วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

"จำลอง"อ้าง2พล.อ.เตือนสลายม็อบบ่าย3 "พัลลภ"ลั่น! ถ้า"จำลอง"ถูกจับ จะเคลื่อนไหวแทนทันทีตามสัญญาใจ

"จำลอง"อ้าง 2พล.อ.โทรศัพท์เตือนสลายม็อบบ่าย3 พันธมิตรเกณฑ์ผู้หญิง แจกผ้าชุบน้ำ-ซ้อมรับมือสลายชุมนุม "พัลลภ"ลั่นถ้า"จำลอง"ถูกจับ จะเคลื่อนไหวแทนทันที ชี้ถนัดเป็น"ฝ่ายรุก" แต่ยังไม่บอกยุทธศาสตร์ "สนธิ" อ้างรองราชเลขาฯระบุสมเด็จพระบรมฯไม่เสด็จฯทำเนียบฯ 30ส.ค. อัดโฆษกสตช.ใช้ไม่ได้ รู้แต่เรื่องน้ำมันเถื่อน ปัดข้อหากบฎ
"จำลอง"อ้าง 2พล.อ.โทรศัพท์เตือนสลายม็อบบ่าย3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า มีทหารยศพลเอก 2 คนโทรศัพท์มาหา และบอกว่าในเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ภายนอกเข้ามารวมตัวกันในทำเนียบฯ
"พัลลภ"ชี้ถนัดเป็น"ฝ่ายรุก" แต่ยังไม่บอกยุทธศาสตร์
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 ส.ค. พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ถึงสถาการณ์การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตนมีแนวความคิดการดำเนินการแตกต่างจากแนวคิดของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เพราะพล.ต.จำลองจะถนัดวิธีอหิงสาและวิธีรับ ส่วนตนถนัดวิธีรุก ดังนั้น ตนจึงไม่ร่วมกับพันธมิตรฯ ตั้งแต่แรก
เมื่อถามว่า พล.อ.พัลลภตัดสินใจร่วมกับพันธมิตรฯ เพราะตอนนี้พันธมิตรฯ ใช้วิธีรุก เช่นการบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เป็นเพราะพล.ต.จำลองถูกจับ จึงต้องทำตามสัญญาใจ เพราะเป็นเพื่อนรักกัน รบก็รบด้วยกัน แต่มีวิธีผิดกัน
"ผมชอบรุก จำลองมีความอดทนสูง แต่ผมอดทนสั้น การชุมนุมตั้งเกือบ 100 วัน ผมไม่เคยยุ่งกับเค้าเลย" พล.อ.พัลลภ กล่าว
เมื่อถามว่ามองเกมส์การเมิองอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เรื่องอย่างนี้ก็ต้องยอมไปทางใดทางหนึ่ง เพราะถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอม ก็จบ แต่ถ้าไม่ยอมกัน ก็แตกหักไปเท่านั้น
เมื่อถามว่า สถานการณ์ตอนนี้จะซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 หรือไม่ พล.อ.พัลลภ ย้อนถามว่า "ผมขอถามข้อเดียวก่อนจะตอบคำถามนี้ ผมอยากถามว่าในโลกนี้มีประเทศไหนที่มีประชาธิปไตยจากการร้องขอบ้าง ผมบอกหรือไม่ว่าจะทำรัฐประหาร ผมไม่พูด แต่คุณพูดเอง ผมคิดว่าการที่พันธมิตรฯ ออกมา เพราะต้องการทำการเมืองให้เข้มแข็ง"
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ยังไม่ขอบอกยุทธศาตร์ต่อไป เพราะเมื่อถึงวันนั้นก็จะทราบเอง แต่ขอยืนยันว่า ตนจะออกมาแน่นอนเมื่อพล.ต.จำลองถูกจับ
เมื่อถามว่า ข่างวกรองระบุมาโดยตลอดว่าอยู่เบื้องหลังพันธมิตรฯ มาตลอด เหตุใดจึงออกมาเปิดเผยตัวตอนนี้ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ได้เคยอยู่เบื้องหลังพันธมิตรจริงๆ ส่วนอนาคตของประเทศไทยนั้น คงบอกไม่ได้เช่นกัน
พันธมิตรเกณฑ์ผู้หญิง แจกผ้าชุบน้ำ-ซ้อมรับมือสลายชุมนุม

เมื่อเวลา 13.29 น. วันที่ 28 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เกณฑ์อาสาสมัครหญิงประมาณ 500 คน มานั่งเรียงเป็นกำแพงขวางประตู 4 ทั้งด้านนอกและใน เนื่องจากมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำหมายจับเข้าจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คน นอกจากนี้ ยังได้แจกผ้าชุบน้ำและผ้าปิดปากแก่อาสาสมัครดังกล่าวเพื่อป้องกันแก๊สน้ำตาด้วย รวมทั้งมีการยังซักซ้อมความพร้อม เพื่อรับมือสถานการณ์สลายการชุมนุมและการจับกุมแกนนำ เพื่อกระตุ้นให้การ์ดอาสาตื่นตัวและสร้างความมั่นใจว่า จะสามารถขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เข้ามาในทำเนียบฯได้
ด้านบรรยากาศด้านนอกทำเนียบฯ นั้น พบว่าพันธมิตรฯ ได้รื้อรั้วลวดหนามที่ปิดกั้นถนนพิษณุโลกฝั่งมหาวิทยาลัยราชมงคลพระนคร ตั้งแต่แยกนางเลิ้งถึงแยกพาณิชยการออก เพื่อเปิดให้รถยนต์แล่นผ่านถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐแล้วเลี้ยวขวาไปยังถนนพระราม 5 ขณะเดียวกันมีรถโดยสารสาธารณะของขสมก.จอดเรียงรายอยู่ริมถนนพิษณุโลกตลอดแนวฝั่งโรงเรียนราชวินิตมัธยม เพื่อรอรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางกลับ แต่ปรากฏว่ายังไม่มีผู้ชุมนุมคนใดมาใช้บริการ
"พัลลภ"ลั่นถ้า"จำลอง"ถูกจับ จะเคลื่อนไหวแทนทันที
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ว่า ตนมีสัญญาใจ กับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในฐานะเพื่อนรักที่เคยร่วมต่อสู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา 2 ประเด็น คือ 1.หากวันไหนพล.ต.จำลองถูกจับกุม ตนจะเข้าไปทำหน้าที่แทน และ 2.หากต้องการรบวิถีรุก ตนจะเข้าร่วมเช่น เหมือนกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่ พล.ต.จำลองถูกจับและตนก็ต้องออกมาร่วมดำเนินการด้วย ซึ่งขณะนี้ พล.ต.จำลอง ก็ถูกออกหมายจับแล้ว
พล.อ.พัลลภ กล่าวต่อว่า เมื่อพล.ต.จำลองถูกจับกุมตัวไป จะเห็นตนเองอยู่บนเวทีพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน ส่วนจะต่อสู้เคลื่อนไหวในรูปแบบใดนั้น ไม่สามารถบอกได้ เมื่อถึงวันเวลาดังกล่าว ทุกคนจะได้รู้เอง
ม็อบบ่นอุบ! พันธมิตรเปิดรับคนเข้าแต่ไม่ยอมให้ออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 28 สิงหาคม หลังจากที่ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตร ประกาศให้มีการปิดประตูทำเนียบทุกประตู เพราะเกรงว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเข้ามาสลายการชุมนุม ในเวลา 12.00 น. ปรากฎว่า ยังคงมีการเปิดประตูบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทะยอยเข้ามา แต่ไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินทางออกจากพื้นที่ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตร ต่างพากันบ่นว่าไม่สามารถเดินทางออกไปภายนอกหรือกลับบ้านได้ นอกจากนี้ที่บริเวณภายนอกประตู 4 ฝั่งตรงข้ามป.ป.ช. ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นผู้หญิงประมาณ 200 คน ซักซ้อมเตรียมการหากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามี โดยมีการเตรียมลุกขึ้น และป้องกันประตู และให้กลุ่มผู้ชุมนุมหญิงเป็นทัพหน้า ซึ่งในบริเวณอื่นๆที่มีแผงกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มพันธมิตร ก็จะเป็นการจัดกำลังในลักษณะเดียวกัน แต่จะมี การ์ดพันธมิตรถือไม้กอล์ฟ และท่อเหล็กยืนคุมอยู่ตามจุดต่างๆ ตามแผงรั้วกั้น อีกทั้งยังมีการเคลื่อนย้ายโล่จากสะพานมัฆวาล เข้ามาในทำเนียบแล้ว นอกจากนี้นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มพันธมิตร ได้เดินตรวจแนวป้องกันตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณประตูที่สุ่มเสียงต่อการบุกเข้าจู่โจม
พันธมิตรสงขลาขู่! พร้อมยกพลปิดสนามบินหาดใหญ่
เมื่อเวลา 12.07 น. วันที่ 28 ส.ค. นายเอกชัย อิสระทัศน์ ผู้ประสานงานพันธมิตรสงขลาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.สงขลา กล่าวว่า พันธมิตรฯ จ.สงขลา และองค์กรเครือข่ายยังเฝ้าติดตามสถานการณ์การชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินมาตราการขั้นเด็ดขาดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งคือการยกขบวนไปปิดสนามบินหาดใหญ่ตามที่ได้ประกาศไว้ และอยากเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะตำรวจตระเวณชายแดน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เข้าถึงมวลชนมากที่สุด ให้ถอนตัวออกจากการเข้าร่วมปฏิบัติการกับภาครัฐในการจัดการกับผู้ชุมนุม
"จำลอง"ประกาศบนเวที"พัลลภ"อาสาเป็นตัวแทนให้
เมื่อ 11.00 น. วันที่ 28 ส.ค. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีกล่าวเตือนผู้ชุมนุมว่า ได้รับทราบข่าวมาว่า เที่ยงวันนี้ ตำรวจได้รับคำสั่งให้เข้าสลายการชุมนุม ขอให้พี่น้องอย่าตกใจ ทั้งนี้มีตำรวจหญิงที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นสายส่งข่าว ให้นายตำรวจใหญ่อีก 2-3 คน ที่อยู่ในทำเนียบรับทราบ และคอยรับรายงานออกไปให้นายตำรวจที่อยู่ข้างนอกรับทราบ เพราะเวลานี้เขาเห็นว่าพวกเราอยู่ไม่เยอะ นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ได้ขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่นอกรั้วหน้าทำเนียบ และบริเวณชมัยมรุเชฐ รีบเข้ามาภายในทำเนียบก่อนที่จะปิดประตูอีก 20 นาที ไม่เช่นนั้นจะลำบากหากมีคนน้อย ถ้ามีมากก็สลายยาก ถ้าเขาจับพวกแกนนำ 5 คน ไม่ต้องทำอะไรให้ยึดพื้นที่ไว้ให้นานถึงที่สุด และถ้าจับไปด้วยสลายไปด้วยถ้าอย่างนั้นแพ้เลยถ้าคนน้อย โดยแผนของตำรวจจะใช้บันไดปีนเข้ามาข้างคลองแล้วโอบมาข้างหลัง ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า มีโทรศัพท์จากพล.อ.คนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักรบตัวจริง โทรมาว่า ถ้าตนถูกจับจะมาแทนตนทันที คนนั้น คือ "พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี" ดังนั้นพี่น้องไม่ต้องกลัว
"สนธิลิ้ม"ย้อนโฆษกสตช.รู้แต่เรื่องจับน้ำมันเถื่อน
เวลา 10.00 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลเตรียมใช้คำสั่งของศาลแพ่งผลักดันผู้ชุมนุมออกนอกทำเนียบรัฐบาลว่า เราสามารถสร้างอารยะขัดขืนในศาลได้เช่นกัน ฉะนั้นแกนนำต้องอดทน หากศาลให้จำคุก แกนนำก็ต้องยอมถูกจำคุก เนลสัน แมนเดลลา อดีตประธานาธิบดีแห่งแอฟริกาใต้ ถูกจำคุกตั้ง 20 กว่าปี เพราะต่อต้านนโยบายเหยียดสีผิวของแอฟริกา เรื่องนี้แกนนำ 5 คนได้มีการหารือกันเรียบร้อยแล้วว่า เราต้องอารยะขัดขืน

เรื่องนี้
นายสนธิ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ออกมาถามหาภาวะผู้นำของแกนนำพันธมิตร กรณีที่ใช้ประชาชนมาเป็นโล่กำบัง ว่า พวกตนมีภาวะผู้นำมากกว่าเขาเยอะ ที่เขาความเท็จมาฟ้อง โดยเฉพาะมาตรา 113 ที่ระบุว่า ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ถามว่าตนเคยเอาประชาชนไปเผาที่ไหนไหม คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญคือพรรคพลังประชาชน นอกจากนี้ ตนยังไม่เคยคิดล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ หรือบริหาร เพราะยังเห็นยกมือกันในสภาอยู่ และยังสั่งการให้ตำรวจมาสลายเราได้ โยกย้ายนายทหารได้ ส่วนอำนาจตุลาการก็แทรกแซงไม่ได้อยู่แล้ว
ส่วนที่ระบุในข้อหา 113 เรื่องการแบ่งแยกดินแดน พวกตนไม่ได้ทำ แต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่ทำ เพราะยกอธิปไตยเขาพระวิหารให้กับเขมร ฉะนั้นรัฐบาลสมัครจึงเป็นกบฏ ไม่ใช่พวกตน
"ช่วยไปเรียน พล.ต.ต.สุรพลด้วยว่า ให้มีความรู้มากกว่านี้หน่อย แล้วค่อยมาพูด อดีตท่านเป็นผู้การตำรวจน้ำ รู้แต่เรื่องการจับน้ำมันเถื่อน เรื่องอื่นท่านไม่รู้หรอก หากลำบากนักพยายามพูดให้น้อยหน่อย อย่าพูดมาก ธรรมดาตำรวจก็ใช้ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งมีโฆษกตำรวจเช่นนี้ ยิ่งใช้ไม่ได้" นายสนธิ กล่าวพร้อมปฏิเสธว่า แกนนำไม่ได้ใช่ประชาชนเป็นโล่ พวกเขาสมัครใจมาเอง ทั้งที่จะกลับเมื่อไรก็กลับได้ แต่เขาไม่กลับ
"สนธิ"อ้างรองราชเลขาฯระบุสมเด็จพระบรมฯไม่ทรงใช้ทำเนียบฯ30ส.ค.
เมื่อเวลา 10.20 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวบนเวทีหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า อยากให้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกกับกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ออกจากทำเนียบฯ เนื่องจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จมาใช้พื้นที่ทำเนียบฯ ในวันที่ 30 ส.ค. โดยตนอยากให้พล.ต.อ.โกวิท ตรวจสอบใหม่ เพราะพล.อ.อ.สถิตพงษ์ สุขวิมล ราชเลขาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ยืนยันว่าสมเด็จพระบรมฯ จะไม่ใช้ทำเนียบฯ ในวันที่ 30 ส.ค.
"อย่าหาว่าสนธิ ลิ้มทองกุล ขอเพิ่มเติมอีก 1-2 วัน เราอยู่ถึงวันอาทิตย์ ชนะเด็ดขาดแน่นอน เรียกคนมาให้เยอะ มาให้มากๆ มาตั้งแต่วันนี้ เย็นนี้ มาให้มันล้นไปหมด แล้วอยู่ถึงวันอาทิตย์ชนะแน่นอน" นายสนธิกล่าว
"จำลอง"ย้ำชุมนุมทำเนียบฯ จะอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งวันนี้
เมื่อเวลา 10.57 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พันธมิตรฯ จะยังปักหลักชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาลต่อไป ส่วนกรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้น พันธมิตรฯ ได้มอบหมายให้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของพันธมิตรฯ ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ส่วนกรณีหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ และพวกรวม 9 คนนั้น ตนพร้อมให้ตำรวจเข้ามาดำเนินการจับกุมในที่ชุมนุม
"เรายังยืนยันที่จะชุมนุม ไม่ไปที่อื่น เพราะเมื่อเราเขยิบมาชุมนุมที่นี่ ได้ผลขึ้นขณะนี้เราพร้อมให้จับ เราไม่ได้หนี เรื่องศาลแพ่ง เราส่งทนายไปดำเนินการ" พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงชุมนุมที่ทำเนียบต่อไป โดยมีจุดมุ่งหมายเดิมคือรัฐบาลต้องลาออกและไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550
ด้านนายสุวัตร กล่าวว่า พันธมิตรฯ จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้ผู้ชุมนุมย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อทุเลาการบังคับคดีต่อศาลแพ่งในบ่ายวันนี้
"ขณะนี้ทนายกำลังเร่งเขียนคำร้องอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อจะรีบยื่นต่อศาลแพ่งโดยคาดว่าจะยื่นในช่วงบ่าย 3 ถึง 4 โมง" นายสุวัตร กล่าว
การ์ดม็อบแตกตื่นคิดว่าตร."บุกประชิด" ที่แท้แค่รับอาหาร
เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความเรียบร้อยภายในทำเนียบฯ ว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงเวลา 10.00 น. ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบ เพื่อสลายการชุมนุม แต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ได้เข้าไปพักผ่อนภายในตึกสันติไมตรี เพื่อรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา อย่างไรก็ตามในช่วงเวลา 09.00 น. ได้มีคนมาส่งอาหารให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณประตู 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมหญิงประมาณ 100 คน นั่งปักหลักอยู่ด้านนอกประตู เพื่อป้องกันไม่ให้มีการบุกเข้ามา และบริเวณประตูยังมีการล็อคกุญแจ ล่ามโซ่ไว้อย่างแน่นหนา จึงต้องส่งข้าวกล่องข้ามผ่านประตูรั้วมาด้านใน และผ่านไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีการเรียกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับอาหาร แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินมาประชิดรั้วแผงกันด้านหลังตึกสันติไมตรี เพื่อรอรับอาหาร ทำให้หน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าใจผิดว่ามีการบุกเข้าประชิด และได้มีการเรียกกำลังเสริม แต่ทางผู้ชุมนุมที่เตรียมส่งอาหารได้อธิบายให้เข้าใจว่าเป็นเพียงการส่งอาหารเท่านั้น โดยใช้เวลาเจรจานานกว่า 30 นาที กลุ่มการ์ดพันธมิตรจึงถอยออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การ์ดพันธมิตรได้เชิญนักข่าวทั้งหมดออกจากบริเวณประตู 4 ด้านหน้าธนาคารออมสิน โดยระบุว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนสั่งให้ขอความร่วมมือ และจากนั้นได้มีการสั่งห้ามผู้สื่อข่าวเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด และพื้นที่ทั้งหมดที่อยู่ใกล้บริเวณที่ใกล้กับแผงรั้วกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันการแฝงตัวเข้ามาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จาการตรวจสอบบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลพบว่า ที่บริเวณประตูทำเนียบรัฐบาลที่ 7เลียบคลองผดุงกรุงเกษม พบว่า รถดับเพลิงและรถบรรทุกผู้ต้องขังรวม 4 คัน บริเวณล้อหน้าของทั้ง 4 คันได้ถูกปล่อยล้มยางและไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้
นักข่าว"เอ็นบีที"ไม่ยอมแจ้งที่อยู่ หวั่นไม่ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายการ"ข่าวต้นชั่วโมง" เวลา 09.00 น. ของสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่าการถ่ายทอดสดการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการรายงานสดโทรศัพท์ ผู้สื่อข่าวในสนามจะไม่เปิดเผยสถานที่อยู่ชัดเจน แต่บอกเพียงว่าอยู่บริเวณโดยรอบทำเนียบฯ เท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าอาจไม่ปลอดภัย หลังจากนักข่าวและรถถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเคยถูกผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ปิดล้อม
"จำลอง" วอนผู้ชุมนุมอย่าเพิ่งกลับอ้างตร.เตรียมบุก
เมื่อเวลา 08.40 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศชัยชนะที่สามารถชุมนุมข้ามคืนได้อย่างปลอดภัย พร้อมวอนกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เดินทางกลับบ้าน เนื่องจาก มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้าควบคุมตัวแกนนำ ในเวลาประมาณ 09.00 น. พร้อมยืนยันแกนนำทั้ง 9 คน ที่ถูกออกหมายจับ จะไม่คิดหนีและเชื่อว่า หากแกนนำถูกจับจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าร่วมมาก แต่หากเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแกนนำได้ ก็ไม่อยากให้ประชาชนติดตามไป เนื่องจากผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลจะน้อยลง ทำให้พ่ายแพ้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ที่ถูกตัดเป็นบางเครือข่ายจนไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ โดยเฉพาะในพื้นที่การชุมนุม ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. ที่ผ่านมา ล่าสุด สามารถใช้การได้แล้ว
เข้าวันที่ 3 ทำเนียบเริ่มเละ กลิ่น"ฉี่-ขยะ"คลุ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 08.20 น. ว่า บรรยากาศการชุมนุมวันที่ 3 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายในทำเนียบรัฐบาล ผู้ชุมนุมยังรวมตัวกันอยู่ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าอย่างหนาแน่น โดยในเวลา 7.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อบัญชาการการขนย้ายเต๊นท์ที่ตั้งอยู่โดยรอบ ให้กลับมาวางไว้ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าตามเดิม เนื่องจากตลอดคืนที่ผ่านมาผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ตากฝนมาทั้งคืน หากต้องชุมนุมตากแดดอีก เกรงว่าอาจไม่สบายได้ จากนั้นเวลา 7.30 น. ผู้ปราศรัยบนเวทีได้ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันเก็บกวาดขยะและปรับปรุงสถานที่
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพในทำเนียบรัฐบาลมีขยะกองท่วมหัวหลายจุด ทั้งนอกรั้ว หน้าตึกบัญชาการและหน้าตึกสันติไมตรี ขณะที่บนพื้นเต็มไปด้วยโคลนเลน นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเหม็นของน้ำเน่าและกลิ่นปัสสาวะคละคลุ้งไปทั่ว หลังจากฝนตกหนักกลางดึกที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ ได้ปิดตายประตูทางเข้าออกทุกจุด ยกเว้นประตูฝั่งสะพานชมัยมรุเชฐ โดยมีการนำรั้วเหล็กมากั้นหลายชั้น เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามารวบตัวแกนนำทั้ง 9 คนตามหมายจับ โดยเฉพาะทางประตู 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงานป.ป.ช. ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้สลับเปลี่ยนกำลัง ได้มีการนำโซ่มาคล้องรอบประตู และนำยางรถยนต์มากั้นไว้ ทั้งนี้แกนนำทั้ง 9 ต่างแยกย้ายกันพักผ่อนอยู่ภายในทำเนียบฯ
แกนนำถกเครียดหลังศาลสั่งให้ถอนออกจากทำเนียบ
ตามที่พนักสอบสวน สน.สุทธิสาร พร้อมคณะยื่นคำร้องศาลอาญา ขออนุมัติออกหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร นายอมร อมรรัตนานนท์ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตร ผู้ต้องหาที่ 1-9 ในความผิดฐานเป็นกบฏ สะสมกำลังพลหรืออาวุธ มั่วสุมกันให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง กระทั่งศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามคำขอ

บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเวลา 23.40 น. หลังจากที่ทราบคำสั่งศาลแพ่งออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กลุ่มพันธมิตรย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาลทันทีนั้น แกนนำที่นั่งอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าในวงล้อม ของผู้ร่วมชุมนุมกว่า 6 ชั้นนั้น ก็มีปฏิกิริยาต่อคำสั่งศาล โดยนั่งหารือกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่บรรดาผู้ร่วมชุมนุมก็หนาแน่นทั้งภายในและบริเวณถนนเลียบคลองเปรมประชา หน้าทำเนียบรัฐบาล อย่างไรก็ตาม บนเวทีปราศรัยมีการปราศรัยสลับกับการแสดงดนตรีของวงต่างๆอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้พิธีกรบนเวทีประกาศตั้งกำแพงมนุษย์และนำแผงเหล็กมากั้น ใช้โซ่ตรวนปิดประตูทำเนียบฯ ไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าถึงตัวแกนนำพันธมิตรได้ไม่ยอมถอย ให้ทุกคนปักหลักสู้เต็มที่
ตั้งกำแพงมนุษย์ล้อม"สนธิ-จำลอง"
เมื่อเวลา 16.00น.แกนนำพันธมติทราบว่าศาลได้อนุมัติออกหมายจับ 9 แกนนำแน่นอนแล้ว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นปราศรัยทันทีท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก นายสนธิกล่าวว่า "จะยอมให้จับ และจะไม่หนีไปไหน แต่ขอให้ประชาชนยึดทำเนียบรัฐบาลไว้ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขณะนี้รัฐบาลชั่วช้า กำลังจะฆ่าตัวเองแล้ว เราจะสู้ไม่ถอย จนกว่ารัฐบาลจะออกไป"
ทั้งนี้ หลังการปราศรัย นายสนธิและ พล.ต.จำลองลงจากเวทีไปที่เต๊นท์กลางสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายสนธิได้ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่กางเกงในเพียงตัวเดียว จากนั้นนำเสื้อสีเหลืองที่มีข้อความว่า "เราจะสู้เพื่อในหลวง" มาสวมใส่พร้อมกับกางเกงขาสั้น และสวมเสื้อกันฝนทับอีกชั้น จากนั้นทั้งสองคนได้นั่งลงท่ามกลางฝูงชน โดยมีประชาชนคล้องแขนตั้งเป็นเหมือนกำแพงมนุษย์ล้อมเอาไว้หลายชั้นเพื่อป้องกันความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุม แม้จะทราบว่าศาลออกหมายจับแกนนำทั้ง 5 แล้ว แต่ปรากฏว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงร้องรำทำเพลง พร้อมตะโกนท้าทายให้ตำรวจนำหมายจับมาจับแกนนำทั้ง 5 คน แกนนำตั้ง 3 ตัวแทนสู้ต่อหากถูกจับ
ผู้สื่อข่าวรายว่า อย่างไรก็ตามก่อนที่ศาลอาญาจะออกหมายจับแกนนำพันธมิตรและแนวร่วม 9 คน นั้นพล.ต.จำลองกล่าวบนเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. ว่า วันนี้มีการจับ 5 แกนนำแน่ แต่พวกเราต้องทำงานต่อไป ต้องสู้ต่อไป ทั้งนี้แกนนำเราได้ประชุมกันแล้ว ถ้าแกนนำถูกจับอย่าตกใจ เพราะเราได้ตั้ง 3 ตัวแทนขึ้นมาแทนแกนนำทั้ง 5 คน โดยให้ฟังคำสั่งของนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และนายสำราญ รอดเพชร อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถ้า 3 คนนี้ถูกจับอีกเราก็จะมีตัวแทนขึ้นมาอีก
"ผมขอให้พี่น้องประชาชนใจเย็นๆ ไม่ว่าจะมีข่าวตำรวจเคลื่อนไปไหน เราก็จะอยู่ในนี้ ขออย่าได้ท้อถอย ตอนนี้อย่าหวังพึ่งใครนอกจากพึ่งประชาชนด้วยกัน ตำรวจจะมากี่คนไม่สนใจ จับแกนนำ 5 คน จับได้จับไป แล้วประชาชนจะออกมาเป็นหมื่นเป็นแสน ให้มันรู้ไป โทรทัศน์ช่องอื่นออกอากาศโจมตีเราอย่างกับผู้ร้าย อย่าไปสนใจช่างหัวมัน ผมเคยถูกจับติดคุกมาแล้ว ทั้งคุกตำรวจ และคุกทหาร ถ้าจะติดอีกซักทีจะเป็นไรไป ตำรวจมาจับผมเลย เรื่องไม่ต้องห่วงเรื่องเล็กมาก ผมชุมนุมมาแล้วตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ขอให้พี่น้องใจเย็นๆ" พล.ต.จำลองกล่าว
ขณะที่นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ประกาศบนเวทีว่า แกนนำทั้ง 5 คน จะไม่ไปมอบตัวตำรวจ ให้มาจับที่ทำเนียบ จะสู้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
ลั่นไม่ยื่นประกัน-ไม่เอาปชช.เป็นโล่
พล.ต.จำลอง ยังแจ้งถึงความคืบหน้ายอดบริจาคเงินจากประชาชนทั่วประเทศ ผ่านทาง ตู้ปณ.100 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและเป็นค่าจ้างพนักงานเอเอสทีวี ว่า หลังจากเปิดรับบริจาคมา 6 วัน มียอดเงินบริจาค 6,600,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีทองคำแท่งหนัก 80 บาท คิดเป็นมูลค่าล้านบาทเศษ ทั้งนี้ ได้ลงนามในหนังสือมอบอำนาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากจะไม่ได้อยู่ในเวทีนี้อีก ซึ่งแกนนำทั้งหมดได้หารือกันแล้วจะรอให้มาจับกุมจะไม่เดินทางไปศาลและจะไม่ยื่นขอประกันตัวด้วย จะไม่ขัดขืน และจะไม่เอาประชาชนมาเป็นโล่ป้องกันอย่างแน่นอน แม้จะถูกจับแต่ก็จะไม่เลิกชุมนุมและจะไม่ถอยไปไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบและผู้ชุมนุมไม่ยอมจะขัดคำสั่งศาลหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า หากมีการจับกุมแกนนำรุ่น 1 ไปแล้ว ก็ถือว่าไม่มีการดำเนินการตามศาลแล้ว ส่วนผู้ชุมนุมจำเป็นต้องออกจากทำเนียบหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแกนนำรุ่นต่อไป แต่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการจับกุมประชาชนที่มาชุมนุมได้ เพราะจะจับได้ก็แต่แกนนำเท่านั้น เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงแบบนี้ต้องการให้ทหารออกมาปฏิวัติใช่หรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า "ไม่ออกมาหรอก ถ้าจะออกมาออกมาตั้งนานแล้ว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ พล.ต.จำลองลงมาแถลงข่าว ไม่ได้กลับขึ้นไปบนเวที แต่เดินมานั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันเมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ที่ พล.ต.จำลอง ถูกจับขณะที่อยู่รายล้อมด้วยมวลชน ทั้งนี้ สอดคล้องกับการที่ พล.ต.จำลองได้ให้สัมภาษณ์ว่ายินดีจะให้ตำรวจมาจับโดยไม่หนีไปไหน
เผย ′ผบ.ตร.′ สั่งขอจับ 9 แกนนำ
พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า พนักงานสอบสวนเตรียมการเรื่องขอหมายจับแกนนำและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 7-8 คน ต่อศาลตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงเรื่องความพยายามล้มล้างรัฐบาล และการชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตาม ป.อาญา มาตรา 113, 114, 215 และ 216 วันนี้คงเร่งรัดดำเนินการขออนุมัติหมายจับ เพราะ ผบ.ตร.เร่งรัดให้เสร็จภายในวันนี้ อาจจะมีการไต่สวนพยานหลายปาก ส่วนกลุ่มนักรบศรีวิชัย 85 คน ที่บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ตำรวจฝากขังไปตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 26 สิงหาคมแล้ว
สำหรับวันนี้จะใช้มาตรการทางกฎหมายเป็นตัวนำดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม และจะใช้มาตรการต่างๆให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล การบุกรุกเข้าไปในทำเนียบตั้งเวทีปราศรัยขับไล่รัฐบาล ไม่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญให้สิทธิใดๆ ไว้เลย การปฏิบัติของแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมทุกคนผิดกฎหมาย ดำเนินคดีได้เหมือนกลุ่มที่บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที การพยายามผลักดันผู้ชุมนุมจะดำเนินทุกวีถีทางไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม′ รองโฆษก ตร.กล่าว
ศาลไต่สวนอนุมัติ4ข้อหา-ฐานกบฏ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.00 น. ที่ศาลอาญารัชดาภิเษก พ.ต.ท.มานะ เผาะช่วย พนักสอบสวน สน.สุทธิสาร พร้อมคณะ ได้ยื่นคำร้องขออนุมัติออกหมายจับนายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร นายอมร อมรรัตนานนท์ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายเทิดภูมิ ใจดี แนวร่วมพันธมิตร ผู้ต้องหาที่ 1-9 ฐานใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113, สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ตามมาตรา 114, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 215 และ 216
เวลา 10.30 น. นายณรัช อิ่มศรีสุข เลขานุการศาลอาญา และนายสุรจิตร ศรีบุญมา องค์คณะผู้พิพากษา เรียกพนักงานสอบสวนเข้าไต่สวนที่ห้องพิจารณา 714 ถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 9 คน พร้อมหลักฐานวีซีดี จากนั้นนัดให้รอฟังคำสั่งภายในวันเดียวกัน
กระทั่งเวลา 16.00 น. ศาลมีคำสั่งว่าพิเคราะห์พฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 9 ตามที่พยานผู้ร้องได้ให้การประกอบหลักฐานวีซีดีที่นำส่งแล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานพอสมควรให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 น่าจะกระทำการอันเป็นความผิดอาญาตามคำร้อง จึงอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ตามคำขอ
ด้าน พ.ต.ท.มานะกล่าวว่า ศาลเห็นด้วยกับพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนนำเสนอ และมีเหตุอันควรที่จะออกหมายจับทั้ง 4 ข้อหา จากนี้จะดำเนินการตามหมาย การขอหมายจับได้รวบรวมเอกสารมานาน ไม่ใช่นำเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมมาเท่านั้น ส่วนจะขอหมายจับเพิ่มอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เบื้องต้นจะไปที่ บช.น.เพื่อไปรายงาน และรอฟังคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร



ไม่มีความคิดเห็น: