วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

หวั่นประเทศแบ่งขั้วชัด ยิ่งทำประชามติยิ่งแตกแยก

นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าววันนี้ (5 ก.ย.) ถึงระเบียบวาระการประชุม วุฒิสภา ว่า มีเรื่องด่วนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.... ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบ และผ่านวาระของสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ขณะนี้ส่งมาที่ วุฒิสภา กฎหมายฉบับนี้ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 90 วัน ประมาณวันที่ 29 พฤศจิกายน ซึ่งปิดสมัยประชุมไปแล้ว ฉะนั้นวันนี้จะมีมติ มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 29 คน เป็นส.ว.24คน และเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่เกิน 5 คน มาจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่คงไม่สามารถผ่านได้ 3 วาระรวด เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียด มีผลได้ผลเสีย
นายนิคม กล่าวว่า หากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน นำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงจะมีผลบังคับใช้ แล้วส่งคืนให้กกต.ดำเนินการ ใช้เวลาอย่างช้าที่สุด 2 เดือน
เมื่อถามถึงแนวคิดการทำประชามติเป็นทางออกแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจว่าจะได้ผล เพราะการไปถามประชาชนเอาไม่เอา แล้วใช้เงิน 1,800 ล้าน กลับการที่คืนอำนาจให้ประชาชน ก็เหมือนกัน หากลงประชามติไปแล้ว คนที่แพ้ก็ไม่ยอม จะเกิดความแตกแยกมากยิ่งขึ้น นอกจากแบ่งเป็นภาคแล้วยังแบ่งเป็นจังหวัดอีก
“การลงประชามติควรเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อประชาชน การทำครั้งนี้แบ่งขั้วชัดเจน จากที่สีเทาๆ กลายเป็นขาวดำ ไม่สมานฉันท์ เป็นการสร้างความแตกแยก” นายนิคม กล่าว และว่า เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ วิธีการแบบนี้ต้องมานั่งทบทวนใหม่ ต้องใช้หลัก ใช้เหตุและผลมากขึ้น

ที่มา:http://www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=103105

2 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ที่นายนิคม ไวยรัชพานิช กล่าวมามันก็จริงนะคะ
การลงประชามติครั้งนี้จะทำให้เกิดการแตกแยก
และส่งผลกระทบต่อประเทศเรามากด้วย
ก่อนจะทำอะไรก็อยากให้คิดดูให้ดีๆๆก่อนอ่ะคะ
คนไทยตอนนี้ก็แตกแยกกันมากพอแล้ว

นางสาววาสินี สวัสดิพงษ์
ID:5131601486
SEC2

* Discuss Of Law * กล่าวว่า...

อย่าทำอะไรที่จะทำให้ประเทศชาติแตกแยกไปมากกว่านี้อีกเลย สงสารประชาชนในประเทศบ้างเถอะ ที่สำคัญถ้าคิดจะทำอะไรควรไตร่ตรอง คิดให้รอบคอบที่สุด เพื่อจะได้ไม่เกิดตามมาทีหลังอีก แค่นี้ก็มีแต่ปัญหาจะแย่อยู่แล้ว สงสารประเทศชาติกันบ้างเถอะ




นางสาวภัทราสิยากร ณ นคร
ID:5131601005 SEC:1