วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สมัครทูลพระบรมฯ ขอย้ายที่ จัดงานวันแม่-วันพ่อ

ไปใช้สวนอัมพร ย้ำไม่สลายม็อบ พธม.เมินศาลสั่ง ไม่รื้อไม่มอบตัว รถไฟอีสานหยุด ลางานมาสมทบ!

ม็อบพันธมิตรฯกร้าว ไม่รื้อถอนจากทำเนียบฯตามคำสั่งศาลแพ่ง ไม่มอบ ตัวคดีกบฏ ระดมคนเข้า ไปอัดแน่นพื้นที่ด้านใน พร้อมวางแนวป้องกันอย่างแน่นราวป้อมค่าย ป้องกันไม่ให้ตร.เข้ามาสลายชุมนุม "สนธิ"ประกาศใช้อารยะขัดขืนกับศาล แต่ส่งทนายยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแพ่งแล้ว "พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี"ประกาศเพื่อนรัก"จำลอง"ถูกจับเข้าคุกเมื่อไร จะขึ้นเวทีนำม็อบแทน ฟุ้งใช้วิธีต่อสู้แบบรุก แค่ 3 วันรัฐบาลออกแน่ "รสนา"นำ 30 ส.ว.อุ้มพันธมิตรฯ ชี้ข้อหากบฏร้ายแรงเกิน ด้านรถไฟสายอีสานป่วน พนักงานหยุดเดินรถกะทันหันหลายสาย เข้าสมทบม็อบในกรุง "หมัก"เปลี่ยนท่าทีจะไม่ใช้ไม้แข็งจัดการม็อบ ทั้งย้ายสถานที่จัดงาน 116 วันวันแม่ถึงวันพ่อ ไปสวนอัมพรแทน-หมักฟุ้งมีดาบแต่ไม่ฟาดฟันเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ส.ค. ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงถึงท่าทีของรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยังปักหลักอยู่ภายในทำเนียบทั้งที่ศาลมีคำสั่งให้ออกจากทำเนียบ ว่า ได้สั่งให้แก้ไขคำสั่งไปเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา การที่ศาลกรุณาก็นับว่าเป็นความกรุณาของศาลอย่างยิ่ง เทียบกับสำนวนธรรมดาก็เหมือนให้ดาบมาถือไว้ "เราได้ดาบมาก็ไม่ได้เดินดุ่มๆ เข้าไป ครั้งแรกก็คิดว่าจะเคลียร์พื้นที่ทำให้เสร็จเรียบร้อย ก็มีการสั่งการไปแล้วแต่ไปๆ มาๆ ไตร่ตรองดูว่าน่าจะเป็นอันตราย อุตส่าห์รักษาอะไรต่างๆ มาได้ตลอดแล้วจะให้ไปฟาดฟัน กลุ่มพันธมิตรฯ เองก็มีการป้องกัน เลยบอกไปว่าขอร้องให้เขามารายงานตัว จะมอบตัวก็สุดแล้วแต่ก็ให้เวลาเขาดำเนินการ ผมสั่งตำรวจระงับไม่ให้มีการสลายการชุมนุมแต่ก็ไม่ได้ทอดทิ้งไว้ตลอด คงมีเวลาและคงยุติกันได้ เรื่องนี้ไม่ต้องการให้เกิดการสปาร์ก ดังนั้น เมื่อคืนยังมีบางคนต้องนอนดึกเพราะหวังว่าจะมีการโชว์ดาวน์กัน แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร ทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยด้วยดี ตอนดึกตำรวจก็เรียกประชุมอีกครั้ง ผมก็สั่งอีกว่าไม่ให้ดำเนินการอะไร" นายสมัครกล่าว-ย้ายงาน 116 วันไปที่สวนอัมพรเมื่อถามว่าตกลงการจัดงาน 116 วันจากวันแม่สู่วันพ่อในวันที่ 30 ส.ค. ที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จฯ มาเป็นประธานที่ทำเนียบจะดำเนินการอย่างไร นายสมัครกล่าวว่า จะย้ายไปจัดที่สวนอัมพร และเดี๋ยวตนจะทำหนังสือขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อเปลี่ยนแปลงไปใช้ที่สวนอัมพร เมื่อถามว่าแล้วจะปล่อยให้สถานการณ์การชุมนุมเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือ นายสมัครกล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมว่าเขาจะมีความคิดเห็นอย่างไร เราไม่อยากไปวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งศาลแพ่งส่งคำสั่งมาก็อยากดูเหมือนกันว่าเมื่อศาลมีคำสั่งเช่นนั้น ซึ่งถือเป็นการช่วยอีกอย่างหนึ่ง จากนี้ต่อไปก็ถือเป็นเรื่องของกลุ่มพันธมิตรฯ แล้ว ไม่ใช่เรื่องของเรา และเราจะไม่ใช้ข้ออ้างจากคำสั่งศาลเข้าไปเพื่อให้ทั้งประเทศได้รู้ว่าจะไม่เกิดการสปาร์กขึ้นมา รวมทั้งคนต่างชาติที่เฝ้าดูอยู่จะได้รู้ว่าตกลงมันเป็นอย่างไรกันแน่ และสรุปได้ว่าสิ่งที่กระทำกันมานั้นไม่มีเหตุผล ไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีจุดหมายปลายทางและเป้าหมาย "ผมต้องขอบคุณพรรค และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้แถลงถ้อยคำออกมา เมื่อฟังแล้วก็เป็นเหตุเป็นผล บ้านเมืองเราอยู่ได้ก็เพราะเหตุผล ขอบคุณคุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) ขอบคุณทุกฝ่าย หรือแม้แต่คุณ สุเทพ (เทือกสุบรรณ) ที่ระบุว่าทุกอย่างแต่ละตัวบุคคลจะรับผิดชอบกันเอง" นายสมัครกล่าว-พร้อมทำงานนอกทำเนียบเมื่อถามว่าจะปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน นายสมัครกล่าวว่า ยังไม่ขอตอบคำถามตอนนี้ ถึงขั้นนี้เราต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุยุ่งยาก เมื่อถามว่าภาพที่สะท้อนออกมารัฐบาลเสียความชอบธรรมเพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ นายสมัครกล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา มันต้องได้บ้างเสียบ้าง ตนก็ไม่ได้เสียสถานะทางการเมือง ทั่วโลกก็ดูอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร ความรู้สึกของบางคนที่เห็นว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้ยึดทำเนียบก็ไม่เป็นปัญหาเพราะมันย่อมเกิดขึ้นได้ ประชุมที่นั่นไม่ได้ก็ย้ายไปประชุมที่กองทัพไทย ทำหน้าที่ต่อไปได้ การทำงานวันนี้ก็ไม่ต้องเข้าทำเนียบเพราะมีงานอยู่ข้างนอกทั้งวัน แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามสมควร ตนก็ไม่ได้ถือสาอะไรนักหนา สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำไม่มีเหตุผล ถ้าตนลงไปด้วย ไปวิตกทุกข์ร้อนหรือทำเสียหน้าตนไม่ทำเมื่อถามว่าตกลงจะไปนั่งทำงานที่ไหน นายสมัครกล่าวว่า ตนก็ทำงานข้างนอก อย่างวันนี้งานก็อยู่ข้างนอกทั้งนั้น เมื่อถามว่าคิดถึงทำเนียบบ้างหรือไม่ นายสมัครตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่า ถามอะไรแบบนั้น จากนั้นนายสมัครขอตัวไปรับประทานอาหารกลางวันโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตาม จากนั้นเวลา 13.00 น. เดินทางมาเป็นประธานการประชุมกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-อัศวินตอก-ทำไมไม่เชื่อศาลเมื่อเวลา 07.10 น. ที่บช.น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. เรียกรองผบช.น.ทุกนายมาจิบกาแฟพร้อมพูดคุย โดยกล่าวว่า จะให้กลุ่มผู้ชุมนุมมีเวลาคิดทบทวนว่าสังคมคิดเรื่องนี้อย่างไร ทางกฎหมายศาลแพ่งก็มีคำสั่งออกมาแล้วให้ออกจากทำเนียบ คุณเรียกร้องไอ้โน่นไอ้นี่ ให้ถอนหนังสือเดินทางพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร แต่คุณบุกเข้าทำเนียบแล้วศาลมีคำสั่งให้ออก แค่นี้คุณยังไม่ไปเลย เมื่อคืนคุยกันก็ต่อรองว่าถ้าอุทธรณ์ให้ศาลยกจะได้ออกโดยปริยาย มันไม่ใช่ ตนไม่มีอำนาจ ไม่ใช่ศาล ต้องไปคุยกับศาล ตนไม่ว่าอะไรเลยถ้าศาลบอกให้อยู่ เขาบอกถ้าขยับออกมาราชดำเนินซึ่งไม่ให้อยู่แล้วจะทำอย่างไร ตนบอกว่าไม่รู้ ถ้าเป็นสนามม้านางเลิ้งจะขอให้ เอาหรือไม่ เวลา 08.40 น. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. กล่าวว่า สำหรับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการเดินทางกลับบ้าน บช.น.ได้ประสานกับ ขสมก.เพื่อจัดรถเมล์ฟรีไว้ให้บริการบริเวณสนามม้านางเลิ้ง เพื่อให้ผู้ไม่มีเงินค่ารถหรือกลับไม่ได้สามารถกลับไปได้ รถที่จัดหามาจะไปส่งยังสายใต้ใหม่ หมอชิต ได้ประสานกับรถบ.ข.ส.ไว้แล้วว่าสามารถกลับบ้านได้ฟรีทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าโดยสารพล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผบช.น. ในฐานะโฆษกบช.น. กล่าวว่า รถโดยสารได้เตรียมการไว้เพื่อให้กลับต่างจังหวัดได้ฟรี 1 วัน โดยไปในลักษณะเป็นหมู่คณะ เพื่อให้ผู้มาชุมนุมกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย วันนี้กรมบังคับคดีจะนำหมายของศาลแพ่งไปแปะตามถิ่นที่อยู่ของ 9 แกนนำ รวมทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงแจ้งและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่ในทำเนียบเดินทางออกมาเพราะถือว่าผิดกฎหมาย และต้องใช้พื้นที่จัดงานพระราชพิธี กรมบังคับคดีน่าจะร้องขอให้ตำรวจนำกำลังคุ้มครองเพื่อเข้าไปภายใน หากเข้าไปและพบ 9 แกนนำที่มีการออกหมายจับตำรวจก็ต้องจับกุมทันที เพราะหากไม่ดำเนินการจะถือว่ามีความผิด มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่-มหาเรียกคนเข้ามาอัดภายในรั้วเวลา 06.10 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวบนรถปราศรัยว่า การที่พวกเราอยู่ร่วมกันทั้งคืนและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้ามาสลายการชุมนุม ถือว่าพวกเราประสบชัยชนะแล้ว แต่อย่าประมาท เนื่องจากทราบมาว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาสลายการชุมนุมในเวลา 09.00 น. และขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านนอกรั้วทำเนียบเข้ามารวมกลุ่มด้านใน อย่างไรก็ตาม หากมีการสลายการชุมนุมและแกนนำทั้งหมดถูกจับกุมตัว ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนอย่าติดตามไปที่สถานีตำรวจ เพราะถ้าติดตามไปพวกเราจะแพ้ทันที จึงขอให้ทุกคนปักหลักชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบตามเดิมเวลา 06.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และพล.ต.จำลอง ได้เดินตรวจพื้นที่โดยรอบการชุมนุมและรอบนอกทำเนียบอย่างละเอียด พร้อมทั้งได้ทักทายกับกลุ่มผู้ชุมนุมและถ่ายภาพกับผู้ชุมนุมอย่างเป็นกันเอง กระทั่งเวลา 07.00 น. ผู้ชุมนุมบางส่วนได้ทยอยเดินทางกลับบ้านพักเพื่ออาบน้ำและพักผ่อน ก่อนจะนัดหมายให้มาร่วมชุมนุมกันภายในทำเนียบในช่วงบ่าย ขณะที่ผู้ชุมนุมที่ยังปักหลักอยู่ภายในทำเนียบได้ช่วยกันนำผ้ายางรองนั่งออกมาตากแดดบริเวณต้นไม้ ระหว่างนี้พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรสุข ที่ปรึกษาบก.สส. ได้เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมและอยู่ร่วมปราศรัยด้วย -ตั้งแนวป้องกันด้วยยางรถยนต์ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณประตู 7 ทางเข้าทำเนียบด้านริมคลองผดุงกรุงเกษม ผู้ชุมนุมได้นำยางรถยนต์มาวางซ้อนเป็นที่กำบังสูงประมาณ 1 เมตร พร้อมนำกระเบื้องมุงหลังคาทำเนียบมากั้นบริเวณด้านหลังรั้วเหล็ก เพื่อใช้ป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาสลายการชุมนุม นอกจากนี้ยังพบว่ารถดับเพลิงและรถบรรทุกผู้ต้องขังรวม 4 คันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาจอดไว้นั้น ล้อหน้าของรถทั้ง 4 คันได้ถูกปล่อยลมยางและไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ส่วนเวทีปราศรัยสะพานมัฆวานรังสรรค์ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายเวทีออกจากพื้นผิวถนนจราจรราชดำเนินนอก โดยมีกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ ดูแลความเรียบ ร้อยบริเวณทางเข้าทุกด้าน ซึ่งมีผู้ชุมนุมบางส่วนปักหลักฟังการปราศรัย ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เดินทางมาภายในทำเนียบผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแกนนำพันธมิตรฯ นำผู้ชุมนุมบุกยึดทำเนียบรัฐบาลและวันนี้เข้าสู่วันที่ 3 พบว่าเริ่มประสบปัญหาขยะจำนวนมาก โดยนำขยะทั้งหมดมาวางกองไว้บริเวณประตูทางเข้าที่ 1 และ 4 เพื่อรอรถเก็บขยะของ กทม.มาดำเนินการ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมได้เรียกร้องให้ กทม.นำรถสุขามาให้บริการเพิ่มเติม เนื่องจากรถสุขามีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ชุมนุม ทำให้ขณะนี้มีรถสุขาของ กทม.เพิ่มจากเดิม 6 คันเป็น 10 กว่าคัน ส่วนห้องสุขาที่มีอยู่ภายในอาคารต่างๆ ของทำเนียบก็ไม่เพียงพอและสกปรกอย่างมาก ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ายึดตึกบัญชาการ 2 ทั้ง 5 ชั้น โดยงัดห้องน้ำและห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อใช้เป็นที่พักผ่อน ส่วนบรรยากาศรอบๆ ทั้งต้นไม้ สนามหญ้าที่แต่เดิมมีการจัดไว้อย่างสวยงาม แต่หลังจากมีฝนตกมาทำให้ต้นไม้และสนามหญ้าได้รับความเสียหายทั้งหมด-ขรก.หญิงจวกการ์ดม็อบค้นตัวผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างการ์ดของพันธมิตรฯ กับข้าราชการหญิงที่ทำงานอยู่ในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยเมื่อเวลา 08.30 น. ข้าราชการหญิงจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ตึกแดง) แต่การ์ดพันธมิตรฯ ไม่ยอมให้ผ่านเข้าไปในบริเวณดังกล่าว จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ทั้งนี้ ข้าราชการหญิงคนดังกล่าวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดให้คนเข้าออกเพียงประตูเดียวคือประตู 2 บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ แต่ที่ทำงานของตนอยู่นอกพื้นที่การชุมนุม เมื่อขออนุญาตจะผ่านก็ไม่ให้แล้วจะเข้ามาตรวจค้น ซึ่งตนเป็นผู้หญิง แต่การ์ดที่จะตรวจค้นร่างกายเป็นชายฉกรรจ์ 4-5 คน ตนจึงไม่ยอม ทำไมการ์ดพันธมิตรฯ ไม่ใช้วิจารณญาณพิจารณา เพราะตนได้แสดงบัตรข้าราชการให้ดูแล้ว แม้แต่ตำรวจประจำทำเนียบที่มีหน้าที่ดูแลรักษาพื้นที่ตามกฎหมายบางครั้งยังอะลุ้มอล่วย มีการสอบจนแน่ใจ แม้ไม่ได้แสดงบัตรก็ยังผ่านเข้าไปทำงานได้ แต่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่มาทำพฤติกรรมเหมือนกองโจรเข้ามาซ่องสุมกำลังทั้งที่เราเป็นคนไทยเหมือนกัน ตอนแรกตนไม่คิดว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะมีกิริยาวาจาที่หยาบคายเช่นนี้นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หญิงที่ทำงานในสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี 4-5 คน ต้องปีนรั้วบริเวณประตู 5 ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งประตู 5 นั้นแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาการณ์อยู่แต่ไม่สามารถเปิดประตูให้ผ่านเข้ามาได้ เนื่องจากกลุ่มพันธมิตรฯ ได้นำโซ่จำนวนมากไปคล้องประตูไว้-ปิดตายประตูเข้าออกแทบทุกด้านต่อมาเวลา 10.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและการดำเนินการขออนุมัติหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังมีการประกาศระดมมวลชนเข้ามาชุมนุมภายในทำเนียบต่อไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้ จากนั้นพล.ต.จำลองได้ขึ้นเวทีปราศรัยชี้แจงว่า ขณะนี้เรารู้แผนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยตำรวจจะใช้แผนตีโอบล้อมกลุ่มผู้ชุมนุม และจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจปีนข้ามรั้วเข้ามาด้านคลองผดุงกรุงเกษม และเข้ามาจากทุกๆ ด้าน เพื่อตีโอบพวกเรา โดยตำรวจจะบุกเข้ามาในเวลา 12.00 น. ดังนั้น ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณรอบนอกรั้วทำเนียบ ขอให้รีบเดินทางเข้ามาภายในทำเนียบ ภายใน 15 นาที เพราะเราจะปิดประตูเข้า-ออกทุกด้าน โดยจะล็อก กุญแจและล่ามโซ่อย่างแน่นหนา และจะเปิดให้ผู้ชุมนุมเดินทางเข้ามาเพียงประตูเดียว คือประตูด้านสะพานชมัยมรุเชษ โดยจะตรวจค้นผู้ที่จะเดินทางเข้ามาอย่างเข้มงวด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพล.ต.จำลองปราศรัยเสร็จ กลุ่มเจ้าหน้าที่ของพันธมิตรฯ ทั้งชายและหญิงจำนวนมาก ได้เดินกระจายแจ้งให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ทุกด้านของทำเนียบรับทราบ และให้เข้ามารวมตัวภายในโดยเร็ว ซึ่งผู้ชุมนุมบางคนกำลังพักผ่อน นอนหลับ นุ่งผ้าอาบน้ำ จึงเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เพราะต่างรีบเข้ามารวมตัวกันภายใน

-สนธิลั่น-อารยะขัดขืนต่อศาล
เมื่อเวลา 10.30 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและการขออนุมัติหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประกาศระดมมวลชนเข้ามาร่วมชุมนุมจนถึงวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.นี้ ซึ่งเราจะมีชัยชนะแน่นอน เพราะนายสมัครจะหมดภาวะความเป็นผู้นำไปในที่สุด เนื่องจากที่ผ่านมาได้โกหกทุกเรื่อง สมคบกับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย จะใช้ทำเนียบรัฐบาลจัดงาน 116 วัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จฯมาทรงเป็นประธานเปิดงานวันที่ 30 ส.ค.นี้ แต่ตนตรวจสอบไปยังสำนักราชเลขาธิการในสมเด็จพระบรมฯแล้ว ไม่มีหมายกำหนด การดังกล่าว มุขนี้ไปใช้กับนปก.ได้แต่ใช้กับพันธมิตรไม่ได้ นายสนธิ กล่าวว่า ขอยืนยันกับพันธมิตรทั่วประเทศว่าเราจะทำการอารยะขัดขืนต่อศาล ซึ่งได้หารือกับแกนนำทั้งหมดแล้วว่าต้องอดทน ถ้ากู้ชาติสำเร็จแล้ว เราจะมอบตัวเพื่อให้จำคุก ให้ดูตัวอย่างนายเนลสัน แมนเดล่า อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ที่ถูกจำคุก 20 กว่าปีเพราะต่อต้านนโยบายเหยียดสีผิว แกนนำพันธมิตรพร้อมติดคุกเพื่อให้บ้านเมืองรอดพ้นจากนักการเมืองโกงกินคอร์รัปชั่น-"พัลลภ"พร้อมขึ้นนำม็อบแทน"มหา"พล.ต.จำลอง กล่าวย้ำบนเวทีว่า หากแกนนำพันธมิตรถูกจับ ขอทุกคนอย่าทิ้งพื้นที่ เพราะถ้าทิ้งพื้นที่ก็ถือว่าแพ้ทันที จะมีแกนนำรุ่น 2 เข้ามาเติมเชื้อกู้ชาติต่อไป นอกจากนี้ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อนร่วมรุ่นจปร. 7 โทร.มาพูดกับตนว่าสัญญาของเรายังเหมือนเดิม หากตนและแกนนำถูกจับกุม พล.อ.พัลลภก็พร้อมเป็นแกนนำเพื่อรับหน้าที่ภารกิจกู้ชาติแทนตนทันที และยังมีนายทหารระดับพล.อ. อีกหลายคนที่เป็นเพื่อนพ้องตนจะมารับหน้าที่ในการขับไล่รัฐบาล ขอย้ำว่าทุกคนอย่าตื่นตระหนกกับคำพิพากษาของศาล เราจะปักหลักชุมนุมจนกว่าได้รับชัยชนะ เพราะขณะนี้มีการระดมพลพันธมิตรจากต่างจังหวัดเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก ขอให้พวกเรายืนหยัดปักหลักถึงที่สุดเชื่อว่าจะชนะแน่นอนเวลา 13.30 น. พล.ต.จำลองขึ้นเวทีอีกครั้งพร้อมกล่าวว่ามีนายทหารยศพล.อ. 2 คนโทร.มาหาตน บอกว่าในช่วง 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม เข้าจับกุมแกนนำพันธมิตรทั้ง 9 คน จึงขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล จากนั้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของพันธมิตรนำลวดสะลิงไปพันประตูเหล็กทุกประตูของทำเนียบอย่างแน่นหนา และทุกประตูมีการ์ดคอยรักษาความปลอดภัยประตูละกว่า 30 คน พร้อมนำยางรถยนต์ เศษเครื่องปรับอากาศเก่าๆ เศษแผงเหล็กของทำเนียบมาสุมกองรวมกันเป็นบังเกอร์ นอกจากนี้การ์ด ยังตรวจเข้มผู้ชุมนุมที่เดินทางเข้ามาสมทบในทำเนียบก่อนอนุญาตให้เข้า ส่วนคนที่จะออกไปด้านนอกจะไม่ได้รับการอนุญาต สำหรับสื่อมวลชนที่จะผ่านเข้า-ออกก็จะมีการสอบถามและตรวจค้นอย่างละเอียดเช่นเดียวกันในส่วนทางเข้าสำนักงานป.ป.ช. ฝั่งถนนนครปฐม กลุ่มพันธมิตรได้นำแผงเหล็กล้อมด้วยลวดหนามกั้นเป็นแนวถึง 3 ชั้น ไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้า-ออกโดยเด็ดขาด ส่วนถนนพิษณุโลกทั้งฝั่งโรงเรียนราชวินิตและมหาวิทยาลัยราชมงคลพณิชยการพระนคร กลุ่มพันธมิตรจากต่างจังหวัด นำรถบัสมาจอดขวางเต็มทั้ง 2 ฝั่ง ยาวไปถึงถนนพระราม 5 ทำให้การจราจรติดขัดเพราะเหลือช่องทางการจราจรเพียง 1 ช่องทาง-ตึงเครียด-300ปจ.เคลื่อนประชิดเวลา 15.00 น. กองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลกว่า 300 นาย พร้อมอาวุธโล่และสนับแข้งเดินทางมาจากถนนพระราม 5 มุ่งหน้ามายังแยกวิทยาลัยพาณิชยการพระนคร บริเวณหัวมุมของทำเนียบ ข้างคลองผดุงกรุงเกษม ทำให้ผู้ชุมนุมลุกฮือและตั้งแถวป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาจับกุมแกนนำ ขณะที่มีการนำรถตู้สีดำของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ทะเบียน วล 89 มาจอดไว้บริเวณอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร ติดวิทยาลัยพาณิชยการพระนคร เตรียมไว้ให้นายสนธิ หากเกิดเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งบรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นหลังมีข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังมาประชิดโดยรอบทำเนียบนายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นกล่าวบนเวทีหลังมีกระแสข่าวตำรวจปฏิบัติการพิเศษปราบจลาจล (ปจ.) 20 นาย จะเข้าจับแกนนำที่ถูกออกหมายจับในเวลา 15.00-16.00 น. ว่า หากใครกลับให้ออกไปก่อนและถ้าตำรวจบุกเข้ามาก็ขอให้ฟังคำสั่งให้ดี ไม่ต้องกลัว ตนจะได้มายืนตรงนี้อีกหรือไม่ยังไม่รู้ ให้พวกเราสามัคคีกันไว้ วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์เราต่อสู้กันมาตลอดเพื่อสถาบัน หากมีตำรวจคนใดเข้ามาจับก็แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ เพราะขณะนี้มีตชด.หญิงใส่เสื้อเหลืองมาเดินปะปนกับพวกเราจำนวนมากเพื่อล็อกตัวตนและพล.ต.จำลอง ดังนั้น ถ้ามีผู้หญิงคนไหนวิ่งเข้ามาหาตนแสดงว่าคนนั้นคือตำรวจหญิง หากตนถูกจับให้นำความรู้ต่างๆ ที่ให้ไว้เป็นปัญญานำทาง เพราะทุกวันนี้รัฐบาลไม่มีปัญญาที่จะนำพาประเทศชาติไปรอด เราพร้อมแสดงพลังปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จงอย่ากลัว อย่าตกใจ อย่าแตกแถว ผู้สื่อข่าวขณะที่นายสนธิ ขึ้นพูดบนเวที พล.ต. จำลองและแกนนำได้อยู่หลังเวที ที่หน้าเวทีการ์ดและนักรบศรีวิชัย 30 คน ในชุดดำพร้อมอาวุธครบมือเช่น ไม้หน้าสาม มีดพร้า ไม้กอล์ฟ ตะบอง ได้ยืนเรียงแถวหน้ากระดานคอยรักษาความปลอดภัยรอบเวที-ส่งหมายศาลแพ่งให้ 6 แกนนำเมื่อเวลา 13.00 น. นายคารม พลทะกลาง ทนายโจทก์ เปิดเผยหลังนำหมายศาลแพ่งไปติดที่บ้าน 6 แกนนำตามถิ่นที่อยู่ในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้นำหมายไปที่บ้านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ 580/2 ถนนพระราม 5 แขวงนครไชยศรี พบนายแก่นเพชร ธนะคำดี เป็นผู้รับหมายไว้แทน ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่พบ จึงใช้วิธีปิดหมายและถ่ายรูปไว้ที่บ้านเลขที่ 2 ตรอกโรงไหม แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร ส่วนนาย สมศักดิ์ โกศัยสุข ไปที่ 90/360 หมู่ 5 แขวงอนุสาวรีย์ พบหญิงอายุ 30-40 ปี แต่ไม่รับหมาย ส่วนนายพิภพไปที่บ้านเลขที่ 70/2 ตรอกวัดใหม่พิเรนทร์ ปิดหมายไว้และถ่ายรูปหมายตัวจริงส่งไปแล้ว การนำหมายศาลวันนี้ในส่วนของพล.ต.จำลองมีคนรับแล้ว ส่วนของคนอื่นเป็นการติดหมาย ทนายโจทก์กล่าวว่า การดำเนินการในส่วนอื่นมีลูกข่ายจะไปแถลงต่อศาลและลงบันทึกประจำวัน ส่วนอีก 2 คน คือ นายสุริยะใส กตะศิลา กับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ กับ จ.นครราชสีมา มีหมายจับอยู่แล้วแต่อาจไม่รับ อาจต้องแถลงและขอตั้งเจ้าพนักงานเลย ส่วนที่จะส่งเร็วสุดก็คือจดหมายด่วนอีเอ็มเอส ก็ต้องดูอีกที หลังจากนั้นต้องรอว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างใดอีก-รถไฟ-บขส.-ขสมก.จัดรถกลับฟรีนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้การรถไฟฯ ได้เตรียมความพร้อมขบวนรถไฟเพื่อรองรับกลุ่มประชาชนที่ผู้ร่วมชุมนุมที่ต้องการเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาไว้แล้ว โดยเป็นการเตรียมความพร้อมตามปกติจำนวน 50 ขบวน ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของผู้โดยสารนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด (บ.ข.ส.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บ.ข.ส.และ ขสมก.ได้รับการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้เตรียมรถไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อรองรับบริการประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีความประสงค์เดินทางกลับภูมิลำเนา ในส่วนของบ.ข.ส.จะให้บริการฟรี ได้เตรียมรถบ.ข.ส. รถร่วมบริการ และรถโดยสารไม่จำทาง หรือรถประเภท 30 ซึ่งเชื่อว่าจะมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการใช้ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับประสานงานให้นำรถไปรับประชาชน ณ สถานีขนส่งแห่งใด โดยจะรอการติดต่ออีกครั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีรถบ.ข.ส. บ.ข.ส.ได้เตรียมรถไว้ประมาณ 50-60 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถประเภท 30 และจะสามารถออกให้บริการได้ทันที หากได้รับการประสานงานจาก สตช.นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการประสานงานจาก พล.ต.ต. ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. ขอให้ ขสมก.จัดเตรียมรถฟรีอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนา โดย ขสมก.จะนำรถไปรับบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำไปส่งสถานีขนส่ง 3 แห่ง คือ สถานีขนส่งหมอชิต สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เพื่อให้ประชาชนสามารถต่อรถบ.ข.ส.เดินทางได้ต่อไป-สนนท.นำประณามพันธมิตรฯ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และองค์กรภาคี ประกอบด้วย กลุ่มกิจกรรมนักศึกษาเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหง องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ. ปัตตานี) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน (สนนอ.) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สนน.จชต.) เครือข่ายนักศึกษาเพื่อพิทักษ์ประชาชน (คพช.) และกลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิ๊ก ออกแถลงการณ์ประณามการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ระบุว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่า 1.ขอประณามการกระทำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ใช้กำลังและความรุนแรงในการบุกเข้ายึดสถานที่ราชการและสถานีโทรทัศน์ซึ่งเป็นการละเมิดกรอบและบทบัญญัติของกฎหมาย อันจะนำไปสู่การสร้างค่านิยมทางการเมืองว่าในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองต้องจบลงด้วยการใช้กำลังและความรุนแรง 2.ขอเรียกร้องให้แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยุติการสร้างเงื่อนไขต่างๆ ที่จะนำไปสู่การรัฐประหารเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง 3.ขอเรียกร้องให้รัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงอันจะนำไปสู่การเสียเลือดเนื้อของพี่น้องคนไทยด้วยกันเอง 4.ขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักอันจะนำไปสู่การสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ-รสนา-30 ส.ว.ชี้ข้อหากบฏแรงเกินที่รัฐสภา ส.ว.เลือกตั้งและส.ว.สรรหา 30 คน อาทิ นายตวง อันทะไชย นายสมชาย แสวงการ นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ร่วมหารือกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นนายตวงแถลงว่า ขอเรียกร้องรัฐบาลไม่ใช้ความรุนแรงในทุกทาง เห็นประชาชนเป็นพลเมืองแม้เห็นต่างจากรัฐบาล การตั้งข้อหากบฏกับ 9 แกนนำทำเกินกว่าเหตุ ผู้ชุมนุมมีเพียงไม้กอล์ฟ คงไม่พอไปเปลี่ยนแปลงการปกครองและล้มล้างประชาธิปไตยได้ กรณีคนของกลุ่มพันธมิตรฯ บุกเอ็นบีที สังคมอย่ามองมุมเดียว ภาพที่ออกมาเหมือนมีเงื่อนงำว่าจัดฉาก น.ส.รสนากล่าวว่า ไปดูเหตุการณ์ที่ทำเนียบคืนวันที่ 27 ส.ค. ผู้ชุมนุมร้อยละ 80 เป็นสตรีและคนพิการ ตำรวจเสริมกำลังเข้าไปเรื่อยๆ ไม่ได้ถอนออก ขอตำรวจอย่าใช้ความรุนแรง การตั้งข้อหา 9 แกนนำเป็นกบฏแรงเกินไป ถ้ารัฐบาลและ สตช.ถอนข้อหานี้ได้ดีกรีความร้อนแรงของเหตุการณ์จะลดลง คนผิดก็ต้องรับผิด แต่ต้องรับโทษเท่าที่เป็นจริง ส่วนการเสนอข่าวของเอ็นบีทีไม่นำภาพทั้งหมดออกฉาย เช่น ภาพตำรวจตีชาวบ้านหัวแตกช่วงกลางดึกวันที่ 26 ส.ค. ส.ว.มีภาพบันทึกเหตุการณ์จะให้สื่อช่องอื่นๆ เอาไปฉาย ช่วงบ่ายกลุ่มส.ว.จะไปดูเหตุการณ์ที่ทำเนียบ และพบ 80 คนที่ถูกจับเนื่องจากบุกสถานีเอ็นบีที ทราบว่าไม่มีโอกาสพบทนาย นายสมชายกล่าวว่า ส.ว.ไม่สนับสนุนการบุกเอ็นบีทีเพราะละเมิดสิทธิของสื่อ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าภาพที่ออกอากาศทางเอ็นบีทีมีบางมุมเสมือนจริงมากเหมือนรายการเรียลลิตี้โชว์ เป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยาฉายภาพรุนแรงซ้ำๆ ทำให้การชุมนุมดูไม่ชอบธรรมเพื่อใช้กำลังสลาย การที่นายกฯ ประกาศให้สื่อเลือกข้างทำให้โทรทัศน์เสนอแต่ภาพเอ็นบีทีโดนกระทำ แต่พอประชาชนโดนกระทำกลับไม่มีภาพ-หมักหลบสื่อให้"ณัฐวุฒิ"แถลงแทนเมื่อเวลา 13.50 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยหลบผู้สื่อข่าวที่รออยู่ด้านหน้าไปขึ้นห้องประชุมทางด้านหลัง พร้อมมอบหมายให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นายกฯ มอบหมายให้ตนแถลงหลักการของรัฐบาล ยืนยันไม่ใช้ความรุนแรงหรือกำลังทุบตีหรือสลายการชุมนุมแน่นอน แต่การดำเนินการตามกฎหมายทั้งกระบวนการของศาลอาญาและศาลแพ่งที่ออกมาก็ต้องเดินต่อไป จึงอยากเรียกร้องให้ 9 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามอบตัวและพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาล หากไม่เช่นนั้นอาจจำเป็นที่รัฐบาลจะใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อทำให้ทำเนียบใช้เป็นที่บริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้เพื่อแสดงความทระนงองอาจ หากประสงค์จะเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยเพื่อความถูกต้อง ต้องกล้ายืดอกเข้าหากระบวนการยุติธรรม แต่ภาพวันนี้มันไม่ใช่ พอมีหมายจับกลับไปตั้งกำแพงเอาเลือดเนื้อของประชาชนมาขวางกั้นเป็นเดิมพันนายณัฐวุฒิกล่าวว่า กรณีส.ว.ประกาศจะเข้าไปเยี่ยมกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นถือเป็นเรื่องดี แต่สถานการณ์ขณะนี้ต้องทำหน้าที่มากกว่านั้น คือการเข้าไปทำความเข้าใจให้กลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัวและเคารพกฎหมายบ้านเมืองด้วย เพราะจากการข่าวทราบว่าขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ก่อกำแพงกระเบื้องกั้นไว้ 1 ชั้น ก่อนที่จะถึงกำแพงมนุษย์ และมีการนำยางรถยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนหนึ่งเข้าไปไว้ในทำเนียบ ทั้งหมดถือเป็นเชื้อเพลิงที่ร้ายกาจ ดังนั้น เมื่อประชาชนทราบว่ามีสิ่งเหล่านี้ก็ขอให้แจ้งกับคนรู้จักที่เข้าไปอยู่ภายในทำเนียบให้ออกมาเพราะอาจเกิดเหตุร้ายแรงได้-85 อจ.หมอติงอย่าใช้แต่นิติศาสตร์เวลา 13.20 น. กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา ประมาณ 10 คน นำโดย นางรสนา โตสิตระกูล นางสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ นายสมชาย แสวงการ เป็นต้น เข้าเยี่ยมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเดินให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมทั่วบริเวณ โดยโฆษกบนเวทีประกาศบอกผู้ชุมนุมตลอดเวลานางรสนา กล่าวว่า อยากฝากไปถึงรัฐบาลว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง อยากให้ใช้วิถีทางการเมืองเข้าแก้ปัญหา อย่าเพิ่มดีกรีความรุนแรงด้วยการตั้งข้อกล่าวหาที่หนัก และอยากขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แก้ข้อกล่าวหา เพราะเรื่องกบฏแรงเกินไป ส่วนความผิดอื่นค่อยว่ากันตามกฎหมายวันเดียวกัน คณาจารย์และนักวิชาการทางการแพทย์และสาธาณสุข 85 คน ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์เรื่อง "สถานการณ์ความขัดแย้งของบ้านเมือง" ระบุว่า วิตกกังวลกับสถานการณ์และความขัดแย้งในขณะนี้ จะนำไปสู่ความรุนแรงและการต่อสู้กันของชนในชาติ ส่งผลเสียหายหนักกว่าทุกครั้ง กลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อเห็นว่าระบบการเมืองปัจจุบันมีปัญหา ไม่อาจอาศัยกลไกทางรัฐสภาโดยวิธีปกติแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติได้ จึงกดดันนอกสภาเพื่อให้รัฐบาลลาออก หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้น แต่รัฐบาลเพิกเฉย ทำให้การกดดันทวีความเข้มข้น เสี่ยงจะเกิดวิกฤตสถานการณ์ความรุนแรง จึงเห็นว่าปัญหาทางการเมืองขณะนี้ควรแก้โดยวิถีทางการเมืองเท่านั้น การบังคับใช้กฎหมายหรือใช้หลักนิติศาสตร์ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ นำไปสู่ความรุนแรงให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้น เพราะความขัดแย้งขณะนี้เป็นความขัดแย้งในระดับหลักการพื้นฐานของระบบการเมืองไทย รัฐบาลอาจต้องเสียสละให้เกิดกระบวน การที่นำไปสู่การร่วมมือกันเพื่อสร้างระบบการเมืองและกติกาใหม่ที่ทุกกลุ่มยอมรับ-พัลลภฟุ้งจะรบรุกแค่ 3 วันชนะทางด้านพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เพื่อนร่วมรุ่นจปร.7 ของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศขึ้นเวทีขับไล่รัฐบาลว่า ตนจะขึ้นเวทีต่อเมื่อพล.ต.จำลองถูกตำรวจจับกุม ถือเป็นสัญญาใจที่ตนกับเพื่อนรักเพื่อนตายได้สัญญาต่อกัน 2 ข้อตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ข้อแรกคือถ้าวันใดพล.ต. จำลองโดนตำรวจจับ ตนจะเข้าไปแทนทันที อีกข้อคือยุทธวิธีต่อสู้ แนวทางของตนกับพล.ต.จำลองไม่ตรงกัน พล.ต.จำลองใช้วิธีอหิงสา แต่ตนใช้ปฏิบัติการรุก ตนคงไม่ใช้วิธีตั้งรับเหมือนพล.ต.จำลอง ตนไม่ได้เพิ่งตัดสินใจขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แต่ตัดสินใจมานานแล้วตามที่ตกลงกันไว้ หากพล.ต.จำลองถูกจับสถานการณ์คงวุ่นวายแน่ ตนมีวิธีทำให้รัฐบาลและนายกฯ ลาออกแต่บอกไม่ได้ คาดว่าปฏิบัติการเพียง 3 วัน รัฐบาลต้องลาออกยกชุด เพราะยุทธวิธีรุกไม่เหมือนยุทธวิธีรับของพล.ต.จำลอง การขึ้นเวทีครั้งนี้ไม่มีใครหนุนหลัง แต่ถึงเวลานั้นคงมีคำตอบว่าทหารจะอยู่ข้างตนหรือข้างไหน "คิดว่า 3 วันคงเพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลลาออก ผมจะใช้วิธีที่สั้นที่สุด ไม่ใช้วิธีที่ยืดเยื้อแบบนี้ การขึ้นเวทีครั้งนี้ไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลัง เป็นข้อตกลงที่ผมยึดถือมาตลอด ที่ผ่านมา 100 วันผมไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพียงแต่ติดตามสถานการณ์และเปิดทีวีดูเท่านั้น แต่วันใดที่พล.ต.จำลองถูกจับเข้าคุกก็จะขึ้นเวทีเพื่อประกาศชัยชนะให้กับพันธมิตรฯ ทันที รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารมานานแล้ว นายกฯ และครม.ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก" พล.อ.พัลลภกล่าว -นครบาลจี้ปฏิบัติตามศาลสั่งหลังเสร็จการประชุมก.ตร. นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ขอเวลาเป็นส่วนตัว 1 ช.ม. จากนั้นเวลา 17.00 น. นายกฯ เดินทางไปรัฐสภา เนื่องจากรับปากจะมาตอบกระทู้เรื่องการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่นายกฯ เพียงเซ็นชื่อและกลับออกไปทันที โดยกล่าวสั้นๆ ว่า ขอเลื่อนเขาไปก่อนแต่ครั้งหน้าจะมาตอบคำถามแน่นอน เมื่อถามว่าวันที่ 29 ส.ค. จะไปทำงานที่ดีเอสไอใช่หรือไม่ นายสมัคร ยอมรับว่าช่วงเช้าไปที่ดีเอสไอ บ่ายรับปากจะไปที่สถานทูตคาซัคสถาน พร้อมยืนยันระหว่างวันที่ 2-4 ก.ย. จะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นแน่นอนวันเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจนครบาลออกประกาศ เรื่อง แจ้งเตือนให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ระบุ ตามที่แกนนำพันธมิตรฯ กับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในทำเนียบ ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. จนถึงขณะนี้เป็นเหตุให้ครม. ข้าราชการ และผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบไม่สามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ตามปกติ กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ส.ค. สำนักเลขาธิการครม. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกลุ่มแกนนำทั้ง 6 คน เป็นจำเลยต่อศาลแพ่งข้อหากระทำละเมิด และศาลแพ่งออกหมายห้ามชั่วคราวให้จำเลยและกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบ และบริเวณพื้นที่ทำเนียบทั้งหมดให้รื้อถอนเวทีปราศรัยรวมทั้งสิ่งกีดขวางออกไป และให้เปิดพื้นที่จราจรถนนพิษณุโลก ถ.ราชดำเนิน เพื่อให้ประชาชน ครม. ข้าราชการ และผู้ปฏิบัติงานในทำเนียบสามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวก ให้คำสั่งศาลมีผลทันที กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงแจ้งเตือนและขอความร่วมมือมายังกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังอยู่ภายในทำเนียบให้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล โดยรื้อถอนเวทีและเคลื่อนย้ายออกไปจากทำเนียบโดยทันที หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างดี เพื่อเคารพคำสั่งศาล และให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง-เครือข่ายสื่อเยาวชนติงข่าวเอ็นบีทีวันเดียวกัน เครือข่ายสื่อเพื่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว ประกอบด้วย เครือข่ายเพื่อสื่อสาธารณะ เครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ เครือข่ายวิทยุเพื่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว เครือต้นกล้าสื่อ จ.สงขลา เครือข่ายเด็กผลิตสื่อขบวนการตาสับปะรด เครือข่ายเท่าทันสื่อ สงขลาฟอรั่มเพื่อประชาคมพลเมืองเด็ก เครือข่ายสื่อภาคประชาชนภาคเหนือ เครือข่ายเยาวชนเพื่อการพัฒนา มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวเครือข่ายเด็กและเยาวชน จ.บุรีรัมย์ และเครือข่ายเยาวชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ออกแถลงการณ์ เรียกร้องสถานีเอ็นบีที อย่าเสนอข่าวที่จะปลุกระดมประชาชนให้เกลียดชังกันมากขึ้นขณะเดียวกัน นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กว่า 20 คน ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหารือทางออกวิกฤตบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จากนั้น นายจรัส สุวรรณมาลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้พันธมิตรฯยอมรับคำสั่งศาล ถอนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล ที่ผ่านมาถือว่าพันธมิตรฯได้ยกมาตรฐานประชาธิปไตยของประเทศ ประท้วงโดยสงบ เมื่อมีคำสั่งศาลออกมา ควรยอมรับกติกา ซึ่งผู้ประท้วงทราบดีว่าการต่อสู้แบบอารยะขัดขืนด้วยการยึดสถานที่ราชการ จะเป็นการละเมิดกฎหมาย ดังนั้น ต้องยอมรับ และเคารพในกฎหมาย เพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีของการเมืองไทยต่อไป-ศาลแพ่งตั้งพนักงานบังคับคดีเวลา 13.30 น. ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายเมธี ใจสมุทร ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในคดีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ เป็นจำเลยที่ 1-6 เรื่องละเมิดและขับไล่ออกจากทำเนียบ ซึ่งศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ให้มีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี หลังจากกลุ่มพันธมิตรฯยังไม่ออกจากทำเนียบศาลได้เปิดห้องพิจารณาคดี 403 ไต่สวนนายเมธี กระทั่งเวลา 16.30 น. ศาลมีคำสั่งว่า จากการไต่สวนโจทก์ยืนยันว่าจำเลยที่ 1-6 ยังอยู่ในพื้นที่บริเวณทำเนียบหลังจากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ศาลจึงมีคำสั่งให้แต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้โจทก์เป็นผู้นำเจ้าพนักงานบังคับคดี จัดการให้เป็นไปตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายเมธีกล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งหมายให้กับแกนนำพันธมิตรฯไปบางส่วน ที่เหลือยังส่งไม่ได้เพราะไม่มีคนมารับแทน คำสั่งศาลย่อมมีผลทันทีและพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้รับโดยชอบแล้ว จึงนำข้อมูลตรงนี้แถลงต่อศาลว่าจำเลยทั้ง 6 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ขอตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ที่พันธมิตรฯยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราวเป็นกระบวนการตามกฎหมาย แต่จะสิ้นสุดแค่ชั้นอุทธรณ์ไม่น่าจะถึงชั้นฎีกา เมื่อถามว่าการขอตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ประสานมาหรือไม่ นายเมธีกล่าวว่า อาจมีส่วนเพราะมีการสอบถามมาว่าทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการอย่างไรบ้างแล้ว เพราะเมื่อมีการบังคับคดีก็ต้องขอความร่วมมือจากตำรวจ เมื่อถามว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลจะมีผลอย่างไร นายเมธีกล่าวว่า ศาลอาจมีคำสั่งออกหมายจับ -ทนายกู้ชาติยื่นอุทธรณ์ศาลแพ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับขั้นตอนการบังคับคดีตามคำสั่งศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 296 ทวิ กำหนดว่าถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล โจทก์มีอำนาจร้องขอศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี มาตรา 296 ตรี เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจรื้อถอนสิ่งกีดขวางและขนย้ายสิ่งของของจำเลย หากการขนย้ายมีค่าใช้จ่ายให้จำเลยเป็นผู้รับผิดชอบ มาตรา 296 จัตวา (1) ถ้าจำเลยไม่ออกจากสถานที่ขับไล่ เจ้าพนักงานบังคับคดีร้องศาลมีคำสั่งจับกุมคุกขังจำเลย ตามมาตรา 300 ศาลจำคุกจำเลยได้ครั้งละไม่เกิน 6 เดือน จนกว่าจำเลยจะยอมปฏิบัติตามคำสั่งศาล เวลา 15.00 น. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำพันธมิตรฯได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา คำร้องหนา 15 หน้า สรุปว่า ที่จำเลยต้องมาชุมนุมหน้าทำเนียบ ถนนพิษณุโลก และถนนราชดำเนิน เนื่องจากรัฐบาลเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของจำเลย สร้างความร้าวฉานในสังคมโดยใช้สื่อของรัฐคือสถานีเอ็นบีที โจมตีหน่วยงานของรัฐที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการบริหารประเทศของรัฐบาล การชุมนุมของจำเลยและกลุ่มประชาชนมีเหตุผลของความชอบธรรม และเป็นการใช้สิทธิ์ชุมนุมทางการเมืองโดยสงบปราศจากอาวุธตามมาตรา 63 ประกอบ มาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญ -กร้าวคำสั่งศาลแพ่งขัดรัฐธรรมนูญการที่ศาลแพ่งออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวโดยนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยเรื่องการคุ้มครองชั่วคราวระหว่างพิจารณา ซึ่งมิใช่กฎหมายเฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะมาใช้บังคับ เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ จึงเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จำเลยทั้ง 6 ยืนยันด้วยว่าการเข้าไปทำเนียบของกลุ่มประชาชนเป็นการใช้สิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะทำเนียบเป็นสถานที่ราชการ เป็นสาธารณะสถานที่บุคคลสามารถจะเข้าไปได้ และไม่ได้เป็นการบุกรุกเพราะเจ้าหน้าที่ทำเนียบเปิดประตูให้เข้าไปได้ และประชาชนก็อยู่บริเวณสนามหญ้าในทำเนียบไม่ได้เข้าไปในตัวอาคารและทำลายทรัพย์สินแต่อย่างใด จำเลยยื่นอุทธรณ์ประเด็นข้อกฎหมายด้วยว่า การที่ศาลแพ่งมีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบและให้รื้อถอนเวทีปราศรัยรวมทั้งสิ่งกีดขวาง เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีแพ่งต้องใช้บังคับกับจำเลยเท่านั้น บุคคลผู้มาชุมนุมไม่ใช่บริวารของจำเลย การที่ศาลแพ่งมีคำสั่งรวมไปถึงบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดีย่อมเป็นการสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและไม่อาจปฏิบัติตามคำสั่งได้ จึงขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกคำสั่งที่ศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว -ศาลแพ่งรับพิจารณาคำอุทธรณ์และหากศาลอุทธรณ์เห็นว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีอำนาจนำบทบัญญัติตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ซึ่งมิใช่กฎหมายเฉพาะเพื่อการชุมนุมสาธารณะมาใช้บังคับ สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 จำเลยทั้ง 6 ก็เห็นว่าบทบัญญัติของประมวลกฎหมายของวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากศาลอุทธรณ์จะใช้บทบัญญัติ ดังกล่าวมาบังคับ ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์ส่งสำนวนไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยปัญหาความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเสียก่อนจำเลยยังยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วย โดยจำเลยทั้ง 6 เห็นว่าเมื่อรัฐบาลใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ การชุมนุมจึงต้องมีต่อไปจนกว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามคำเรียกร้องของผู้ชุมนุม กรณีนี้จึงมีเหตุฉุกเฉินอย่างยิ่งที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีเพื่อรอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ไว้ก่อน แต่หากศาลชั้นต้นเห็นว่ายังไม่สมควรจะสั่งคำร้องนี้ขอให้ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเป็นการด่วนตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 โดยศาลแพ่งรับคำอุทธรณ์และคำร้องทุเลาบังคับคดี ไว้พิจารณา-ลุยบี้ต่อเพิกถอนหมายจับ"กบฏ"นายสุวัตร กล่าวว่า การขอเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรของศาลอาญาได้ไปขอคัดเอกสารมาหมดแล้ว เพื่อมาดูว่าที่ตั้งข้อหากบฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 114 และ 116 ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่ถูกต้องเพราะพันธมิตรไม่ใช่กบฏ คำว่ากบฏหมายถึงยึดอำนาจรัฐโดยใช้อาวุธ แต่พันธมิตรเรียกร้องให้รักษารัฐธรรมนูญไว้ อย่าแก้รัฐธรรมนูญ ให้รัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายดำเนินคดีต่อคนผิดและเอามาลงโทษ ฉะนั้นข้อหากบฏถือว่าเป็นการแจ้งความเท็จ ตนจะดำเนินการฟ้องร้องคนที่ไปแจ้งความอีกทีหนึ่ง และเมื่อได้เอกสารแล้วจะทำคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ 9 คน ถ้าศาลชั้นต้นไม่เพิกถอนให้ก็จะอุทธรณ์ต่อ ยกตัวอย่างคดีแบบนี้เคยมีให้เห็นอยู่แล้ว คือคดีของนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่เคยถูกออกหมายจับแล้วท่านอยู่ต่างประเทศ ท่านจึงยื่นคำร้องขอเพิกถอนหมายจับ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไม่ยกเลิกก็ได้อุทธรณ์ไป และก็ได้รับการเพิกถอนหมายจับทั้งหมด นายสุวัตรกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ทนาย ความกับกลุ่มพันธมิตรฯแตกคอกัน แล้วจะไม่ว่าความให้อีกว่าไม่เป็นความจริง เราไม่ได้แตกคอกัน การที่จะไม่ว่าความให้ต่อไปอีกนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะตนกับนายสนธิเป็นเพื่อนกัน ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความจากสภาทนาย ความ เปิดเผยถึงกรณีการจับกุมกลุ่มนักรบศรีวิชัย 82 คน ผู้ต้องหาใช้กำลังบุกรุกสถานีเอ็นบีที ว่า ขณะนี้ตนและทีมทนายความกำลังร่างคำร้องขอประกันตัวกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 82 คน อยู่ระหว่างการเขียนรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ต้องหาแต่ละราย หลังจากศาลอาญาอนุญาตให้พนักงานสอบสวนสน.สุทธิสาร ฝากขังครั้งแรกผู้ต้องหาทั้งหมด และไม่อนุญาตให้ประกันผู้ต้องหา 2 คนที่ยื่นคำร้องขอประกันตัวไปก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารใบแต่งตั้งทนายที่นำไปให้ผู้ต้องหาทั้ง 82 คนที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางลงชื่อ ส่วนหลักทรัพย์ที่ใช้ยื่นประกันนั้นจะมีมูลค่าคนละ 2 แสนบาท โดยคาดว่าจะยื่นคำร้องขอประกันต่อศาลอาญาได้ในเร็วๆ นี้-บช.น.เตรียมป้ายห้ามเข้าทำเนียบเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจของบช.น. ได้นำป้ายผ้าสีขาว ขนาด 50x50 ซ.ม. เขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงข้อความว่า "ห้ามเข้าตามคำสั่งศาลฯ ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย" จำนวน 5 ป้ายแปะติดแผงเหล็กหน้ากองอำนวยการร่วม และตั้งไว้ด้านหลังบช.น. ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ โดยเกรงว่าหากนำป้ายดังกล่าวมาตั้งหน้าทำเนียบ อาจเกิดการปะทะกับผู้ชุมนุมจึงยังไม่เคลื่อนย้ายไปจากนั้นเวลา 19.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา แถลงว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยจะให้มวลชนมารวมตัวกันที่มั่นสุดท้ายคือทำเนียบ ส่วนบริเวณสะพานมัฆวานฯ จะขนย้ายเครื่องเสียงและอุปกรณ์มาไว้ที่เวทีใหญ่ทำเนียบทั้งหมด แต่หากมวลชนมีจำนวนมากจะเปิดการชุมนุมอย่างคู่ขนาน คาดว่าจะชุมนุมต่อเนื่องไปอีก 2-3 วัน แม้ศาลจะมีคำสั่งให้รื้อถอนเวทีก็ตาม โดยใช้สิทธิตามมาตรา 63 ซึ่งหากจะยุติปัญหาทั้งหมดลงได้ นายกฯ และรัฐมนตรีต้องลาออก เมื่อลาออกเมื่อไหร่การชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็จะยุติ นายสุริยะใส กล่าวว่า วันที่ 29 ส.ค. เราจะให้ทีมทนายของพันธมิตรฯ ยื่นอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับของศาลอาญาในข้อหากบฏ และคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง คาดว่าจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ ขณะนี้แกนนำยังไม่เห็นคำสั่งของศาลแพ่งและยังไม่มีใครนำมาให้แกนนำ แต่หากยังไม่มีการดำเนินการอาจใช้กรณีเทียบเคียงของนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยใช้สิทธิ์ยื่นศาลปกครองต่อไป อย่างไรก็ตาม ในคำสั่งของศาลแพ่งต้องแยกแยะ ถ้าให้เฉพาะแกนนำออกจากทำเนียบฯ ผู้ชุมนุมก็ไม่ต้องออกไปเพราะการชุมนุมขณะนี้เป็นการต่อสู้ทางการเมือง-ติดประกาศบังคับคดี 29 ส.ค.เมื่อเวลา 20.00 น. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง กล่าวว่า หลังจากศาลมีคำสั่งกรมบังคับคดีได้ส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานกับตำรวจโดยตนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น. ควบคุมดูแลการดำเนินการนำหมายบังคับคดีไปที่ทำเนียบรัฐบาล โดยในวันศุกร์ที่ 29 ส.ค. เวลา 08.00 น. เป็นเวลานัดหมายที่เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีกับทางตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) จะเดินทางไปที่ศาลแพ่ง หลังจากนั้นจะนำหมายของศาลไปติดประกาศให้กลุ่มพันธมิตรฯ รับทราบ เพื่อให้มีการรื้อถอนเวที เต็นท์ ตามคำสั่งของศาลพล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะรื้อถอนเวที เต็นท์ หรือไม่ ทางตำรวจกับเจ้าหน้าที่บังคับคดีจะดำเนินการตามคำสั่งของศาล ที่ผ่านมาตนไม่ได้พูดคุยกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด แต่คิดว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันน่าจะพูดกันรู้เรื่อง ส่วนกรณีกำลังจำนวน 8 กองร้อย รวม 1,200 นาย ที่อยู่ภายในทำเนียบ ที่มีกระแสข่าวว่าถูกกักตัวอยู่นั้น จริงแล้วไม่ได้ถูกกักตัว แต่เป็นการมอบหมายภารกิจให้ดูแลความเรียบร้อยด้านอาคารสถานที่ภายในทำเนียบ รวมทั้งดูแลความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมไปด้วยนายธงทอง จันทรางศุ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงศาลแพ่งสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อบังคับกลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาลว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีคงจะออกประกาศของกรมบังคับคดีไปปิดประกาศที่หน้าทำเนียบ ให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบทันที ตามคำสั่งของศาล แต่ยอมรับว่าไม่ทันภายในเย็นวันที่ 28 ส.ค."หากเจ้าพนักงานปิดประกาศแล้ว ผู้ชุมนุมมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ถ้ายังฝ่าฝืน สำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นโจทก์ จะร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี จากนั้นเจ้าพนักงานฯ จะร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ อีกครั้ง" นายธงทอง กล่าว-รถไฟอีสานป่วน-หยุดวิ่ง 2 วันเมื่อเวลา 17.30 น. ที่สถานีรถไฟนครราชสีมา ได้มีประชาชนที่เตรียมจะขึ้นโดยสารรถไฟเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ออกมาโวยวายแสดงความไม่พอใจที่ทางนายสถานีประกาศให้ทราบว่า รถไฟทุกขบวนได้หยุดวิ่งทั้งหมดเป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 51-30 ส.ค. 51 ทั้งนี้รถไฟเที่ยวสุดท้ายที่รับส่งผู้โดยสารก่อนจะหยุดวิ่งคือ ขบวนรถเร็วที่ 140 วิ่งจากอุบลราชธานี ถึงปลายทางกรุงเทพฯ โดยออกจาก จ.อุบลราชธานี เวลา 19.30 น. (28 ส.ค. 51) ถึง จ.นครราชสีมา เวลา 00.51 น. (29 ส.ค. 51) เนื่องจากพนักงานขับรถป่วยไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขอให้ผู้โดยสารได้ช่วยเหลือตนเองด้วยการเดินทางด้วยวิธีอื่นก่อนในช่วง 2 วันนี้ นายสาธร สินปรุ ประธานสหภาพแรงงานรัฐ วิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขานครราช สีมา กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องหยุดวิ่งเพราะพนักงานขับรถรวมทั้งช่างซ่อมและพนักงานเดินรถเกือบ 100 คน แจ้งว่าลาป่วยเนื่องจากไม่สบายใจในการที่จะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนได้รายงานให้สหภาพฯส่วนกลางและฝ่ายจัดการเดินรถทราบแล้ว ซึ่งการลาจะใช้สิทธิ์ 2 วัน แต่ถ้าสภาพจิตใจไม่พร้อมปฏิบัติงานก็คงต้องลาต่ออีกเพราะหากฝืนทำหน้าที่ไปก็อาจจะเกิดอันตรายได้ เรื่องนี้ตนได้แจ้งให้ฝ่ายเดินรถทราบและให้แจ้งกับผู้โดยสารว่าพนักงานทั้งหมดป่วย ไม่มีรถวิ่งออกจากโคราชให้ผู้โดยสารไปใช้วิธีการเดินทางอย่างอื่นแทน รถที่มาจากอุบลฯ อุดรธานี และ หนองคาย คันสุดท้ายจะหมดภายใน 6 ทุ่มคืนวันที่ 28 ส.ค.นี้ ส่วนรถที่ออกจากกรุงเทพฯ มายังภาคอีสานจะเดินรถมาหรือไม่ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของสหภาพฯ ส่วนกลางที่จะตัดสินใจ -แฉร่วมมือพันธมิตรกดดัน"หมัก"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุของการประท้วงลาหยุดงานพร้อมกันของเจ้าหน้าที่การรถไฟฯครั้งนี้ เป็นมาตรการหนึ่งที่สหภาพฯ ร่วมกับพันธมิตรฯ ใช้กดดันรัฐบาลนายสมัครให้ลาออก โดยในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย สาขานครราชสีมา ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง สถานการณ์ของการรถไฟในปัจจุบัน โดยระบุว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ติดตามความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงกับการรถไฟแห่งประเทศไทย อาทิ โครงการแอร์พอร์ตลิงก์, ที่ดินรถไฟเขากระโดง, ความพยายามที่จะแก้ไข พ.ร.บ.การรถไฟฯ พ.ศ.2494 ซึ่งจะส่งผลต่อการยกเลิกบำเหน็จบำนาญของเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ การให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเดินรถ และการยกเลิกมติ ครม. เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 เรื่องการควบคุมอัตรากำลังของพนักงานการรถไฟ รวมทั้งนโยบายให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟรี 6 เดือนของรัฐบาล โดยรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับการรถไฟไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลอ้างว่าไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้รองรับ ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบต่อสถานะการเงินของการรถไฟฯ และอาจทำให้มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการด้านเงินเดือน ค่าจ้าง และสวัสดิการของพนักงานการรถไฟ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ของการรถไฟฯ ได้อยู่ในจุดที่วิกฤตที่สุดอีกครั้งหนึ่ง การที่จะนำพาการรถไฟฯ ให้รอดพ้นวิกฤตนี้ได้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากสมาชิกและพนักงานทุกท่านเพื่อประโยชน์ของการรถไฟและตัวท่านเอง-รถไฟประกาศงดสายอีสานแล้วนายถวิล สามนคร รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะรักษาการผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการร.ฟ.ท. ได้เดินทางไปราชการประเทศอินเดีย และมอบหมายให้ตนทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งผู้ว่าฯแทนจนถึงวันที่ 31 ส.ค. ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่า ขบวนรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือได้ทยอยหยุดเดินรถให้บริการผู้โดยสารและมีการคืนตั๋วโดยสารให้กับผู้โดยสารเต็มจำนวน ส่วนภาคอื่นๆ ตนยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการหยุดเดินรถ อย่างไรก็ตาม ร.ฟ.ท.ได้เตรียมแก้ไขปัญหาด้วยการสั่งการให้พนักงานขับสำรองเดินทางไปกับขบวนรถในสายต่างๆ ด้วย หากพนักงานขับลาหยุดกลางทาง ก็ให้พนักงานขับสำรองปฏิบัติหน้าที่แทนทันทีนายไพรัช โรจน์เจริญงาม ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์และการท่องเที่ยวการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องจากพนักงานขับรถไฟ ได้ลาหยุดงานโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงจำเป็นต้องงดเดินรถโดยสารในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือบางขบวน คือ ขบวนรถด่วนดีเซลราง 73 กรุงเทพฯ-ศรีขรภูมิ, ขบวนรถด่วนดีเซลราง 77 กรุงเทพฯ-หนองคาย, ขบวนรถเร็ว 143 กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ขบวนรถเร็ว 145 กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และขบวนรถท้องถิ่น 2 ขบวน คือ ขบวน 417 นครราชสีมา-อุดรธานี และขบวน 429 นครราชสีมา-บัวใหญ่ ส่วนสายเหนือ มีขบวนรถเร็ว 105 กรุงเทพฯ-ศิลาอาสน์ ขบวนรถเร็ว 107 กรุงเทพฯ-เด่นชัย นอกจากนี้ ยังงดเดินขบวนรถสินค้าน้ำมันดิบ ระหว่างบึงพระ-แม่น้ำ 5 ขบวน คือ 631, 632, 634, 636 และ 637 สำหรับการเดินรถในเส้นทางสายอื่นๆ ยังไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งหากมีปัญหาใดเกิดขึ้นแล้ว ทางศูนย์ประชาสัมพันธ์ฯ การรถไฟฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป-สั่งลดความรุนแรงของการ์ดเวลา 20.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล นายกิตติชัย ใสสะอาด รองสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทำหน้าที่ดูแลการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าชี้แจงถึงกรณีการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ กระทบกระทั่งกับผู้สื่อข่าวหลายครั้งว่า สั่งการให้การ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ หรือนักรบศรีวิชัยทุกคนปลอดอาวุธเพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ขอความร่วมมือสื่อมวลชนติดบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวทุกคน เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบง่าย ในส่วนการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ จะติดบัตรประจำตัวสีแดงและสีดำ ผูกผ้าพันคอที่พล.ต.จำลองเป็นผู้ออกให้ หลังจากนี้อาจพิจารณาลบคำว่า "นักรบ" ออก เหลือเพียง "ศรีวิชัย" เท่านั้น หากผู้ใดพบบุคคลที่แอบอ้างเป็นการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ไม่แต่งกายในลักษณะดังกล่าว ขอให้แจ้งบริเวณหลังเวทีปราศรัย เพื่อตรวจสอบต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปราศรัยบนเวทีได้ประ กาศให้ผู้ชุมนุมมองสื่อมวลชนทุกแขนงเหมือนพี่น้อง เพราะหากเอเอสทีวีถูกปิดตัวหรือตัดสัญญาณ จะได้มีสื่อแขนงอื่นทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทน -ขอศาลรธน.ตีความ-เปล่าดื้อแพ่งเมื่อเวลา 21.15 น. นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสนช. กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า วันที่ 29 ส.ค. ตนจะนำคำวินิจฉัยของศาลแพ่งที่จะให้ผู้ชุมนุมออกจากทำเนียบ ไปยื่นต่อศาลอุทธรณ์และร้องต่อศาลอุทธรณ์ให้นำคำวินิจฉัยของศาลแพ่ง ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความตามมาตรา 216 ดังนั้น ในระหว่างนี้คำวินิจฉัยของศาลแพ่งไม่สามารถใช้ได้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย นายประพันธ์กล่าวว่า ตนเป็นนักกฎหมายรู้กฎหมายเป็นอย่างดี การที่หนังสือพิมพ์ไปพาดหัวข่าวว่าพันธมิตรดื้อแพ่งเป็นสิ่งไม่ถูก เพราะคดีดังกล่าวยังมีขั้นตอนและกระบวนการอีกมาก เราไม่ได้หนี ไม่ได้กลัว แต่ต้องยอมรับว่าคำสั่งของศาลแพ่งถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะเป็นคดีแรก ไม่เคยมีคดีแบบนี้มาก่อน คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้เฉพาะแกนนำ ไม่ใช่มีไว้บังคับผู้ชุมนุม ดังนั้น การตั้งเจ้าหน้าที่บังคับคดีก็มาบังคับคดีได้แค่ 6 คน แต่ไม่สามารถจะเอาประชาชนออกจากทำเนียบได้ ไม่ทราบว่าคำสั่งศาลแพ่งจะบังคับกับประชาชนที่มาชุมนุมได้หรือไม่ กรมบังคับคดีไม่ใช่เจ้านายจะมาบังคับเราได้อย่างไร และคดีดังกล่าวเป็นคดีเกี่ยวกับการเมืองไม่ใช่เอกชนกับเอกชนที่จะมาบังคับกันได้ ตนต้องตอบโต้สื่อขอให้ไปเชิญอาจารย์ที่เป็นสื่อมวลชนทั้งหมดมาโต้กับตน จะเถียงให้หัวคว่ำไม่รู้จริงยังมาเขียนว่าเราดื้อแพ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: