด็ก เครือข่ายสื่อภาคประชาชนภาคเหนือ เครือข่ายเยาวชนเพื่อการพัฒนา มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวเครือข่ายเด็กและเยาวชน จ.บุรีรัมย์ และเครือข่ายเยาวชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ออกแถลงการณ์ เรียกร้องสถานีเอ็นบีที อย่าเสนอข่าวที่จะปลุกระดมประชาชนให้เกลียดชังกันมากขึ้นขณะเดียวกัน นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กว่า 20 คน ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหารือทางออกวิกฤตบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จากนั้น นายจรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้พันธมิตรฯยอมรับคำสั่งศาล ถอนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล ที่ผ่านมาถือว่าพันธมิตรฯได้ยกมาตรฐานประชาธิปไตยของประเทศ ประท้วงโดยสงบ เมื่อมีคำสั่งศาลออกมา ควรยอมรับกติกา ซึ่งผู้ประท้วงทราบดีว่าการต่อสู้แบบอารยะขัดขืนด้วยการยึดสถานที่ราชการ จะเป็นการละเมิดกฎหมาย ดังนั้น ต้องยอมรับ และเคารพในกฎหมาย เพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีของการเมืองไทยต่อไป-ศาลแพ่งตั้งพนักงานบังคับคดีเวลา 13.30 น. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายเมธี ใจสมุทร ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในคดีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ เป็นจำเลยที่ 1-6 เรื่องละเมิดและขับไล่ออกจากทำเนียบ ซึ่งศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ให้มีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี หลังจากกลุ่มพันธมิตรฯยังไม่ออกจากทำเนียบศาลได้เปิดห้องพิจารณาคดี 403 ไต่สวนนายเมธี กระทั่งเวลา 16.30 น. ศาลมีคำสั่งว่า จากการไต่สวนโจทก์ยืนยันว่าจำเลยที่ 1-6 ยังอยู่ในพื้นที่บริเวณทำเนียบหลังจากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ศาลจึงมีคำสั่งให้แต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้โจทก์เป็นผู้นำเจ้าพนักงานบังคับคดี จัดการให้เป็นไปตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายเมธีกล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งหมายให้กับแกนนำพันธมิตรฯไปบางส่วน ที่เหลือยังส่งไม่ได้เพราะไม่มีคนมารับแทน คำสั่งศาลย่อมมีผลทันทีและพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้รับโดยชอบแล้ว จึงนำข้อมูลตรงนี้แถลงต่อศาลว่าจำเลยทั้ง 6 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ขอตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ที่พันธมิตรฯยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราวเป็นกระบวนการตามกฎหมาย แต่จะสิ้นสุดแค่ชั้นอุทธรณ์ไม่น่าจะถึงชั้นฎีกา เมื่อถามว่าการขอตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ประสานมาหรือไม่ นายเมธีกล่าวว่า อาจมีส่วนเพราะมีการสอบถามมาว่าทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการอย่างไรบ้างแล้ว เพราะเมื่อมีการบังคับคดีก็ต้องขอความร่วมมือจากตำรวจ เมื่อถามว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลจะมีผลอย่างไร นายเมธีกล่าวว่า ศาลอาจมีคำสั่งออกหมายจับ -ทนายกู้ชาติยื่นอุทธรณ์ศาลแพ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับขั้นตอนการบังคับคดีตามคำสั่งศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 296 ทวิ กำหนดว่าถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล โจทก์มีอำนาจร้องขอศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี มาตรา 296 ตรี เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจรื้อถอนสิ่งกีดขวางและขนย้ายสิ่งของของจำเลย หากการขนย้ายมีค่าใช้จ่ายให้จำเลยเป็นผู้รับผิดชอบ มาตรา 296 จัตวา (1) ถ้าจำเลยไม่ออกจากสถานที่ขับไล่ เจ้าพนักงานบังคับคดีร้องศาลมีคำสั่งจับกุมคุกขังจำเลย ตามมาตรา 300 ศาลจำคุกจำเลยได้ครั้งละไม่เกิน 6 เดือน จนกว่าจำเลยจะยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาล เวลา 15.00 น. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำพันธมิตรฯได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา คำร้องหนา 15 หน้า สรุปว่า ที่จำเลยต้องมาชุมนุมหน้าทำเนียบ ถนนพิษณุโลก และถนนราชดำเนิน เนื่องจากรัฐบาลเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของจำเลย สร้างความร้าวฉานในสังคมโดยใช้สื่อของรัฐคือสถานีเอ็นบีที โจมตีหน่วยงานของรัฐที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาล การชุมนุมของจำเลยและกลุ่มประชาชนมีเหตุผลของความชอบธรรม และเป็นการใช้สิทธิ์ชุมนุมทางการเมืองโดยสงบปราศจากอาวุธตามมาตรา 63 ประกอบ มาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญ -กร้าวคำสั่งศาลแพ่งขัดรัฐธรรมนูญการที่ศาลแพ่งออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยเรื่องการคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณา ซึ่งมิใช่กฎหมายเฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะมาใช้บังคับ เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ จึงเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จำเลยทั้ง 6 ยืนยันด้วยว่าการเข้าไปทำเนียบของกลุ่มประชาชนเป็นการใช้สิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะทำเนียบเป็นสถานที่ราชการ เป็นสาธารณะสถานที่บุคคลสามารถจะเข้าไปได้ และไม่ได้เป็นการบุกรุกเพราะเจ้าหน้าที่ทำเนียบเปิดประตูให้เข้าไปได้ และประชาชนก็อยู่บริเวณสนามหญ้าในทำเนียบไม่ได้เข้าไปในตัวอาคารและทำลายทรัพย์สินแต่อย่างใด จำเลยยื่นอุทธรณ์ประเด็นข้อกฎหมายด้วยว่า การที่ศาลแพ่งมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบและให้รื้อถอนเวทีปราศรัยรวมทั้งสิ่งกีดขวาง เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีแพ่งต้องใช้บังคับกับจำเลยเท่านั้น บุคคลผู้มาชุมนุมไม่ใช่บริวารของจำเลย การที่ศาลแพ่งมีคำสั่งรวมไปถึงบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดีย่อมเป็นการสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและไม่อาจปฏิบัติตามคำสั่งได้ จึงขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกคำสั่งที่ศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว -ศาลแพ่งรับพิจารณาคำอุทธรณ์และหากศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีอำนาจนำบทบัญญัติตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ซึ่งมิใช่กฎหมายเฉพาะเพื่อการชุมนุมสาธารณะมาใช้บังคับ สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 จำเลยทั้ง 6 ก็เห็นว่าบทบัญญัติของประมวลกฎหมายของวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากศาลอุทธรณ์จะใช้บทบัญญัติ ดังกล่าวมาบังคับ ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์ส่งสำนวนไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยปัญหาความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเสียก่อนจำเลยยังยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วย โดยจำเลยทั้ง 6 เห็นว่าเมื่อรัฐบาลใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ การชุมนุมจึงต้องมีต่อไปจนกว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามคำเรียกร้องของผู้ชุมนุม กรณีนี้จึงมีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีเพื่อรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ไว้ก่อน แต่หากศาลชั้นต้นเห็นว่ายังไม่สมควรจะสั่งคำร้องนี้ขอให้ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเป็นการด่วนตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 โดยศาลแพ่งรับคำอุทธรณ์และคำร้องทุเลาบังคับคดี ไว้พิจารณา-ลุยบี้ต่อเพิกถอนหมายจับ"กบฏ"นายสุวัตร กล่าวว่า การขอเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรของศาลอาญาได้ไปขอคัดเอกสารมาหมดแล้ว เพื่อมาดูว่าที่ตั้งข้อหากบฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114 และ 116 ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่ถูกต้องเพราะพันธมิตรไม่ใช่กบฏ คำว่ากบฏหมายถึงยึดอำนาจรัฐโดยใช้อาวุธ แต่พันธมิตรเรียกร้องให้รักษารัฐธรรมนูญไว้ อย่าแก้รัฐธรรมนูญ ให้รัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายดำเนินคดีต่อคนผิดและเอามาลงโทษ ฉะนั้นข้อหากบฏถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จ ตนจะดำเนินการฟ้องร้องคนที่ไปแจ้งความอีกทีหนึ่ง และเมื่อได้เอกสารแล้วจะทำคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ 9 คน ถ้าศาลชั้นต้นไม่เพิกถอนให้ก็จะอุทธรณ์ต่อ ยกตัวอย่างคดีแบบนี้เคยมีให้เห็นอยู่แล้ว คือคดีของนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เคยถูกออกหมายจับแล้วท่านอยู่ต่างประเทศ ท่านจึงยื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไม่ยกเลิกก็ได้อุทธรณ์ไป และก็ได้รับการเพิกถอนหมายจับทั้งหมด นายสุวัตรกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ทนาย ความกับกลุ่มพันธมิตรฯแตกคอกัน แล้วจะไม่ว่าความให้อีกว่าไม่เป็นความจริง เราไม่ได้แตกคอกัน การที่จะไม่ว่าความให้ต่อไปอีกนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะตนกับนายสนธิเป็นเพื่อนกัน ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความจากสภาทนาย ความ เปิดเผยถึงกรณีการจับกุมกลุ่มนักรบศรีวิชัย 82 คน ผู้ต้องหาใช้กำลังบุกรุกสถานีเอ็นบีที ว่า ขณะนี้ตนและทีมทนายความกำลังร่างคำร้องขอประกันตัวกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 82 คน อยู่ระหว่างการเขียนรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ต้องหาแต่ละราย หลังจากศาลอาญาอนุญาตให้พนักงานสอบสวนสน.สุทธิสาร ฝากขังครั้งแรกผู้ต้องหาทั้งหมด และไม่อนุญาตให้ประกันผู้ต้องหา 2 คนที่ยื่นคำร้องขอประกันตัวไปก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารใบแต่งตั้งทนายที่นำไปให้ผู้ต้องหาทั้ง 82 คนที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางลงชื่อ ส่วนหลักทรัพย์ที่ใช้ยื่นประกันนั้นจะมีมูลค่าคนละ 2 แสนบาท โดยคาดว่าจะยื่นคำร้องขอประกันต่อศาลอาญาได้ในเร็วๆ นี้-บช.น.เตรียมป้ายห้ามเข้าทำเนียบเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจของบช.น. ได้นำป้ายผ้าสีขาว ขนาด 50x50 ซ.ม. เขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงข้อความว่า "ห้ามเข้าตามคำสั่งศาลฯ ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย" จำนวน 5 ป้ายแปะติดแผงเหล็กหน้ากองอำนวยการร่วม และตั้งไว้ด้านหลังบช.น. ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ โดยเกรงว่าหากนำป้ายดังกล่าวมาตั้งหน้าทำเนียบ อาจเกิดการปะทะกับผู้ชุมนุมจึงยังไม่เคลื่อนย้ายไปจากนั้นเวลา 19.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา แถลงว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยจะให้มวลชนมารวมตัวกันที่มั่นสุดท้ายคือทำเนียบ ส่วนบริเวณสะพานมัฆวานฯ จะขนย้ายเครื่องเสียงและอุปกรณ์มาไว้ที่เวทีใหญ่ทำเนียบทั้งหมด แต่หากมวลชนมีจำนวนมากจะเปิดการชุมนุมอย่างคู่ขนาน คาดว่าจะชุมนุมต่อเนื่องไปอีก 2-3 วัน แม้ศาลจะมีคำสั่งให้รื้อถอนเวทีก็ตาม โดยใช้สิทธิตามมาตรา 63 ซึ่งหากจะยุติปัญหาทั้งหมดลงได้ นายกฯ และรัฐมนตรีต้องลาออก เมื่อลาออกเมื่อไหร่การชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็จะยุติ นายสุริยะใส กล่าวว่า วันที่ 29 ส.ค. เราจะให้ทีมทนายของพันธมิตรฯ ยื่นอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับของศาลอาญาในข้อหากบฏ และคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง คาดว่าจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ ขณะนี้แกนนำยังไม่เห็นคำสั่งของศาลแพ่งและยังไม่มีใครนำมาให้แกนนำ แต่หากยังไม่มีการดำเนินการอาจใช้กรณีเทียบเคียงของนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยใช้สิทธิ์ยื่นศาลปกครองต่อไป อย่างไรก็ตาม ในคำสั่งของศาลแพ่งต้องแยกแยะ ถ้าให้เฉพาะแกนนำออกจากทำเนียบฯ ผู้ชุมนุมก็ไม่ต้องออกไปเพราะการชุมนุมขณะนี้เป็นการต่อสู้ทางการเมือง-ติดประกาศบังคับคดี 29 ส.ค.เมื่อเวลา 20.00 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง กล่าวว่า หลังจากศาลมีคำสั่งกรมบังคับคดีได้ส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานกับตำรวจโดยตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น. ควบคุมดูแลการดำเนินการนำหมายบังคับคดีไปที่ทำเนียบรัฐบาล โดยในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค. เวลา 08.00 น. เป็นเวลานัดหมายที่เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีกับทางตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) จะเดินทางไปที่ศาลแพ่ง หลังจากนั้นจะนำหมายของศาลไปติดประกาศให้กลุ่มพันธมิตรฯ รับทราบ เพื่อให้มีการรื้อถอนเวที เต็นท์ ตามคำสั่งของศาลพล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะรื้อถอนเวที เต็นท์ หรือไม่ ทางตำรวจกับเจ้าหน้าที่บังคับคดีจะดำเนินการตามคำสั่งของศาล ที่ผ่านมาตนไม่ได้พูดคุยกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด แต่คิดว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันน่าจะพูดกันรู้เรื่อง ส่วนกรณีกำลังจำนวน 8 กองร้อย รวม 1,200 นาย ที่อยู่ภายในทำเนียบ ที่มีกระแสข่าวว่าถูกกักตัวอยู่นั้น จริงแล้วไม่ได้ถูกกักตัว แต่เป็นการมอบหมายภารกิจให้ดูแลความเรียบร้อยด้านอาคารสถานที่ภายในทำเนียบ รวมทั้งดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมไปด้วยนายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงศาลแพ่งสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อบังคับกลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาลว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีคงจะออกประกาศของกรมบังคับคดีไปปิดประกาศที่หน้าทำเนียบ ให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบทันที ตามคำสั่งของศาล แต่ยอมรับว่าไม่ทันภายในเย็นวันที่ 28 ส.ค."หากเจ้าพนักงานปิดประกาศแล้ว ผู้ชุมนุมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ถ้ายังฝ่าฝืน สำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นโจทก์ จะร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี จากนั้นเจ้าพนักงานฯ จะร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ อีกครั้ง" นายธงทอง กล่าว-รถไฟอีสานป่วน-หยุดวิ่ง 2 วันเมื่อเวลา 17.30 น. ที่สถานีรถไฟนครราชสีมา ได้มีประชาชนที่เตรียมจะขึ้นโดยสารรถไฟเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ออกมาโวยวายแสดงความไม่พอใจที่ทางนายสถานีประกาศให้ทราบว่า รถไฟทุกขบวนได้หยุดวิ่งทั้งหมดเป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 51-30 ส.ค. 51 ทั้งนี้รถไฟเที่ยวสุดท้ายที่รับส่งผู้โดยสารก่อนจะหยุดวิ่งคือ ขบวนรถเร็วที่ 140 วิ่งจากอุบลราชธานี ถึงปลายทางกรุงเทพฯ โดยออกจาก จ.อุบลราชธานี เวลา 19.30 น. (28 ส.ค. 51) ถึง จ.นครราชสีมา เวลา 00.51 น. (29 ส.