วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ตร.ฟันหนัก82คนบุกเอ็นบีที เทียบ"กบฏ"

องค์กรสื่อประนามรุนแรง พันธมิตรลั่นปิดทำเนียบฯ
พันธมิตรดาวกระจายยึด 5 หน่วยงานรัฐ ก่อนปักหลักทำเนียบ แกนนำเครียด หลังยึด"เอ็นบีที"ได้ แต่เชื่อมสัญญาณ"เอเอสทีวี"ไม่สำเร็จ ตำรวจขู่งัด กม.อาญาข้อหา "ขู่เข็ญ-มั่วสุม"ฟัน พร้อมขอศาลออกหมายจับ 5 แกนนำและพวก รวบนักรบศรีวิชัย 82 รายบุกทุบทรัพย์สินเอ็นบีที ส่งศาลฝากขังต่อ-ห้ามประกัน "พปช." เล็งฟื้น นปก.ชน ระดมม็อบสู้ที่สนามหลวงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ดำเนินการตามแผน "ปฏิบัติการไทยคู่ฟ้า" เข้ายึดหน่วยราชการ 5 แห่ง ประกอบด้วย ทำเนียบรัฐบาล สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เอ็นบีที กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระ ทรวงการคลัง ซึ่งรวมกรมประชาสัมพันธ์ ก่อนที่ผู้ชุมนุมทั้งหมดจะมารวมตัวที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ขณะเดียวกัน ได้มีกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นพันธมิตรเข้าทำลายทรัพย์สินสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ช่วงเช้ามืด และถูกตำรวจจับกุม
@ รวมพล5หมื่นพร้อมที่มัฆวานฯทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรได้รวมตัวที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. มีประชาชนเข้าร่วมกว่า 5 หมื่นคน โดยก่อนเคลื่อนขบวน กลุ่มพันธมิตรได้ออกแถลงการณ์ว่า การชุมนุมวันนี้เป็นไปเพื่อขับไล่รัฐบาล จะเป็นการชุมนุมอย่างสันติและจะเดินทางไปปิดล้อมส่วนราชการต่างๆ จากนั้น เวลา 05.45 น. แกนนำกลุ่มพันธมิตรส่วนหนึ่งได้เคลื่อนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลก่อน ต่อมาเวลา 08.09 น. จึงได้ดาวกระจายไปตามหน่วยงานราชการต่างๆ โดยนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้เดินทางไปยังสถานีเอ็นบีที ถนนวิภาวดีรังสิต ส่วนนายสมศักดิ์ โกศัยสุข นำมวลชนไปชุมนุมหน้ากระทรวงคมนาคม นายพิภพ ธงไชย และนายสุริยะใส กตะศิลา ได้นำมวลชนไปชุมนุมหน้ากระทรวงการคลัง โดยผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้เข้ายึดกรมประชาสัมพันธ์ ที่อยู่ใกล้เคียงกระทรวงการคลังไว้ด้วย ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ประจำการที่เวทีใหญ่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดย พล.ต.จำลองขึ้นปราศรัยให้กำลังใจกับผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ โดยมีใจความว่า ให้กลุ่มผู้ชุมนุมอดทน ถ้ามีทหารนำรถถังออกมาก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเขาอยู่ข้างเรา เชื่อว่าอาจจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ผู้สื่อข่าวรายงาน เวลาประมาณ 14.00 น. หลังจากที่ พล.ต.จำลองได้นำมวลชนประมาณ 1,000 คน บุกเข้าทำเนียบรัฐบาลได้เป็นผล สำเร็จ แกนนำพันธมิตรได้สั่งถอนผู้ชุมนุมจากแต่ละแห่งให้มาร่วมชุมนุมที่ทำเนียบทั้งหมด

@ เครียดเชื่อมเอเอสฯ-เอ็นบีทีเหลวที่สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ถนนวิภาวดีรังสิต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 80 คน บุกเข้าทุบกระจก และทำลายทรัพย์สินเอ็นบีที ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ขณะที่เวลา 06.20 น. ที่เวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตร ผู้ดำเนินรายการบนเวที ได้รับแจ้งจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ว่า ต้องการคนไปช่วยที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที จึงมีการเคลื่อนผู้ชุมนุม ไปสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และพังประตูเข้าไปบริเวณอาคารสถานีได้ จนทำให้เอ็นบีทีต้องยุติการออกอากาศ และนำรถถ่ายทอดสด (รถโอบี) ไปจอดที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อดำเนินการออกอากาศอีกครั้ง แต่ก็ถูกม็อบพันธมิตรบุกไปที่ บช.น.จนต้องยุติการออกอากาศอีกครั้ง และหันไปใช้เครือข่ายของกรมประชาสัมพันธ์ในต่างจังหวัดออกอากาศแทนอย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงาน เวลา 08.45 น. ภายหลังที่ พล.ต.จำลอง และนายสนธิ ที่ปักหลักอยู่เชิงสะพานมัฆวานฯ ทราบว่า กลุ่มพันธมิตรสามารถยึดสถานีเอ็นบีทีได้แล้ว และพยายามเชื่อมสัญญาณเอเอสทีวีไปยังแม่ข่ายของเอ็นบีที แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ จึงได้หารือกันอย่างเคร่งเครียด โดยนายอมร อมรรัตนานนท์ ผู้ดำเนินรายการบนเวทีพันธมิตรให้สัมภาษณ์ว่า ฝ่ายเทคนิคพยายามเชื่อมสัญญาณของเอเอสทีวีให้เข้ากับสถานีโทรทัศน์และวิทยบุเอ็นบีทีให้เร็วที่สุด โดยได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กรมประชาสัมพันธ์บางคน อย่างไรก็ตาม เวลา 16.50 น. นายอมรให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มพันธมิตรได้ยกเลิกการเชื่อมต่อสัญญาณจากเอ็นบีทีเป็นเอเอสทีวีแล้ว ขอคืนเอ็นบีทีให้ทางราชการเพื่อดำเนินการตามปกติต่อไป

@ ปิดถนนสายหลักเข้ากทม.ด้านเครือข่ายพันธมิตรในต่างจังหวัด ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีในช่วงเช้ามืด เครือข่ายกลุ่มพันธมิตรจังหวัดต่างๆ เริ่มเปิดยุทธการดาวกระจาย โดยปิดถนนสายสำคัญ 3 สาย ซึ่งถือเป็นประตูสู่ภาคเหนือ ภาคใต้ และ ภาคอีสาน ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 117 นครสวรรค์-พิษณุโลก จุดตัดทางหลวงหมายเลข 115 พิจิตร-กำแพงเพชร บริเวณสี่แยกปลวกสูง ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร, บริเวณถนนมิตรภาพขาขึ้น หลักกิโลเมตรที่ 195-196 ริมเขื่อนลำตะคอง ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และถนนเพชรเกษม ช่วงกิโลเมตรที่ 492-493 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเลี่ยงไป ใช้เส้นทางเบี่ยง ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผบก.ภ.จว.ทั่วประเทศ จัดกำลังรักษาความ ปลอดภัยสถานที่ราชการ และสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที รวมทั้งสำนักงานประชาสัมพันธ์อย่างแน่นหนาเวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานได้มีผู้ ชุมนุมบางส่วนเลิกชุมนุมในพื้นที่ และเคลื่อน ขบวนเข้ากทม.

@ "สนธิ"ลั่นขอปักหลักทำเนียบเวลา 14.05 น. ภายหลังจากที่ พล.ต.จำลอง นำชุมนุมเข้าทำเนียบรัฐบาลได้แล้ว ได้กล่าว ปราศรัยบนเวทีชั่วคราวบริเวณข้างรั้วทำเนียบรัฐบาล ตรงข้ามกับตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมทั้งร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา โดยมีตำรวจรักษาความปลอดภัยประมาณ 1 กองร้อย จำนวน 150 นายพร้อมโล่และกระบองเป็นอาวุธ คอยป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกขึ้นไปบนตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งมีห้องทำงานของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี อยู่บริเวณชั้น 2 เวลา 15.10 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล เดินทางมาถึงทำเนียบ และไปยืนบริเวณบันไดทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พูดผ่านโทรโข่งกับผู้ชุมนุมว่า วันนี้เป็นวันแรกในประวัตศาสตร์ชาติไทย ที่ประชาชนชาวบ้านธรรมดาเข้ามาเหยียบตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล เราจะไม่ออกจากทำเนียบจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และยืนยันกับตำรวจได้ว่าจะไม่บุกเข้าไปภายในตึกไทยคู่ฟ้าจากนั้นนายสนธิ กล่าวอีกครั้งบนเวทีปราศรัย ชั่วคราวที่ตั้งอยู่นอกรั้วทำเนียบว่า เรายึดทำเนียบ โดยอหิงสา และจะอยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้น ถ้าเจ้าหน้าที่ รัฐ ตำรวจหรือทหารคิดจะปราบปรามก็จะสู้ และจะไม่ยอมออกจากทำเนียบจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากนี้ไปจะหาที่เหมาะๆ ในทำเนียบรัฐบาลเพื่อตั้งเวทีและตั้ง จอมอนิเตอร์
@ ย้ายเวทีเข้าทำเนียบ-ปิดประตู จากนั้น พล.ต.จำลองขึ้นกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า จะนำรถขยายเสียงเข้ามาไว้ในทำเนียบรัฐบาลและจะปิดประตูทำเนียบทุกด้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจบุกเข้ามาสลายการชุมนุมได้ง่าย เนื่องจากได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้แก๊งจักร ยานยนต์ และ ตชด.เข้ามาป่วนการชุมนุม ดังนั้นหากใครไม่สามารถอยู่ทั้งคืนได้ก็ขอให้ออกไปก่อน เพราะหากพ้นคืนนี้ไปก็จะได้รับชัยชนะ ทั้งนี้ตนเองจะลงไปอยู่ปะปนกับผู้ชุมนุมเพื่อไม่ให้ตำรวจหาตัวได้โดยง่ายเวลา 18.00 น. ได้มีชายร่างใหญ่ในชุดสีดำสนิทอ้างตัวว่าเป็นการ์ดของพันธมิตร เดินรี่เข้ามาที่รังนกกระจอก ซึ่งเป็นที่ทำงานของผู้สื่อข่าว พร้อมขอเข้ามาติดตามการทำงานของผู้สื่อข่าวและขอให้สื่อนำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา แต่ผู้สื่อข่าวไม่ให้บุคคลดังกล่าวเข้ามา เพราะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลให้กับประชาชน ทั้งนี้ ในกลุ่มพันธมิตรได้ย้ายรถ 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงที่ดัดแปลงเป็นเวทีชั่วคราวเข้า มาอยู่ภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาล จากนั้นปิดประตูและจัดระบบการดูแลความปลอดภัย โดยให้การ์ดพันธมิตรเป็นผู้ตรวจบัตรและกระเป๋าของประชาชนที่เดินทางเข้าออกบริเวณที่ชุมนุมโดยผู้ชุมนุมเพิ่มจำนวนเป็นหลายพันคน และไม่สนใจเส้นตาย 18.00 น. ของตำรวจ

@ "ด่า-ขว้างขวดน้ำ"ไล่ทีมข่าวช่อง9ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็น ได้เกิดเหตุวุ่นวายระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับผู้สื่อข่าวที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการชุมนุม โดยเวลาประมาณ 17 .00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามเข้าทำร้ายและทุบรถยนต์ถ่ายทอดสดของผู้สื่อข่าวโมเดิร์นไนท์ทีวี (ช่อง 9) ที่เข้ามาถ่ายทอดสดการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้า บริเวณด้านหน้าตึกสันติไมตรี ทั้งนี้ ระหว่างที่ น.ส.อณัญยา ตั้งใจตรง ผู้สื่อข่าวโมเดิร์นไนท์กำลังรายงานสดช่วง "คัดข่าวเด่น" บนรถถ่ายทอดสดเคลื่อนที่ (รถโอบี) ปรากฏว่า ผู้ชุมนุมได้ตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนที่จะเข้ามาล้อมตัวรถถ่ายทอดสดและเข้าทุบรถ รวมทั้งการขว้างขวดน้ำใส่ทีมงานถ่ายทอดสด จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาห้ามปรามและต้องนำรถถ่ายทอดสดออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที

@ ย้ำ"สมัคร"ออกสกัดรัฐประหารก่อนหน้านั้น นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตร แถลงว่า จากการพูดคุยการดำเนินยุทธศาสตร์ดาวกระจายในภาพรวมทางโทรศัพท์กับแกนนำ พบว่าแต่ละจุดจะเน้นการระมัดระวังเรื่องของความรุนแรง และการทำลายทรัพย์สินของราชการให้มากที่สุด เพราะขณะนี้กลุ่มพันธมิตรได้ยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรฯในเชิงสัญลักษณ์ได้เรียบร้อยแล้ว โดยวัตถุประสงค์ในการยึดครั้งนี้ เพื่อทำให้รัฐบาลเห็นว่า รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการปกครองประเทศ จึงขอให้นายสมัคร สุนทรเวช พิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดและนำไปสู่การทำรัฐประหารได้ ถามว่า ดูเหมือนกลุ่มพันธมิตรจะใช้ความรุนแรง มีการทำลายทรัพย์สินและบุกรุกสถานที่ราชการ นายสุริยะใสกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติการครั้งนี้ แกนนำทุกคนพร้อมจะรับ ผิดชอบ เพราะก่อนจะมีการตัดประตูรั้วเหล็กกระทรวงต่างๆ เพื่อเข้าไปภายในนั้น มีการเจรจากับเจ้าหน้าที่เป็นระยะ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้ต้องมีการตัดประตูรั้วเหล็ก ทำให้ดูรุนแรงเกินไป แต่ยืนยันว่ามีเจตนาดีที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้เสรีภาพ

@ ยอมรับปชช.รับไม่ได้เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงได้ นายสุริยะใสยืนยันว่า ยังสามารถควบคุมสถาน การณ์ไม่ให้บานปลายหรือมีปฏิบัติการมากกว่าแผนที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน เว้นแต่จะมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง "ผมยอมรับและเข้าใจว่าประชาชนบางส่วนอาจจะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มองว่านี่คือกระบวนการเรียนรู้ที่สังคมต้องเข้าใจและสิ่งที่พันธมิตรทำก็เพื่อประเทศ ไม่ได้หวังว่าจะเป็นรัฐบาลหรือกำหนดให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตได้" นายสุริยะใสกล่าว

@ ยันยึดเอ็นบีทีไม่แทรกแซงสื่อนายสุริยะใสกล่าวว่า การเข้ายึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที แตกต่างจากการที่รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงสื่อ เพราะสิ่งที่ทำคือการยึดเชิงสัญ ลักษณ์ ให้สังคมรับรู้และมีการปฏิรูปสื่อ ซึ่งในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ หากมีระยะห่างจากเอ็นบีทีมากกว่านี้ ก็คงไม่ทำให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยต้องไม่หลงประเด็น

@ ตำรวจเตรียมงัดกม.มั่วสุมฟันเวลา 15.45 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาประชุมสั่งการอีกครั้ง หลังนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ดูแลการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร พร้อมด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดและไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใดเวลา 16.15 น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ พล.ต.อ.โกวิท รับผิดชอบดูแลสถานการณ์การบุกรุกสถานที่ราชการต่างๆ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล กระทรวงคลัง และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที การฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายที่เข้าไปใช้กำลังเกินกว่า 10 คน เข้าไปข่มขู่ครอบครองพื้นที่หน่วยราชการต่างๆ ทางพล.ต.อ.โกวิท แจ้งให้ทราบว่าขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสถานที่ต่างๆ ภายในเวลา 18.00 น. หากยังยืนยันจะอยู่ในสถานที่ดังกล่าว จะมีความความผิดตามกฎหมายตาม ป.อาญา มาตรา 215 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรืออย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 216 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป ผู้ใดไม่เลิก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

@ ใช้ข้อหาเดียวกับม็อบบุกเอ็นบีที"จะดำเนินการเหมือนช่วงเช้าที่บุกรุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที มีการดำเนินคดีกับนายธเนศ คำชุม อายุ 43 ปี กับพวกรวม 85 คน ฐานร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืนโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยมีอาวุธ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ โดยมีอาวุธโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ โดยมีผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ ในการกระทำความผิดนั้น และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้มั่วสุม ให้เลิกไปแล้วไม่เลิก มีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
ถามว่าตำรวจจะใช้กำลังสลายการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นความพยายามการเจรจาเพื่อรักษาสถานการณ์ต่างๆ ของบ้านเมืองเอาไว้โดยมอบหมายให้ ผบช.น.จัดทีมพูดคุยกับแกนนำ หากการเจรจาไม่เป็นผลก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย หากผู้ชุมนุมไม่ออกจากสถานที่ราชการต่างๆ ภายใน 18.00 น. จะมีขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมาย"ขณะนี้ตำรวจจะพยายามทำตามขั้นตอนด้วยความนุ่มนวล มาตรการที่จะขยายไปสู่ความรุนแรงเรายังคงยืนยันไม่ให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว แต่จะทำอย่างไรให้กฎหมายเป็นกฎหมาย เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่" รองโฆษก ตร.กล่าว

@ ออกแถลงปรามปชช.ร่วมม็อบต่อมาเวลา 17.45 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. นำประกาศกองบัญชาการตำรวจ นครบาลมาแจกสื่อมวลชนที่รอทำข่าว พร้อมให้ พล.ต.ต.สุรพล อ่านประกาศ ระบุว่า "ตามที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดให้มีการชุมนุมในทางการเมืองอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม และวันที่ 26 สิงหาคม กลุ่มแกนนำผู้ชุมนุมเข้าทำการบุกรุกสถานที่ราชการ ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองหลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงการ คลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เป็นต้น ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร และถือเป็นหน้าตาของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันควร หรือเข้าไปเพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยแล้ว ก็จะเป็นความผิดในทางอาญา กับทั้งยังสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติอย่างมากกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงขอความร่วมมือมายังพ่อแม่พี่น้อง ประชาชน ที่ร่วมชุมนุม ได้โปรดใช้วิจารณญาณในการเข้าร่วมชุมนุมในทางการเมือง ให้ใช้สิทธิภายใต้กรอบกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาทางการเมืองต้องแก้ด้วยวิถีทางการเมืองโดยเฉพาะกระบวนการทางรัฐสภา ไม่ใช้ความรุนแรง หรือกระทำการละเมิดกฎหมาย จึงต้องเตือนมายังท่านอย่าได้หลงเชื่อในคำยุยง ปลุกปั่น และ ขอได้โปรดให้ความร่วมมือกับทางราชการ การเดินทางออกจากสถานที่ราชการที่ท่านได้บุก รุกเข้ามาโดยทันที เมื่อรับทราบประกาศนี้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความจำเป็นจะต้องบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำการฝ่าฝืน และไม่ให้ความร่วมมือกับทางราชการในโอกาสต่อไป"

@ ยื่นศาลขอหมายจับ27ส.ค.ต่อมา พล.ต.ต.สุรพลให้สัมภาษณ์ว่า หลังเวลา 18.00 น.คงดูกันอีกทีว่าจะมีขั้นตอนต่างๆ อย่างไรในการยึดพื้นที่คืน ซึ่งตำรวจยังยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ผลีผลาม ไม่กระทำให้เกิดความวุ่นวายหรือรุนแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะพยายามเร่งรัดการสอบสวนในเรื่องที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมเพื่อขออนุมัติต่อศาลขอออกหมายจับผู้ที่ร่วมกระทำความผิดให้ได้ภายในวันที่ 27 สิงหาคม ซึ่งนอกจากแกนนำทั้ง 5 คน ยังมีบุคคลอื่นอีก รวมแล้วมากกว่า 5 คน ตาม ป.อาญา มาตรา 215,216,113 และ 114 ซึ่งเป็นความผิดเรื่องความมั่นคงถามว่า หากศาลอนุมัติหมายจับแล้ว จะดำเนินการเข้าจับกุมเลยหรือไม่ พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า คงจะประสานงานแจ้งให้ทราบเหมือนคดีทั่วๆ ไปที่แจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับยอดผู้ชุมนุมวันนี้ ประเมินแล้วรวมทุกที่ประมาณ 35,000 คนเวลา 18.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.โกวิท พล.ต.อ.พัชรวาท พล.ต.ท.อัศวิน และผู้เกี่ยวข้องเข้าประชุมกรณีกลุ่มพันธมิตรบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล จากนั้น พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. แถลงว่า ที่ประชุม โดยได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบว่าจะดำเนินการอย่างไรกับกลุ่มพันธมิตร ในส่วนผู้ต้องหา 85 คน โดยตรวจสอบ แล้วเชื่อมโยงชัดเจนว่าผู้ที่บุกเข้าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เป็นกลุ่มพันธมิตรแน่นอน และละเมิดข้อกฎหมายหลายข้อ ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดกับทางแกนนำของพันธมิตร คาดว่า วันที่ 27 สิงหาคม จะยื่นคำร้องต่อศาลได้ ส่วนจะออกหมายจับได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับทาง ศาล

@ พันธมิตรถูกวางยาบุกเอ็นบีทีส่วนกรณีที่มีการจับกุมชายฉกรรจ์ที่บุกเข้าทำลายทรัพย์สินสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้น เวลา 09.00 น.นายสนธิและพล.ต.จำลองได้ขึ้นเวทีปราศรัยบริเวณสะพานมัฆวานฯ โดย พล.ต. จำลองได้แจ้งว่า มีการจับกุมคนของพันธมิตรไป ซึ่งแกนนำจะเจรจาขอให้มีการปล่อยตัวคนของเรา หากไม่ปล่อยตัวจะบุกไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ขณะที่นายสนธิกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรชุมนุมด้วยความสงบมาโดยตลอด แต่ที่มีการจับตัวแล้วมาอ้างว่า มีอาวุธหรืออะไรต่างๆ นานา เป็นวางยาเพื่อจะเล่นงานแกนนำ จึงขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนยืนหยัดและอีกไม่กี่ชั่วโมงจะมีข่าวดี นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตร เข้ายึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ว่าน่าจะเป็นการจัดฉาก เพราะที่สถานีมีเจ้าหน้าที่เข้าไปอยู่ภายในตั้งแต่เช้ามืด 100-200 คน และชายที่บุกเข้าไปก็ไม่ได้ทำอะไรทันทีเหมือนกับว่าต้องการรอเวลาที่เหมาะสม

@ ตร.ระบุพฤติกรรมเข้าข่ายกบฏด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผู้บัญชา การตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่บุกทำลายทรัพย์สินสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 เอ็นบีที ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงเช้ามืดวันที่ 26 สิงหาคม ว่า ผู้กระทำผิดประกอบด้วย ชาย 78 คน และหญิง 2 คน ส่วนของกลาง มีเหล็กยาว 3 ฟุต 5 เล่ม มีดพก 12 เล่ม ขวาน 2 ด้าม ไม้กอล์ฟ 8 อัน หนังสติ๊ก 9 อัน มีดเดินป่ายาวฟุตครึ่ง 2 เล่ม ใบกระท่อม 3 ห่อใหญ่ ห่อละ 50 ใบ ปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก และลูกแก้วและลูกหิน น็อตตัวเมีย 60 ตัว ทั้งหมดถูกนำตัวไปควบคุมที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี เบื้องต้นฐานบุกรุกในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มียาเสพติดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการดำเนินคดีเฉพาะกลุ่มบุคคลที่เข้าไปในสถานที่มีการทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ สั่งเจ้าหน้าที่เอ็นบีทีหยุดออกอากาศเป็นการคุกคามการทำงานของสื่อมวลชน และพยายามยึดสถานีเพื่อใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารเพื่อประกาศชัยชนะ หรือประกาศอื่นใด เหมือนกับที่เคยมีการปฏิวัติรัฐประหารหรือก่อการกบฏในอดีต นอกจากนี้ในช่วงเวลา 08.35 น. ที่กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านเข้าไปในประตูรั้วสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีไปอยู่หน้าอาคารกว่า 1,000 คน เป็นการเดินทางจากสะพานมัฆวานฯ 500 คน และมี กลุ่มเดิมกับกลุ่มที่ตามไปสมทบอีกส่วนหนึ่ง มีกำลังตำรวจอยู่ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที 1-2 กองร้อย ขณะที่มีแกนนำพันธมิตรหลายคนทั้งนายวีระ สมความคิด และนายอมร อมรรัตนานนท์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ มีคนอ้างเป็นแกนนำพันธมิตรบุกเข้าไปในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที แต่เมื่อดูลักษณะการแต่งกาย ลักษณะกลุ่มบุคคลที่อ้างเป็นนักรบศรีวิชัย จึงมีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกัน@ ขอศาลฝากขังม็อบบุกเอ็นบีทีเวลา 06.00 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. เรียกประชุม รอง ผบช.น. และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือกรณีชายฉกรรจ์ 80 คนบุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ต่อมาเวลา 09.20 น. พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาด ไทย ได้ร่วมประชุมกับนายตำรวจที่เกี่ยวข้องและผู้แทนกองทัพ ส่วนกลุ่มบุคคลที่จับกุมได้มี 85 ราย ประกอบด้วยชาย 81 คน และหญิง 4 คน ถูกนำไปควบคุมตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.) ภาค 1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยเจ้าหน้าที่ ตชด.ซึ่งประจำอยู่ที่ป้อมยามด้านหน้า ได้ปิดกั้นไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปอย่างเด็ดขาด และมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาล (สน.) หลายแห่งทยอยเดินทางมาโดยรถยนต์ปิคอัพกว่า 20 คัน และเจ้าหน้าที่ ตชด.จากค่ายพระพุทธยอดฟ้า (ตชด.13) จำนวน 2 กองร้อย พร้อมอุปกรณ์ปราบจลาจลเดินทางเข้าไปด้านใน พร้อมทั้งนำรั้วลวดหนามมาเสริมกั้นประตูทางเข้า-ออก พร้อมทั้งตั้งด่านจุดสกัดบริเวณเชิงสะพานคลองห้า ก่อนถึง บก.ตชด.ภาค 1 ประมาณ 1 กิโลเมตร หลังจากมีข่าวกลุ่มพันธมิตรจะเดินทางมาชิงตัวพันธมิตรที่ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเวลา 14.00 น. ทนายความของกลุ่มพันธมิตรจำนวน 5 คน นำโดยนายธานี ภู่หิน เดินทางไปยัง บก.ตชด.ภาค 1 เพื่อร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.2 และ บก.น.3 สอบปากคำผู้ต้องขัง ทั้ง 85 คน ก่อนถูกคุมตัวขึ้นรถ 4 คัน เดินทางไปยังศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง

@ เอ็นบีทีเตรียมแจ้งความคดีอาญานายสุริยงค์ หุณฑสาร รักษาการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที เปิดเผยว่า กำลังรอเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.สุทธิสาร เข้ามาสำรวจความเสียหายของอุปกรณ์และโครงสร้างอาคารที่กลุ่มพันธมิตรได้ทำความเสียหาย เบื้องต้นมีกระจก และกล้องวงจรปิดที่ถูกทำลาย ส่วนการดำเนินคดีทางตำรวจแจ้งว่าคดีนี้เป็นคดีอาญา ฝ่ายตำรวจจะดำเนินการเอง แต่จะเชิญเจ้าหน้าที่ของสถานีที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าให้ปากคำ ทั้งนี้ ทางสถานีจะนำเทปบันทึกภาพระหว่างที่เกิดเหตุมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐานด้วย สำหรับการออกอากาศของเอ็นบีทีนั้นจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ส่วนรายการ "ความจริงวันนี้" ยืนยันว่าจะยังออกอากาศต่อไปเป็นปกติ แต่จะพิจารณาเนื้อหาของรายการอีกครั้ง ส่วนขวัญ และกำลังใจของพนักงานนั้น ได้รับแจ้งจากพนักงานทุกคนว่าในวันที่ 27 สิงหาคมจะมาทำงานเป็นปกติ แต่รู้สึกเป็นกังวลคือขวัญของพนักงานผู้หญิงที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แม้แต่ตอนที่ทหารทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็ยังไม่ทำเช่นนี้

@ พปช.จี้"สมัคร"ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชนในฐานะแกนนำกลุ่ม มหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กลุ่มมหาประชาชน พร้อมด้วยแนวร่วมที่ต่อต้านกลุ่มพันธมิตร อาทิกลุ่ม นปก. รวมทั้งกลุ่มฅนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ และกลุ่มแท็กซี่ ได้หารือ และตั้งวอร์รูมอย่างไม่เป็นทางการเพื่อติดตามสถานการณ์ และล่าสุดมีประชาชนไปรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง โดยจะชุมนุมอย่าสงบเพื่อรอดูว่ารัฐบาลจะดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรได้หรือไม่ หากถึงเวลา 18.00 น. รัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ ก็เชื่อว่าประชาชนจะมาชุมนุมที่สนามหลวงอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อน การกระทำของกลุ่มพันธมิตร เข้าข่ายเป็นกบฏ ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น ต่อให้รัฐบาลใช้กำลังทหารและกฎหมายมาจัดการ เชื่อว่าประชาชนจะยอมรับได้

@ "จตุพร"เตรียมฟื้น"นปก."ชน ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน อดีตแกนนำ นกป.กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้คาดมาก่อนว่า กลุ่มพันธมิตรจะใช้วิธีแบบอนาธิปไตย ใช้วิธีแบบกองโจรมีการติดอาวุธและใช้ยาเสพติด เห็นได้จากการบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ซึ่งขัดแย้งกับที่เคยประกาศมาก่อนหน้านี้ว่าจะใช้สันติวิธี จึงเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรโดยเด็ดขาด ซึ่งขณะนี้กลุ่ม นปก.ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการ แต่จะรอดูว่ารัฐบาลจะจัดการกับกลุ่มพันธมิตรได้หรือไม่ แต่หากควบคุมไม่ได้ ทางกลุ่ม นปก.ก็จะหารือในเรื่องของการออกมาเคลื่อนไหวกลุ่มพันธมิตร

@ ม.เที่ยงคืนแถลงประณามวันเดียวกัน คณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้แก่ นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล นายเกรียงศักดิ์ เชษฐพัฒนวนิช นายอรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ นายสมเกียรติ ตั้งนโม นายชำนาญ จันทร์เรือง ได้อ่านแถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ประณามการเคลื่อนไหวที่นำสังคมไทยไปสู่หายนะ โดยระบุว่า แม้การเคลื่อนไหวแสดงความเห็นทางการเมืองจะเป็นสิทธิพื้นฐานในสังคมประชาธิปไตย แต่ต้องดำเนินการภายใต้พื้นฐานเคารพสิทธิบุคคลอื่น ไม่ใช้ความรุนแรง แต่การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรได้ก้าวข้ามพ้นสิ่งที่เรียกว่า "อารยะขัดขืน" ไปสู่ "อนารยะขัดขืน" อย่างชัดเจน คือฝ่าฝืนกฎหมายโดยปราศจากความชอบธรรม และไม่เคารพสิทธิสังคมโดยรวมด้วยการบุกยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และการบุกยึดสถานที่ราชการ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงขอประณามการกระทำของกลุ่มพันธมิตร และขอเรียกร้องกับสังคมไทยให้ไตร่ตรองและใช้สติกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ที่มา:http://www.matichon.co.th/matichon

ไม่มีความคิดเห็น: