วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

พันธมิตรฯ เคลื่อนพลประกาศแสนยานุภาพไปทั่วถนนราชดำเนิน

ย้ำเจตนารมณ์คัดค้านแก้รัฐธรรมนูญฟอกมาร พร้อมลั่นสัจจะวาจาต่อหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รัฐบาลหุ่นเชิดฟอกมารยื่นแก้รธน.เมื่อไหร่ เป่านกหวีดระดมพลต้านภายใน7วัน

วันนี้( 2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สะพานมัฆวานรังสรรค์ ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ยังคงทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน โดยทีมนักรบศรีวิชัยและการ์ดอาสา ซึ่งเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยกำลังหลักของพันธมิตรฯ ได้เร่งเตรียมความพร้อมเพื่ออารักขาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า การเคลื่อนขบวนของพี่น้องพันธมิตรฯ วันนี้ จะเคลื่อนไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและไปที่ด้านหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้วย เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองบ้านเมืองและพี่น้องที่รักชาติ ปลอดภัยระหว่างการต่อสู้กับทรราช จนกว่าคนพวกนี้จะออกไป เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการก็จะกลับมาชุมนุมต่อที่สะพานมัฆวานฯ เหมือนเดิม ทั้งนี้ พันธมิตรฯ มีกำหนดการเคลื่อนพลจากสะพานมัฆวานฯ ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อย้ำเจตนารมณ์ในการปกป้องชาติ อธิปไตย และต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะเป็นการแสดงพลังของผู้รักชาติ เพื่อให้สื่อ และรัฐบาลเห็นว่าประชาชนไม่ต้องการรัฐบาลนี้อีกต่อไป สำหรับแผนการเคลื่อนขบวนเบื้องต้นนั้น มีรายงานว่า พันธมิตรฯ ได้เตรียมจัดขบวนเป็นหลายๆทัพ พร้อมเพิ่มกำลังหน่วยรักษาความปลอดภัยอีกหลายพันคน โดยมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ นำขบวนเดินเท้าออกไปยังอนุสาวีย์ประชาธิปไตย ขณะที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ จะอยู่เป็นหลักที่สะพานมัฆวานฯ เพื่อดูแลความเรียบร้อยสำหรับประชาชนบางส่วนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถร่วมเดินเท้าไปกับขบวนได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ รัฐบาลพรรคพลังประชาชน ได้ประกาศท่าทียื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 1ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ได้มีการเลื่อนกะทันหันไปเป็นวันที่ 18 ส.ค.51 ขณะที่กลุ่มนปก. ก็ได้มีการประกาศชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงในวันที่ 1-2ส.ค.นี้ แต่ก็ได้มีการยกเลิกไปในที่สุดเช่นกัน




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เคลื่อนตัวออกจากสะพานมัฆวานรังสรรค์แล้ว โดยเมื่อเวลา 10.00น. หัวขบวนที่นำโดยแกนนำพันธมิตรฯ ได้ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว และขณะนี้ทีมรักษาความปลอดภัยได้เร่งเคลียร์พื้นที่การจราจรเพื่อให้ขบวนพี่น้องประชาชนได้โอบล้อมรอบอนุสาวีย์ฯได้ มีรายงานว่าจนถึงขณะนี้ คลื่นประชาชนที่มาร่วมเดินขบวนมีมหาศาลมาก โดยท้ายขบวนยังเคลื่อนตัวไม่พ้นสะพานมัฆวานฯเลย ขณะที่รถบรรทุกอีกคันหนึ่ง มีตั้ว ศรัญญู วงศ์กระจ่าง, วงซูซู, สุกัญญา มิเกล ร่วมขบวนมาด้วย พร้อมๆกับเล่นดนตรีมาตลอดการเดินเท้า เพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ร่วมเดินขบวนมา อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา10.30น. แกนนำพันธมิตรฯ และทีมการ์ดอาสา ได้จัดขบวนโอบล้อมรอบอนุสาวรีย์ฯเสร็จ พร้อมกับตั้งเวทีชั่วคราว โดยมีแกนนำพันธมิตรฯ ขึ้นเวทีหมุนเวียนกันปราศรัย จากนั้นเมื่อเวลา 10.50น. นายสมศักดิ์ ได้อ่านคำประกาศพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง ยืนหยัดพิทักษ์การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อเวลา 11.18น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ได้นำประชาชนหน้าเข้าหาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมลั่นสัจวาจาพร้อมกันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 พันธมิตรฯจะเป่านกหวีดทันทีภายใน 7วัน ภายหลังลั่นสัจจะวาจาพันธมิตรฯ ได้เคลื่อนขบวนต่อไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อเวลา 12.00น. หัวขบวนพันธมิตรฯ ที่ทำหน้าโดยการ์ดอาสา นักรบศรีวิชัย และรถบรรทุกเครื่องเสียงของแกนนำฯ ได้มาถึงข้างสนามหลวง ใกล้กับศาลหลักเมืองแล้ว เมื่อเวลา 12.27น. นายสุริยะใส เป็นตัวแทนนำพี่น้องพันธมิตรฯ ยืนสงบนิ่งหันหน้าไปทางวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพราะถวายพระสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จากนั้นได้นำกล่าวอธิษฐาน และถวายสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระสยามเทวาธิราช พระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อหอกลอง และดวงพระวิญญาณอดีตสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย





วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

อภิสิทธิ์ จี้รัฐบาลหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุปะทะกันที่ จ.อุดรธานี

พรรคประชาธิปัตย์ 25 ก.ค. – “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จี้รัฐบาลดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดในการปะทะกันที่ จ.อุดรธานี พร้อมหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุปะทะกันดังกล่าวมาลงโทษ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่มีการปะทะและทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ จ.อุดรธานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรจะเกิดขึ้นและเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ซึ่งคงต้องย้ำว่าการใช้สิทธิเสรีภาพของทุกฝ่ายต้องอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าใครจะมีเหตุผลอย่างไร เห็นด้วยกับใครหรือไม่ก็ตาม ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะทำร้ายผู้อื่น และไม่มีกฎหมายที่ไหนที่จะอนุญาตให้ใช้ความรุนแรง ดังนั้น เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเอาคนผิดมาลงโทษ และสาวให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพื่อพิสูจน์ให้ทุกฝ่ายเห็นว่าบ้านเมืองมีกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ากลุ่มใดก็ตามมีความเห็นตรงกับรัฐบาลแล้วจะอยู่เหนือกฎหมาย
"เหตุการณ์ในครั้งนี้ใครจะใช้สิทธิอย่างไร เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ไม่ควรมีการทำร้าย ดังนั้น เจ้าหน้าที่และรัฐบาลต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดจับกุมคนที่กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีภาพเห็นชัดเจนอยู่แล้ว และถ้าได้ตัวมาแล้วต้องสาวให้ถึงเบื้องหลังด้วย และต้องดูอย่างจริงจัง เพราะการทำผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นน่าจะทำเป็นกระบวนการ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว สำหรับกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอให้กลุ่มพันธมิตรฯ ยุติการเคลื่อนไหวเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้า ร.ต.อ.เฉลิม พูดเช่นนี้ ถือว่าไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต่อไป เพราะทุกคนมีหน้าที่รักษากฎหมาย และถ้า ร.ต.อ.เฉลิม ต้องการขอร้องกลุ่มพันธมิตรฯ ให้หยุดเคลื่อนไหว สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ต้องทำให้เห็นคือเอาคนผิดมาลงโทษ ซึ่งรัฐบาลต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้ แต่ถ้า ร.ต.อ.เฉลิม ไปข้องเกี่ยวหรืออยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะทุกฝ่ายต้องการเห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจในพื้นที่ที่อยู่ในเหตุกาณ์กลับปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นภาพทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ต้องดำเนินการ และเตรียมการให้ดี เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นจะเกิดความวุ่นวาย ทั้งนี้ส่วนตัวยังหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายไปได้ด้วยดี

ที่มา : สำนักข่าวไทย

พล.อ.ปรีชา” นับถอยหลัง “หุ่นเชิด” เหลือเวลา 5 วัน


ประธานฯ พลังแผ่นดิน นับถอยหลังรัฐบาลหุ่นเชิด ให้เวลาอีก 5 วัน เก็บของจากทำเนียบ เผย ทหาร “ลำปาง-นครสวรรค์” เริ่มออกมาแล้ว ย้ำชัด “รัฐบาลฆาตกร” หมดความชอบธรรม หลังตั้ง “ขวัญชัย” หัวโจกม็อบสามานย์ เป็น ขรก.การเมืองประจำสำนักนายกฯ จี้ ผบ.ตร.จับ “หมัก” พร้อม ครม.ทั้งคณะ ก่อนทหาร และ ปชช.ลงมือเอง

เมื่อเวลาประมาณ 19.25 น.วันที่ 27 ก.ค.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ อดีตรองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการพลังแผ่นดินพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน ว่า เหลืออีก 5 วันแล้ว สำหรับรัฐบาลอาชญากร เวลาสิ้นสุดของท่านกำลังจะมาถึง เพราะสัญญาณออกมาแล้ว ที่นครสวรรค์ ทหารได้ออกมาแล้ว ตนไม่แปลกใจ เพราะเพิ่งลงมาจากลำปาง นี่คือ สัญญาณอันตรายสำหรับรัฐบาลอาชญากร

“ท่านจะออกไปเอง หรือให้กองทัพประชาชน และทหาร จัดการกับท่าน ผมไปลำปางเพื่อเช็กสภาพของกองทัพประชาชน และทหาร ซึ่งร่วมมือกับเรา ได้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าทหารอยู่กับประชาชน ทหารลำปาง ทหารนครสวรรค์ มั่นใจว่าถ้าต้องรบกับเขมรก็จะชนะ”

พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า คนเราจะมีความกล้าหาญและสละชีวิตได้นั้น ต้องฝึกตัวเองเสียสละจากสิ่งน้อยไปสู่สิ่งใหญ่คือชีวิต ทหารลำปาง นครสวรรค์ ได้ทำแล้ว เขาไม่ยึดติดกับตำแหน่งแม้จะถูกปลดก็ตาม พวกเขาบอกว่าเป็นไงเป็นกัน นั่นคือ สัญญาณที่จะให้ท่านรู้ว่าท่านทำผิดชัดเจน ท่านเป็นอาชญากร เพราะท่านตั้งอาชญากรมาเป็นข้าราชการการเมือง (กรณีการตั้ง นายขวัญชัย ไพรพนา เป็นข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกรัฐมนตรี)

พล.อ.ปรีชา กล่าวอีกว่า เป็นสิ่งพิสูจน์แล้วว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ปกครองโดยหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 เขาไม่มีความชอบธรรม ตำรวจต้องจับ ถ้าไม่จับถือว่าสมรู้ร่วมคิด แม้กระทั่งทำโดยเปิดเผย

“พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ต้องจับตั้งแต่นายกฯ ไปถึงรัฐมนตรีทุกคน ก่อนที่ทหารจะจัดการกับท่านด้วย วันนี้ผมไม่พูดมาก ผมจะทำแล้ว” พล.อ.ปรีชา กล่าว