ค. 51) เนื่องจากพนักงานขับรถป่วยไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขอให้ผู้โดยสารได้ช่วยเหลือตนเองด้วยการเดินทางด้วยวิธีอื่นก่อนในช่วง 2 วันนี้ นายสาธร สินปรุ ประธานสหภาพแรงงานรัฐ วิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขานครราช สีมา กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องหยุดวิ่งเพราะพนักงานขับรถรวมทั้งช่างซ่อมและพนักงานเดินรถเกือบ 100 คน แจ้งว่าลาป่วยเนื่องจากไม่สบายใจในการที่จะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนได้รายงานให้สหภาพฯส่วนกลางและฝ่ายจัดการเดินรถทราบแล้ว ซึ่งการลาจะใช้สิทธิ์ 2 วัน แต่ถ้าสภาพจิตใจไม่พร้อมปฏิบัติงานก็คงต้องลาต่ออีกเพราะหากฝืนทำหน้าที่ไปก็อาจจะเกิดอันตรายได้ เรื่องนี้ตนได้แจ้งให้ฝ่ายเดินรถทราบและให้แจ้งกับผู้โดยสารว่าพนักงานทั้งหมดป่วย ไม่มีรถวิ่งออกจากโคราชให้ผู้โดยสารไปใช้วิธีการเดินทางอย่างอื่นแทน รถที่มาจากอุบลฯ อุดรธานี และ หนองคาย คันสุดท้ายจะหมดภายใน 6 ทุ่มคืนวันที่ 28 ส.ค.นี้ ส่วนรถที่ออกจากกรุงเทพฯ มายังภาคอีสานจะเดินรถมาหรือไม่ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของสหภาพฯ ส่วนกลางที่จะตัดสินใจ -แฉร่วมมือพันธมิตรกดดัน"หมัก"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุของการประท้วงลาหยุดงานพร้อมกันของเจ้าหน้าที่การรถไฟฯครั้งนี้ เป็นมาตรการหนึ่งที่สหภาพฯ ร่วมกับพันธมิตรฯ ใช้กดดันรัฐบาลนายสมัครให้ลาออก โดยในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง สถานการณ์ของการรถไฟในปัจจุบัน โดยระบุว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ติดตามความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงกับการรถไฟแห่งประเทศไทย อาทิ โครงการแอร์พอร์ตลิงก์, ที่ดินรถไฟเขากระโดง, ความพยายามที่จะแก้ไข พ.ร.บ.การรถไฟฯ พ.ศ.2494 ซึ่งจะส่งผลต่อการยกเลิกบำเหน็จบำนาญของเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ การให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเดินรถ และการยกเลิกมติ ครม. เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 เรื่องการควบคุมอัตรากำลังของพนักงานการรถไฟ รวมทั้งนโยบายให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟรี 6 เดือนของรัฐบาล โดยรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับการรถไฟไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลอ้างว่าไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้รองรับ ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบต่อสถานะการเงินของการรถไฟฯ และอาจทำให้มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการด้านเงินเดือน ค่าจ้าง และสวัสดิการของพนักงานการรถไฟ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ของการรถไฟฯ ได้อยู่ในจุดที่วิกฤตที่สุดอีกครั้งหนึ่ง การที่จะนำพาการรถไฟฯ ให้รอดพ้นวิกฤตนี้ได้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากสมาชิกและพนักงานทุกท่านเพื่อประโยชน์ของการรถไฟและตัวท่านเอง-รถไฟประกาศงดสายอีสานแล้วนายถวิล สามนคร รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการร.ฟ.ท. ได้เดินทางไปราชการประเทศอินเดีย และมอบหมายให้ตนทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งผู้ว่าฯแทนจนถึงวันที่ 31 ส.ค. ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่า ขบวนรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือได้ทยอยหยุดเดินรถให้บริการผู้โดยสารและมีการคืนตั๋วโดยสารให้กับผู้โดยสารเต็มจำนวน ส่วนภาคอื่นๆ ตนยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการหยุดเดินรถ อย่างไรก็ตาม ร.ฟ.ท.ได้เตรียมแก้ไขปัญหาด้วยการสั่งการให้พนักงานขับสำรองเดินทางไปกับขบวนรถในสายต่างๆ ด้วย หากพนักงานขับลาหยุดกลางทาง ก็ให้พนักงานขับสำรองปฏิบัติหน้าที่แทนทันทีนายไพรัช โรจน์เจริญงาม ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์และการท่องเที่ยวการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากพนักงานขับรถไฟ ได้ลาหยุดงานโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงจำเป็นต้องงดเดินรถโดยสารในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือบางขบวน คือ ขบวนรถด่วนดีเซลราง 73 กรุงเทพฯ-ศรีขรภูมิ, ขบวนรถด่วนดีเซลราง 77 กรุงเทพฯ-หนองคาย, ขบวนรถเร็ว 143 กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ขบวนรถเร็ว 145 กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และขบวนรถท้องถิ่น 2 ขบวน คือ ขบวน 417 นครราชสีมา-อุดรธานี และขบวน 429 นครราชสีมา-บัวใหญ่ ส่วนสายเหนือ มีขบวนรถเร็ว 105 กรุงเทพฯ-ศิลาอาสน์ ขบวนรถเร็ว 107 กรุงเทพฯ-เด่นชัย นอกจากนี้ ยังงดเดินขบวนรถสินค้าน้ำมันดิบ ระหว่างบึงพระ-แม่น้ำ 5 ขบวน คือ 631, 632, 634, 636 และ 637 สำหรับการเดินรถในเส้นทางสายอื่นๆ ยังไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งหากมีปัญหาใดเกิดขึ้นแล้ว ทางศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ การรถไฟฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป-สั่งลดความรุนแรงของการ์ดเวลา 20.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล นายกิตติชัย ใสสะอาด รองสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทำหน้าที่ดูแลการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าชี้แจงถึงกรณีการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ กระทบกระทั่งกับผู้สื่อข่าวหลายครั้งว่า สั่งการให้การ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ หรือนักรบศรีวิชัยทุกคนปลอดอาวุธเพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ขอความร่วมมือสื่อมวลชนติดบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวทุกคน เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบง่าย ในส่วนการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ จะติดบัตรประจำตัวสีแดงและสีดำ ผูกผ้าพันคอที่พล.ต.จำลองเป็นผู้ออกให้ หลังจากนี้อาจพิจารณาลบคำว่า "นักรบ" ออก เหลือเพียง "ศรีวิชัย" เท่านั้น หากผู้ใดพบบุคคลที่แอบอ้างเป็นการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ไม่แต่งกายในลักษณะดังกล่าว ขอให้แจ้งบริเวณหลังเวทีปราศรัย เพื่อตรวจสอบต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปราศรัยบนเวทีได้ประ กาศให้ผู้ชุมนุมมองสื่อมวลชนทุกแขนงเหมือนพี่น้อง เพราะหากเอเอสทีวีถูกปิดตัวหรือตัดสัญญาณ จะได้มีสื่อแขนงอื่นทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทน -ขอศาลรธน.ตีความ-เปล่าดื้อแพ่งเมื่อเวลา 21.15 น. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสนช. กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า วันที่ 29 ส.ค. ตนจะนำคำวินิจฉัยของศาลแพ่งที่จะให้ผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบ ไปยื่นต่อศาลอุทธรณ์และร้องต่อศาลอุทธรณ์ให้นำคำวินิจฉัยของศาลแพ่ง ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความตามมาตรา 216 ดังนั้น ในระหว่างนี้คำวินิจฉัยของศาลแพ่งไม่สามารถใช้ได้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย นายประพันธ์กล่าวว่า ตนเป็นนักกฎหมายรู้กฎหมายเป็นอย่างดี การที่หนังสือพิมพ์ไปพาดหัวข่าวว่าพันธมิตรดื้อแพ่งเป็นสิ่งไม่ถูก เพราะคดีดังกล่าวยังมีขั้นตอนและกระบวนการอีกมาก เราไม่ได้หนี ไม่ได้กลัว แต่ต้องยอมรับว่าคำสั่งของศาลแพ่งถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะเป็นคดีแรก ไม่เคยมีคดีแบบนี้มาก่อน คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้เฉพาะแกนนำ ไม่ใช่มีไว้บังคับผู้ชุมนุม ดังนั้น การตั้งเจ้าหน้าที่บังคับคดีก็มาบังคับคดีได้แค่ 6 คน แต่ไม่สามารถจะเอาประชาชนออกจากทำเนียบได้ ไม่ทราบว่าคำสั่งศาลแพ่งจะบังคับกับประชาชนที่มาชุมนุมได้หรือไม่ กรมบังคับคดีไม่ใช่เจ้านายจะมาบังคับเราได้อย่างไร และคดีดังกล่าวเป็นคดีเกี่ยวกับการเมืองไม่ใช่เอกชนกับเอกชนที่จะมาบังคับกันได้ ตนต้องตอบโต้สื่อขอให้ไปเชิญอาจารย์ที่เป็นสื่อมวลชนทั้งหมดมาโต้กับตน จะเถียงให้หัวคว่ำไม่รู้จริงยังมาเขียนว่าเราดื้อแพ่ง

ม็อบมัฆวานฯยึดพื้นที่คืนแล้ว!

"รสนา" นำทีม 30 ส.ว.ขึ้นเวทีพันธมิตรฯที่ทำเนียบรัฐบาล โจมตีใช้ความรุนแรงสลายม็อบ ด้านม็อบมัฆวานฯ ได้เฮ! ฝ่าด่าน จนท.เข้ายึดเวทีปราศรัยคืนได้แล้ว
วันนี้ (29 ส.ค.) แผนการนำหมายประกาศศาลแพ่งที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนออกจากพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ของเจ้าพนักงานบังคับคดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายหลังการหารือร่วมกันสรุปจะนำประกาศไปติดทั้งหมด 5 จุด โดยจุดแรกคือที่ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยเมื่อเวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วม 1,000 นายพร้อมด้วยโลห์และกระบอง ได้ฝ่าแนวรั้วของกลุ่มพันธมิตรฯ จนกระทั่งสามารถเข้าไปยึดพื้นที่ได้สำเร็จ พร้อมทั้งได้ทำการรื้อถอนเต้นท์ และเวทีปราศรัยพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานฯ ทันที
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังพยายามฝ่าแนวกั้นของการ์ดพันธมิตรฯที่ประตู 5 ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีเหตุการปะทะกันขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้โล่ห์ประจำกายผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมจนสามารถเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบฯได้สำเร็จ พร้อมกับควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมได้บางส่วนที่พยายามขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ด้านประตู 7 ของทำเนียบฯ บริเวณสำนักเลขาฯ ข้างคลองตรงข้ามวัดโสมนัส ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในจุดนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ทั้งชายและหญิงประจำการอยู่ค่อนข้างเยอะ ในส่วนของกลุ่มผู้ชุมนุมเอง ได้มีการนำเศษกระเบื้องหลังคา และเก้าอี้มาขวางไว้ และจัดผู้ชุมนุมหญิง และผู้สูงอายุเป็นแนวกั้นขวางเจ้าหน้าที่ไว้ โดยในจุดนี้ไม่มีความตรึงเครียดใดๆ เห็นได้จากกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ส่งขนมและน้ำดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่สามารถฝ่าเข้าไปได้ จะเข้าไปสู่ตึกนารีสโมสร แต่ก็ยังไม่มีการฝ่าวงล้อมเข้าไปเนื่องจากผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นหญิงและคนชรา
ขณะที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งมีเวทีปราศรัยนั้น เหล่าแกนนำยังคงขึ้นกล่าวปลุกใจให้ผู้ชุมนุมปักหลักสู้ต่อไป
ส่วนสถานการณ์ที่แยกมิสกวัน เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่และรื้อเต็นท์ของผู้ชุมนุมแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้มีเหตุปะทะกันเล็กน้อย โดยจากการเข้าตรวจค้นพบไม้กอล์ฟและไม้ท่อนจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงชุมนุมอยู่นอกแนวรั้วที่เจ้าหน้าที่กั้นไว้.
เมื่อเวลา 12.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาประชิดประตู 7 ทำเนียบรัฐบาล บริเวณด้านหลังตึกนารีสโมสร กลุ่มพันธมิตรได้นำกุญแจมาคล้อง พร้อมทั้งได้มีการอ๊อกเชื่อมประตูติดกัน เพื่อป้องกันการฝ่าด่านเข้ามาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ มีรายงานว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ต่อไฟฟ้าจากแบ็ตเตอรี่ ไปยังประตูด้วย เพื่อไม่ให้ตำรวจเข้ามาจับ
ความคืบหน้าที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเวลา 14.00 น. น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว. กรุงเทพฯ พร้อมด้วยทีม ส.ว.จำนวน 30 คน เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งอยู่นอกแนวกั้นเวทีปราศรัย ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.รสนา ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาลกล่าวโจมตีการใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุม
จากนั้นเมื่อเวลา 14.30 น.ปรากฏว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่นอกแนวกั้นได้ฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยังพื้นที่เวทีปราศรัยสะพานมัฆวานฯ ได้แล้ว.



ที่มา:http://www.dailynews.co.th/

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

"จำลอง"อ้าง2พล.อ.เตือนสลายม็อบบ่าย3 "พัลลภ"ลั่น! ถ้า"จำลอง"ถูกจับ จะเคลื่อนไหวแทนทันทีตามสัญญาใจ

"จำลอง"อ้าง 2พล.อ.โทรศัพท์เตือนสลายม็อบบ่าย3 พันธมิตรเกณฑ์ผู้หญิง แจกผ้าชุบน้ำ-ซ้อมรับมือสลายชุมนุม "พัลลภ"ลั่นถ้า"จำลอง"ถูกจับ จะเคลื่อนไหวแทนทันที ชี้ถนัดเป็น"ฝ่ายรุก" แต่ยังไม่บอกยุทธศาสตร์ "สนธิ" อ้างรองราชเลขาฯระบุสมเด็จพระบรมฯไม่เสด็จฯทำเนียบฯ 30ส.ค. อัดโฆษกสตช.ใช้ไม่ได้ รู้แต่เรื่องน้ำมันเถื่อน ปัดข้อหากบฎ
"จำลอง"อ้าง 2พล.อ.โทรศัพท์เตือนสลายม็อบบ่าย3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า มีทหารยศพลเอก 2 คนโทรศัพท์มาหา และบอกว่าในเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ภายนอกเข้ามารวมตัวกันในทำเนียบฯ
"พัลลภ"ชี้ถนัดเป็น"ฝ่ายรุก" แต่ยังไม่บอกยุทธศาสตร์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 ส.ค. พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ถึงสถาการณ์การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตนมีแนวความคิดการดำเนินการแตกต่างจากแนวคิดของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เพราะพล.ต.จำลองจะถนัดวิธีอหิงสาและวิธีรับ ส่วนตนถนัดวิธีรุก ดังนั้น ตนจึงไม่ร่วมกับพันธมิตรฯ ตั้งแต่แรก
เมื่อถามว่า พล.อ.พัลลภตัดสินใจร่วมกับพันธมิตรฯ เพราะตอนนี้พันธมิตรฯ ใช้วิธีรุก เช่นการบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นเพราะพล.ต.จำลองถูกจับ จึงต้องทำตามสัญญาใจ เพราะเป็นเพื่อนรักกัน รบก็รบด้วยกัน แต่มีวิธีผิดกัน
"ผมชอบรุก จำลองมีความอดทนสูง แต่ผมอดทนสั้น การชุมนุมตั้งเกือบ 100 วัน ผมไม่เคยยุ่งกับเค้าเลย" พล.อ.พัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่ามองเกมส์การเมิองอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เรื่องอย่างนี้ก็ต้องยอมไปทางใดทางหนึ่ง เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอม ก็จบ แต่ถ้าไม่ยอมกัน ก็แตกหักไปเท่านั้น
เมื่อถามว่า สถานการณ์ตอนนี้จะซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 หรือไม่ พล.อ.พัลลภ ย้อนถามว่า "ผมขอถามข้อเดียวก่อนจะตอบคำถามนี้ ผมอยากถามว่าในโลกนี้มีประเทศไหนที่มีประชาธิปไตยจากการร้องขอบ้าง ผมบอกหรือไม่ว่าจะทำรัฐประหาร ผมไม่พูด แต่คุณพูดเอง ผมคิดว่าการที่พันธมิตรฯ ออกมา เพราะต้องการทำการเมืองให้เข้มแข็ง"
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ยังไม่ขอบอกยุทธศาตร์ต่อไป เพราะเมื่อถึงวันนั้นก็จะทราบเอง แต่ขอยืนยันว่า ตนจะออกมาแน่นอนเมื่อพล.ต.จำลองถูกจับ
เมื่อถามว่า ข่างวกรองระบุมาโดยตลอดว่าอยู่เบื้องหลังพันธมิตรฯ มาตลอด เหตุใดจึงออกมาเปิดเผยตัวตอนนี้ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ได้เคยอยู่เบื้องหลังพันธมิตรจริงๆ ส่วนอนาคตของประเทศไทยนั้น คงบอกไม่ได้เช่นกัน
พันธมิตรเกณฑ์ผู้หญิง แจกผ้าชุบน้ำ-ซ้อมรับมือสลายชุมนุม

เมื่อเวลา 13.29 น. วันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เกณฑ์อาสาสมัครหญิงประมาณ 500 คน มานั่งเรียงเป็นกำแพงขวางประตู 4 ทั้งด้านนอกและใน เนื่องจากมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำหมายจับเข้าจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คน นอกจากนี้ ยังได้แจกผ้าชุบน้ำและผ้าปิดปากแก่อาสาสมัครดังกล่าวเพื่อป้องกันแก๊สน้ำตาด้วย รวมทั้งมีการยังซักซ้อมความพร้อม เพื่อรับมือสถานการณ์สลายการชุมนุมและการจับกุมแกนนำ เพื่อกระตุ้นให้การ์ดอาสาตื่นตัวและสร้างความมั่นใจว่า จะสามารถขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เข้ามาในทำเนียบฯได้
ด้านบรรยากาศด้านนอกทำเนียบฯ นั้น พบว่าพันธมิตรฯ ได้รื้อรั้วลวดหนามที่ปิดกั้นถนนพิษณุโลกฝั่งมหาวิทยาลัยราชมงคลพระนคร ตั้งแต่แยกนางเลิ้งถึงแยกพาณิชยการออก เพื่อเปิดให้รถยนต์แล่นผ่านถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐแล้วเลี้ยวขวาไปยังถนนพระราม 5 ขณะเดียวกันมีรถโดยสารสาธารณะของขสมก.จอดเรียงรายอยู่ริมถนนพิษณุโลกตลอดแนวฝั่งโรงเรียนราชวินิตมัธยม เพื่อรอรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางกลับ แต่ปรากฏว่ายังไม่มีผู้ชุมนุมคนใดมาใช้บริการ
"พัลลภ"ลั่นถ้า"จำลอง"ถูกจับ จะเคลื่อนไหวแทนทันที
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ว่า ตนมีสัญญาใจ กับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะเพื่อนรักที่เคยร่วมต่อสู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา 2 ประเด็น คือ 1.หากวันไหนพล.ต.จำลองถูกจับกุม ตนจะเข้าไปทำหน้าที่แทน และ 2.หากต้องการรบวิถีรุก ตนจะเข้าร่วมเช่น เหมือนกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่ พล.ต.จำลองถูกจับและตนก็ต้องออกมาร่วมดำเนินการด้วย ซึ่งขณะนี้ พล.ต.จำลอง ก็ถูกออกหมายจับแล้ว
พล.อ.พัลลภ กล่าวต่อว่า เมื่อพล.ต.จำลองถูกจับกุมตัวไป จะเห็นตนเองอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน ส่วนจะต่อสู้เคลื่อนไหวในรูปแบบใดนั้น ไม่สามารถบอกได้ เมื่อถึงวันเวลาดังกล่าว ทุกคนจะได้รู้เอง
ม็อบบ่นอุบ! พันธมิตรเปิดรับคนเข้าแต่ไม่ยอมให้ออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 28 สิงหาคม หลังจากที่ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร ประกาศให้มีการปิดประตูทำเนียบทุกประตู เพราะเกรงว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเข้ามาสลายการชุมนุม ในเวลา 12.00 น. ปรากฎว่า ยังคงมีการเปิดประตูบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทะยอยเข้ามา แต่ไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินทางออกจากพื้นที่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร ต่างพากันบ่นว่าไม่สามารถเดินทางออกไปภายนอกหรือกลับบ้านได้ นอกจากนี้ที่บริเวณภายนอกประตู 4 ฝั่งตรงข้ามป.ป.ช. ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นผู้หญิงประมาณ 200 คน ซักซ้อมเตรียมการหากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามี โดยมีการเตรียมลุกขึ้น และป้องกันประตู และให้กลุ่มผู้ชุมนุมหญิงเป็นทัพหน้า ซึ่งในบริเวณอื่นๆที่มีแผงกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มพันธมิตร ก็จะเป็นการจัดกำลังในลักษณะเดียวกัน แต่จะมี การ์ดพันธมิตรถือไม้กอล์ฟ และท่อเหล็กยืนคุมอยู่ตามจุดต่างๆ ตามแผงรั้วกั้น อีกทั้งยังมีการเคลื่อนย้ายโล่จากสะพานมัฆวาล เข้ามาในทำเนียบแล้ว นอกจากนี้นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตร ได้เดินตรวจแนวป้องกันตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณประตูที่สุ่มเสียงต่อการบุกเข้าจู่โจม
พันธมิตรสงขลาขู่! พร้อมยกพลปิดสนามบินหาดใหญ่
เมื่อเวลา 12.07 น. วันที่ 28 ส.ค. นายเอกชัย อิสระทัศน์ ผู้ประสานงานพันธมิตรสงขลาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา กล่าวว่า พันธมิตรฯ จ.สงขลา และองค์กรเครือข่ายยังเฝ้าติดตามสถานการณ์การชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินมาตราการขั้นเด็ดขาดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งคือการยกขบวนไปปิดสนามบินหาดใหญ่ตามที่ได้ประกาศไว้ และอยากเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะตำรวจตระเวณชายแดน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เข้าถึงมวลชนมากที่สุด ให้ถอนตัวออกจากการเข้าร่วมปฏิบัติการกับภาครัฐในการจัดการกับผู้ชุมนุม
"จำลอง"ประกาศบนเวที"พัลลภ"อาสาเป็นตัวแทนให้
เมื่อ 11.00 น. วันที่ 28 ส.ค. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีกล่าวเตือนผู้ชุมนุมว่า ได้รับทราบข่าวมาว่า เที่ยงวันนี้ ตำรวจได้รับคำสั่งให้เข้าสลายการชุมนุม ขอให้พี่น้องอย่าตกใจ ทั้งนี้มีตำรวจหญิงที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นสายส่งข่าว ให้นายตำรวจใหญ่อีก 2-3 คน ที่อยู่ในทำเนียบรับทราบ และคอยรับรายงานออกไปให้นายตำรวจที่อยู่ข้างนอกรับทราบ เพราะเวลานี้เขาเห็นว่าพวกเราอยู่ไม่เยอะ นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ได้ขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่นอกรั้วหน้าทำเนียบ และบริเวณชมัยมรุเชฐ รีบเข้ามาภายในทำเนียบก่อนที่จะปิดประตูอีก 20 นาที ไม่เช่นนั้นจะลำบากหากมีคนน้อย ถ้ามีมากก็สลายยาก ถ้าเขาจับพวกแกนนำ 5 คน ไม่ต้องทำอะไรให้ยึดพื้นที่ไว้ให้นานถึงที่สุด และถ้าจับไปด้วยสลายไปด้วยถ้าอย่างนั้นแพ้เลยถ้าคนน้อย โดยแผนของตำรวจจะใช้บันไดปีนเข้ามาข้างคลองแล้วโอบมาข้างหลัง ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า มีโทรศัพท์จากพล.อ.คนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักรบตัวจริง โทรมาว่า ถ้าตนถูกจับจะมาแทนตนทันที คนนั้น คือ "พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี" ดังนั้นพี่น้องไม่ต้องกลัว
"สนธิลิ้ม"ย้อนโฆษกสตช.รู้แต่เรื่องจับน้ำมันเถื่อน
เวลา 10.00 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลเตรียมใช้คำสั่งของศาลแพ่งผลักดันผู้ชุมนุมออกนอกทำเนียบรัฐบาลว่า เราสามารถสร้างอารยะขัดขืนในศาลได้เช่นกัน ฉะนั้นแกนนำต้องอดทน หากศาลให้จำคุก แกนนำก็ต้องยอมถูกจำคุก เนลสัน แมนเดลลา อดีตประธานาธิบดีแห่งแอฟริกาใต้ ถูกจำคุกตั้ง 20 กว่าปี เพราะต่อต้านนโยบายเหยียดสีผิวของแอฟริกา เรื่องนี้แกนนำ 5 คนได้มีการหารือกันเรียบร้อยแล้วว่า เราต้องอารยะขัดขืน

เรื่องนี้
นายสนธิ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกมาถามหาภาวะผู้นำของแกนนำพันธมิตร กรณีที่ใช้ประชาชนมาเป็นโล่กำบัง ว่า พวกตนมีภาวะผู้นำมากกว่าเขาเยอะ ที่เขาความเท็จมาฟ้อง โดยเฉพาะมาตรา 113 ที่ระบุว่า ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ถามว่าตนเคยเอาประชาชนไปเผาที่ไหนไหม คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญคือพรรคพลังประชาชน นอกจากนี้ ตนยังไม่เคยคิดล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ หรือบริหาร เพราะยังเห็นยกมือกันในสภาอยู่ และยังสั่งการให้ตำรวจมาสลายเราได้ โยกย้ายนายทหารได้ ส่วนอำนาจตุลาการก็แทรกแซงไม่ได้อยู่แล้ว
ส่วนที่ระบุในข้อหา 113 เรื่องการแบ่งแยกดินแดน พวกตนไม่ได้ทำ แต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่ทำ เพราะยกอธิปไตยเขาพระวิหารให้กับเขมร ฉะนั้นรัฐบาลสมัครจึงเป็นกบฏ ไม่ใช่พวกตน
"ช่วยไปเรียน พล.ต.ต.สุรพลด้วยว่า ให้มีความรู้มากกว่านี้หน่อย แล้วค่อยมาพูด อดีตท่านเป็นผู้การตำรวจน้ำ รู้แต่เรื่องการจับน้ำมันเถื่อน เรื่องอื่นท่านไม่รู้หรอก หากลำบากนักพยายามพูดให้น้อยหน่อย อย่าพูดมาก ธรรมดาตำรวจก็ใช้ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งมีโฆษกตำรวจเช่นนี้ ยิ่งใช้ไม่ได้" นายสนธิ กล่าวพร้อมปฏิเสธว่า แกนนำไม่ได้ใช่ประชาชนเป็นโล่ พวกเขาสมัครใจมาเอง ทั้งที่จะกลับเมื่อไรก็กลับได้ แต่เขาไม่กลับ
"สนธิ"อ้างรองราชเลขาฯระบุสมเด็จพระบรมฯไม่ทรงใช้ทำเนียบฯ30ส.ค.
เมื่อเวลา 10.20 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า อยากให้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกกับกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ออกจากทำเนียบฯ เนื่องจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จมาใช้พื้นที่ทำเนียบฯ ในวันที่ 30 ส.ค. โดยตนอยากให้พล.ต.อ.โกวิท ตรวจสอบใหม่ เพราะพล.อ.อ.สถิตพงษ์ สุขวิมล ราชเลขาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ยืนยันว่าสมเด็จพระบรมฯ จะไม่ใช้ทำเนียบฯ ในวันที่ 30 ส.ค.
"อย่าหาว่าสนธิ ลิ้มทองกุล ขอเพิ่มเติมอีก 1-2 วัน เราอยู่ถึงวันอาทิตย์ ชนะเด็ดขาดแน่นอน เรียกคนมาให้เยอะ มาให้มากๆ มาตั้งแต่วันนี้ เย็นนี้ มาให้มันล้นไปหมด แล้วอยู่ถึงวันอาทิตย์ชนะแน่นอน" นายสนธิกล่าว
"จำลอง"ย้ำชุมนุมทำเนียบฯ จะอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งวันนี้
เมื่อเวลา 10.57 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พันธมิตรฯ จะยังปักหลักชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลต่อไป ส่วนกรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้น พันธมิตรฯ ได้มอบหมายให้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของพันธมิตรฯ ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ส่วนกรณีหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ และพวกรวม 9 คนนั้น ตนพร้อมให้ตำรวจเข้ามาดำเนินการจับกุมในที่ชุมนุม
"เรายังยืนยันที่จะชุมนุม ไม่ไปที่อื่น เพราะเมื่อเราเขยิบมาชุมนุมที่นี่ ได้ผลขึ้นขณะนี้เราพร้อมให้จับ เราไม่ได้หนี เรื่องศาลแพ่ง เราส่งทนายไปดำเนินการ" พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงชุมนุมที่ทำเนียบต่อไป โดยมีจุดมุ่งหมายเดิมคือรัฐบาลต้องลาออกและไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550
ด้านนายสุวัตร กล่าวว่า พันธมิตรฯ จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้ผู้ชุมนุมย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อทุเลาการบังคับคดีต่อศาลแพ่งในบ่ายวันนี้
"ขณะนี้ทนายกำลังเร่งเขียนคำร้องอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อจะรีบยื่นต่อศาลแพ่งโดยคาดว่าจะยื่นในช่วงบ่าย 3 ถึง 4 โมง" นายสุวัตร กล่าว
การ์ดม็อบแตกตื่นคิดว่าตร."บุกประชิด" ที่แท้แค่รับอาหาร
เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความเรียบร้อยภายในทำเนียบฯ ว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงเวลา 10.00 น. ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบ เพื่อสลายการชุมนุม แต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ได้เข้าไปพักผ่อนภายในตึกสันติไมตรี เพื่อรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตามในช่วงเวลา 09.00 น. ได้มีคนมาส่งอาหารให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณประตู 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมหญิงประมาณ 100 คน นั่งปักหลักอยู่ด้านนอกประตู เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุกเข้ามา และบริเวณประตูยังมีการล็อคกุญแจ ล่ามโซ่ไว้อย่างแน่นหนา จึงต้องส่งข้าวกล่องข้ามผ่านประตูรั้วมาด้านใน และผ่านไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีการเรียกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับอาหาร แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินมาประชิดรั้วแผงกันด้านหลังตึกสันติไมตรี เพื่อรอรับอาหาร ทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าใจผิดว่ามีการบุกเข้าประชิด และได้มีการเรียกกำลังเสริม แต่ทางผู้ชุมนุมที่เตรียมส่งอาหารได้อธิบายให้เข้าใจว่าเป็นเพียงการส่งอาหารเท่านั้น โดยใช้เวลาเจรจานานกว่า 30 นาที กลุ่มการ์ดพันธมิตรจึงถอยออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การ์ดพันธมิตรได้เชิญนักข่าวทั้งหมดออกจากบริเวณประตู 4 ด้านหน้าธนาคารออมสิน โดยระบุว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนสั่งให้ขอความร่วมมือ และจากนั้นได้มีการสั่งห้ามผู้สื่อข่าวเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด และพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่ใกล้บริเวณที่ใกล้กับแผงรั้วกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันการแฝงตัวเข้ามาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จาการตรวจสอบบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลพบว่า ที่บริเวณประตูทำเนียบรัฐบาลที่ 7เลียบคลองผดุงกรุงเกษม พบว่า รถดับเพลิงและรถบรรทุกผู้ต้องขังรวม 4 คัน บริเวณล้อหน้าของทั้ง 4 คันได้ถูกปล่อยล้มยางและไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
นักข่าว"เอ็นบีที"ไม่ยอมแจ้งที่อยู่ หวั่นไม่ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายการ"ข่าวต้นชั่วโมง" เวลา 09.00 น. ของสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่าการถ่ายทอดสดการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการรายงานสดโทรศัพท์ ผู้สื่อข่าวในสนามจะไม่เปิดเผยสถานที่อยู่ชัดเจน แต่บอกเพียงว่าอยู่บริเวณโดยรอบทำเนียบฯ เท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าอาจไม่ปลอดภัย หลังจากนักข่าวและรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเคยถูกผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ปิดล้อม
"จำลอง" วอนผู้ชุมนุมอย่าเพิ่งกลับอ้างตร.เตรียมบุก
เมื่อเวลา 08.40 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศชัยชนะที่สามารถชุมนุมข้ามคืนได้อย่างปลอดภัย พร้อมวอนกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เดินทางกลับบ้าน เนื่องจาก มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้าควบคุมตัวแกนนำ ในเวลาประมาณ 09.00 น. พร้อมยืนยันแกนนำทั้ง 9 คน ที่ถูกออกหมายจับ จะไม่คิดหนีและเชื่อว่า หากแกนนำถูกจับจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าร่วมมาก แต่หากเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแกนนำได้ ก็ไม่อยากให้ประชาชนติดตามไป เนื่องจากผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลจะน้อยลง ทำให้พ่ายแพ้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ที่ถูกตัดเป็นบางเครือข่ายจนไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ โดยเฉพาะในพื้นที่การชุมนุม ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. ที่ผ่านมา ล่าสุด สามารถใช้การได้แล้ว
เข้าวันที่ 3 ทำเนียบเริ่มเละ กลิ่น"ฉี่-ขยะ"คลุ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 08.20 น. ว่า บรรยากาศการชุมนุมวันที่ 3 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายในทำเนียบรัฐบาล ผู้ชุมนุมยังรวมตัวกันอยู่ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าอย่างหนาแน่น โดยในเวลา 7.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อบัญชาการการขนย้ายเต๊นท์ที่ตั้งอยู่โดยรอบ ให้กลับมาวางไว้ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าตามเดิม เนื่องจากตลอดคืนที่ผ่านมาผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ตากฝนมาทั้งคืน หากต้องชุมนุมตากแดดอีก เกรงว่าอาจไม่สบายได้ จากนั้นเวลา 7.30 น. ผู้ปราศรัยบนเวทีได้ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันเก็บกวาดขยะและปรับปรุงสถานที่
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพในทำเนียบรัฐบาลมีขยะกองท่วมหัวหลายจุด ทั้งนอกรั้ว หน้าตึกบัญชาการและหน้าตึกสันติไมตรี ขณะที่บนพื้นเต็มไปด้วยโคลนเลน นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเหม็นของน้ำเน่าและกลิ่นปัสสาวะคละคลุ้งไปทั่ว หลังจากฝนตกหนักกลางดึกที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ ได้ปิดตายประตูทางเข้าออกทุกจุด ยกเว้นประตูฝั่งสะพานชมัยมรุเชฐ โดยมีการนำรั้วเหล็กมากั้นหลายชั้น เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามารวบตัวแกนนำทั้ง 9 คนตามหมายจับ โดยเฉพาะทางประตู 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงานป.ป.ช. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สลับเปลี่ยนกำลัง ได้มีการนำโซ่มาคล้องรอบประตู และนำยางรถยนต์มากั้นไว้ ทั้งนี้แกนนำทั้ง 9 ต่างแยกย้ายกันพักผ่อนอยู่ภายในทำเนียบฯ
แกนนำถกเครียดหลังศาลสั่งให้ถอนออกจากทำเนียบ
ตามที่พนักสอบสวน สน.สุทธิสาร พร้อมคณะยื่นคำร้องศาลอาญา ขออนุมัติออกหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร นายอมร อมรรัตนานนท์ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตร ผู้ต้องหาที่ 1-9 ในความผิดฐานเป็นกบฏ สะสมกำลังพลหรืออาวุธ มั่วสุมกันให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กระทั่งศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามคำขอ

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเวลา 23.40 น. หลังจากที่ทราบคำสั่งศาลแพ่งออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กลุ่มพันธมิตรย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาลทันทีนั้น แกนนำที่นั่งอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าในวงล้อม ของผู้ร่วมชุมนุมกว่า 6 ชั้นนั้น ก็มีปฏิกิริยาต่อคำสั่งศาล โดยนั่งหารือกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่บรรดาผู้ร่วมชุมนุมก็หนาแน่นทั้งภายในและบริเวณถนนเลียบคลองเปรมประชา หน้าทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม บนเวทีปราศรัยมีการปราศรัยสลับกับการแสดงดนตรีของวงต่างๆอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้พิธีกรบนเวทีประกาศตั้งกำแพงมนุษย์และนำแผงเหล็กมากั้น ใช้โซ่ตรวนปิดประตูทำเนียบฯ ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าถึงตัวแกนนำพันธมิตรได้ไม่ยอมถอย ให้ทุกคนปักหลักสู้เต็มที่
ตั้งกำแพงมนุษย์ล้อม"สนธิ-จำลอง"
เมื่อเวลา 16.00น.แกนนำพันธมติทราบว่าศาลได้อนุมัติออกหมายจับ 9 แกนนำแน่นอนแล้ว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นปราศรัยทันทีท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก นายสนธิกล่าวว่า "จะยอมให้จับ และจะไม่หนีไปไหน แต่ขอให้ประชาชนยึดทำเนียบรัฐบาลไว้ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขณะนี้รัฐบาลชั่วช้า กำลังจะฆ่าตัวเองแล้ว เราจะสู้ไม่ถอย จนกว่ารัฐบาลจะออกไป"
ทั้งนี้ หลังการปราศรัย นายสนธิและ พล.ต.จำลองลงจากเวทีไปที่เต๊นท์กลางสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายสนธิได้ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่กางเกงในเพียงตัวเดียว จากนั้นนำเสื้อสีเหลืองที่มีข้อความว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง" มาสวมใส่พร้อมกับกางเกงขาสั้น และสวมเสื้อกันฝนทับอีกชั้น จากนั้นทั้งสองคนได้นั่งลงท่ามกลางฝูงชน โดยมีประชาชนคล้องแขนตั้งเป็นเหมือนกำแพงมนุษย์ล้อมเอาไว้หลายชั้นเพื่อป้องกันความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุม แม้จะทราบว่าศาลออกหมายจับแกนนำทั้ง 5 แล้ว แต่ปรากฏว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงร้องรำทำเพลง พร้อมตะโกนท้าทายให้ตำรวจนำหมายจับมาจับแกนนำทั้ง 5 คน แกนนำตั้ง 3 ตัวแทนสู้ต่อหากถูกจับ
ผู้สื่อข่าวรายว่า อย่างไรก็ตามก่อนที่ศาลอาญาจะออกหมายจับแกนนำพันธมิตรและแนวร่วม 9 คน นั้นพล.ต.จำลองกล่าวบนเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. ว่า วันนี้มีการจับ 5 แกนนำแน่ แต่พวกเราต้องทำงานต่อไป ต้องสู้ต่อไป ทั้งนี้แกนนำเราได้ประชุมกันแล้ว ถ้าแกนนำถูกจับอย่าตกใจ เพราะเราได้ตั้ง 3 ตัวแทนขึ้นมาแทนแกนนำทั้ง 5 คน โดยให้ฟังคำสั่งของนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และนายสำราญ รอดเพชร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถ้า 3 คนนี้ถูกจับอีกเราก็จะมีตัวแทนขึ้นมาอีก
"ผมขอให้พี่น้องประชาชนใจเย็นๆ ไม่ว่าจะมีข่าวตำรวจเคลื่อนไปไหน เราก็จะอยู่ในนี้ ขออย่าได้ท้อถอย ตอนนี้อย่าหวังพึ่งใครนอกจากพึ่งประชาชนด้วยกัน ตำรวจจะมากี่คนไม่สนใจ จับแกนนำ 5 คน จับได้จับไป แล้วประชาชนจะออกมาเป็นหมื่นเป็นแสน ให้มันรู้ไป โทรทัศน์ช่องอื่นออกอากาศโจมตีเราอย่างกับผู้ร้าย อย่าไปสนใจช่างหัวมัน ผมเคยถูกจับติดคุกมาแล้ว ทั้งคุกตำรวจ และคุกทหาร ถ้าจะติดอีกซักทีจะเป็นไรไป ตำรวจมาจับผมเลย เรื่องไม่ต้องห่วงเรื่องเล็กมาก ผมชุมนุมมาแล้วตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ขอให้พี่น้องใจเย็นๆ" พล.ต.จำลองกล่าว
ขณะที่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประกาศบนเวทีว่า แกนนำทั้ง 5 คน จะไม่ไปมอบตัวตำรวจ ให้มาจับที่ทำเนียบ จะสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
ลั่นไม่ยื่นประกัน-ไม่เอาปชช.เป็นโล่
พล.ต.จำลอง ยังแจ้งถึงความคืบหน้ายอดบริจาคเงินจากประชาชนทั่วประเทศ ผ่านทาง ตู้ปณ.100 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและเป็นค่าจ้างพนักงานเอเอสทีวี ว่า หลังจากเปิดรับบริจาคมา 6 วัน มียอดเงินบริจาค 6,600,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีทองคำแท่งหนัก 80 บาท คิดเป็นมูลค่าล้านบาทเศษ ทั้งนี้ ได้ลงนามในหนังสือมอบอำนาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากจะไม่ได้อยู่ในเวทีนี้อีก ซึ่งแกนนำทั้งหมดได้หารือกันแล้วจะรอให้มาจับกุมจะไม่เดินทางไปศาลและจะไม่ยื่นขอประกันตัวด้วย จะไม่ขัดขืน และจะไม่เอาประชาชนมาเป็นโล่ป้องกันอย่างแน่นอน แม้จะถูกจับแต่ก็จะไม่เลิกชุมนุมและจะไม่ถอยไปไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบและผู้ชุมนุมไม่ยอมจะขัดคำสั่งศาลหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า หากมีการจับกุมแกนนำรุ่น 1 ไปแล้ว ก็ถือว่าไม่มีการดำเนินการตามศาลแล้ว ส่วนผู้ชุมนุมจำเป็นต้องออกจากทำเนียบหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแกนนำรุ่นต่อไป แต่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการจับกุมประชาชนที่มาชุมนุมได้ เพราะจะจับได้ก็แต่แกนนำเท่านั้น เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงแบบนี้ต้องการให้ทหารออกมาปฏิวัติใช่หรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า "ไม่ออกมาหรอก ถ้าจะออกมาออกมาตั้งนานแล้ว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.ต.จำลองลงมาแถลงข่าว ไม่ได้กลับขึ้นไปบนเวที แต่เดินมานั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันเมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ที่ พล.ต.จำลอง ถูกจับขณะที่อยู่รายล้อมด้วยมวลชน ทั้งนี้ สอดคล้องกับการที่ พล.ต.จำลองได้ให้สัมภาษณ์ว่ายินดีจะให้ตำรวจมาจับโดยไม่หนีไปไหน
เผย ′ผบ.ตร.′ สั่งขอจับ 9 แกนนำ
พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า พนักงานสอบสวนเตรียมการเรื่องขอหมายจับแกนนำและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 7-8 คน ต่อศาลตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงเรื่องความพยายามล้มล้างรัฐบาล และการชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตาม ป.อาญา มาตรา 113, 114, 215 และ 216 วันนี้คงเร่งรัดดำเนินการขออนุมัติหมายจับ เพราะ ผบ.ตร.เร่งรัดให้เสร็จภายในวันนี้ อาจจะมีการไต่สวนพยานหลายปาก ส่วนกลุ่มนักรบศรีวิชัย 85 คน ที่บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ตำรวจฝากขังไปตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 26 สิงหาคมแล้ว
สำหรับวันนี้จะใช้มาตรการทางกฎหมายเป็นตัวนำดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม และจะใช้มาตรการต่างๆให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล การบุกรุกเข้าไปในทำเนียบตั้งเวทีปราศรัยขับไล่รัฐบาล ไม่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญให้สิทธิใดๆ ไว้เลย การปฏิบัติของแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคนผิดกฎหมาย ดำเนินคดีได้เหมือนกลุ่มที่บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที การพยายามผลักดันผู้ชุมนุมจะดำเนินทุกวีถีทางไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม′ รองโฆษก ตร.กล่าว
ศาลไต่สวนอนุมัติ4ข้อหา-ฐานกบฏ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.00 น. ที่ศาลอาญารัชดาภิเษก พ.ต.ท.มานะ เผาะช่วย พนักสอบสวน สน.สุทธิสาร พร้อมคณะ ได้ยื่นคำร้องขออนุมัติออกหมายจับนายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร นายอมร อมรรัตนานนท์ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตร ผู้ต้องหาที่ 1-9 ฐานใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113, สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ตามมาตรา 114, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 215 และ 216
เวลา 10.30 น. นายณรัช อิ่มศรีสุข เลขานุการศาลอาญา และนายสุรจิตร ศรีบุญมา องค์คณะผู้พิพากษา เรียกพนักงานสอบสวนเข้าไต่สวนที่ห้องพิจารณา 714 ถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 9 คน พร้อมหลักฐานวีซีดี จากนั้นนัดให้รอฟังคำสั่งภายในวันเดียวกัน
กระทั่งเวลา 16.00 น. ศาลมีคำสั่งว่าพิเคราะห์พฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 9 ตามที่พยานผู้ร้องได้ให้การประกอบหลักฐานวีซีดีที่นำส่งแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานพอสมควรให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 น่าจะกระทำการอันเป็นความผิดอาญาตามคำร้อง จึงอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ตามคำขอ
ด้าน พ.ต.ท.มานะกล่าวว่า ศาลเห็นด้วยกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนนำเสนอ และมีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับทั้ง 4 ข้อหา จากนี้จะดำเนินการตามหมาย การขอหมายจับได้รวบรวมเอกสารมานาน ไม่ใช่นำเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมมาเท่านั้น ส่วนจะขอหมายจับเพิ่มอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เบื้องต้นจะไปที่ บช.น.เพื่อไปรายงาน และรอฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร