วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เหะหะการเมืองโลก

คอลัมน์ ปริทรรศน์โลก โดย บุญเกิด สุทวีทรัพย์
สถานการณ์การเมืองและบ้านเมืองของไทยเวลานี้ เล่นเอาสถานการณ์การเมืองและบ้านเมืองเมืองนอกเมืองนา ไม่ว่าใกล้หรือไกลออกไปจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมแม้กระทั่งเรื่องการประชุมใหญ่แต่งตั้งตัวแทนพรรคเดโมแครต เพื่อลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐประจำปีนี้ ที่ปกติต้องนับเป็นเรื่องใหญ่ คล้ายๆ กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีโลก กลายเป็นเรื่องที่หลุบอยู่ในเงามืดชั่วขณะเป็นเงามืดอันเกิดจากปรากฏการณ์ "สุริยุปราคา" และ "จันทรุปราคา" แห่งการเมืองของเมืองไทย หรือ "กรุงสยาม" อะไรประมาณนั้น และเข้าสู่ภาวะเงามืดเกือบเต็มดวง แทบจะในทันทีที่โอลิมปิคเกมส์ที่กรุงปักกิ่งปิดฉากลง พร้อมกับประกาศให้โลกได้รับรู้ถึง "กำเนิดใหม่" ของกรุงปักกิ่งที่ "ทันสมัย" กว่าเดิมเป็น "กรุงปักกิ่ง" ที่สะอาดสะอ้าน ผ่านพ้นภาวะไอเสียแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ และยังมีอาคารสัญลักษณ์ หรือ "แลนด์มาร์ก" ใหม่มาประดับเพิ่มขึ้น จนเกือบจะแทนที่อาคาร "มหาศาลาประชาชน" เดิมซึ่งก็ได้แก่ อาคารสนามกีฬาแห่งชาติ "รังนก" ที่ใหญ่โตระดับ "มหา" เช่นกันหรือจะเป็นอาคารสนามกีฬาว่ายน้ำที่โชว์ลวดลายผิวเนื้ออาคาร "น้ำ" หรือ "ลายน้ำ" อย่างที่ไม่มีใครทำกันมาก่อน...ว่ากันตามจริง "กรุงปักกิ่ง" นับตั้งแต่กำเนิดเป็นเมืองหลวงของจีนนั้น เปรียบเสมือน "เบอร์ลิน" เมืองหลวงแห่งอาณาจักรปรัสเซียเยอรมันในอดีต ที่เคยเลื่องลือกันว่าเป็นเมืองหลวงแห่งทวีปยุโรป ส่วนกรุงปักกิ่งนั้น คือเมืองหลวงของทวีปเอเชีย และการลงทุนปรับปรุงอาคารสถานที่ตลอดจนถนนหนทางและระบบสาธารณูปโภค ระบบการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อรับเทศกาลโอลิมปิคก็ได้ช่วยอัพเกรดหรือยกระดับ "ความทันสมัย" ของกรุงปักกิ่งครั้งใหญ่ ขณะที่การลงทุนด้านการแสดงก็ได้ช่วยปรับหน้าปรับตามุมการเมืองของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างแหลมคม ส่งผลโดยอ้อมให้กับภาพลักษณ์เสน่หาทางการเมืองของจีนต่อดินแดนในอาณัติปกครองอย่างทิเบต ทำนองว่า จีนทุกวันนี้หาใช่เป็นเหมือนยักษ์มารสังคมนิยมอย่างอดีต ยุคปฏิวัติวัฒนธรรม พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินไปทั่วดาลโลกและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยของไทยก็กำลังทำหน้าที่คล้ายๆ หน่วยพิทักษ์ปฏิวัติแดงของจีนตอนนั้น ภายใต้ข้ออ้างอุดมการณ์ปฏิวัติ "เอาคืน" ให้กับประชาชน..."เอาคืน" ให้กับกลุ่มทุนชาตินิยมภายใน ภายใต้การบดเบียดจากกระแสทุนสากลนิยม หรือทุนโลกาภิวัติสมัยใหม่ เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมานับหลายร้อยปีมาแล้ว และเห็นได้ชัดในหมู่ชาวไทยและชาวสยาม ตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา ที่เริ่มเอาอย่างฝรั่งมังค่าด้วย นอกเหนือจากจีน อินเดีย และเปอร์เซียส่วนรัสเซียและกลุ่มชาติริมทะเลบอลติกที่ได้เห็นสริยุปราคาเต็มดวงเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก็ได้เข้าสู่สงคราม "รักษาสันติภาพ" ให้กับชาวออสเซเทียใต้กับกองทัพของชาวจอร์เจีย สมกับความเชื่อของเหล่านักฟิสิกส์โหราศาสตร์ และสถานการณ์การเผชิญหน้าขัดแย้งของฝ่ายต่างๆ ได้ผ่อนคลายลงเป็นอันมาก นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว พร้อมกับที่จีนและกลุ่มเอเชียกลางอันเคยอยู่ในเงื้อมเงาสหภาพโซเวียต ได้ออกมาเอาใจรัสเซียด้วยแนวคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในแคว้นออสเซเทียใต้ในทำนองเดียวกัน จนลดอาการสั่นกระตุกอำนาจของสหรัฐและนาโต้ที่รักและหวง "น้องใหม่" อย่างจอร์เจียลงไปได้ในเรื่องสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับจอร์เจีย ด้วยเรื่องปัญหาเอกราชของแคว้นออสเซเทียใต้ได้ตกเป็นเป้าโชว์ออฟนโยบายการต่างประเทศใหม่ของคู่แข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐด้วย แต่ทั้งบารัค โอบาม่า แห่งพรรคเดโมแครต และจอห์น แมคเคน อดีตเสืออากาศสหรัฐแห่งพรรครีพับลิกัน ต่างมีข้อสรุปหรือจุดหมายแบบเดียวกัน ด้วยลีลาการดำเนินนโยบายที่ต่างกัน แบบแขนซ้ายกับแขนขวา บนลำตัวเดียวกัน หลายคนยังคงปักใจเชื่อว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ของประเทศคงยังมอบอำนาจตัดสินใจสูงสุดของประเทศ ให้กับคนในสายรีพับลิกัน หรือจอห์น แม็คเคน มากกว่าจะยอมปล่อยสายบังเหียนให้กับนักการเมืองผิวสีอย่างโอบาม่า ถึงแม้นายโอบาม่าจะได้โจ ไบเดน นักการเมืองอาวุโสมาช่วยขับดันความเป็นอเมริกันแท้ๆ ให้แก่ตนด้วยก็ตามส่วนผลเลือกตั้งแท้จริงจะลงเอยอย่างไร ก็ต้องไปดูกันในวันที่ 4 พฤศจิกายน หลังการสตาร์ตชิงชัยรอบสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ แค่สองเดือนเศษๆ ไม่ใช่นานชั่วกัปกัลป์ หรือจนกว่าจะตาย (ทางการเมือง) จากกันไปข้าง อย่างที่เกิดกับสองกลุ่มการเมืองแห่งประเทศสารขัณฑ์ ขณะที่การเมืองระดับชาติของชาวมาเลเซียนั้น ผู้นำการเมืองฝ่ายค้านยุคปัจจุบันอย่างนายอันวาร์ อิบราฮิม ก็ประกาศจะล้มรัฐบาล ผ่านกระบวนการรัฐสภาของมาเลเซีย ให้ได้ภายในเดือนกันยายนภายหลังจากที่ตนได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาจากรัฐปีนังอย่างถล่มทลายชัยชนะและพละกำลังทางการเมืองของนายอันวาร์มีขึ้นทั้งๆ ที่ตัวนายอันวาร์อยู่ระหว่างการประกันตัว ระหว่างการถูกดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหาผิดกฎหมายประเวณี มาตรา 377 จากการแอบไปมีเซ็กซ์กับผู้ช่วยคนสนิทหนุ่ม วัย 23 ปี เมื่อไม่กี่วันกี่เดือนก่อนหน้านี้ ซ้ำซากกับข้อกล่าวหาเมื่อสักสิบปีก่อนที่ศาลสั่งยกฟ้องให้กับนายอันวาร์ไปแล้วอันว่ากฎหมายประเวณีของมาเลเซียนั้น หะแรกก็คิดเห็นกันไปว่า คงเป็นกฎหมายตามคติธรรมทั่วไปของชาติมุสลิม แต่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แท้จริงเป็นกฎหมายที่ผู้ปกครองเครือจักรภพปรับปรุงขึ้นบังคับใช้ในดินแดนปกครองของอังกฤษทั้งหมด ตั้งแต่ยุคต้นรัชกาลที่ 5 ของกรุงสยาม โดยอังกฤษเองเพิ่งปรับปรุงแก้ไขยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน และการมีเพศสัมพันธ์แบบแปลกๆ ผิดปกติธรรมได้ ตั้งแต่ปี 2510 ส่วนประเทศอื่นๆในเครือจักรภพ ส่วนใหญ่ได้ยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ไปนานพอกัน เหลือเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ยังคงใช้กฎหมายฉบับนี้อยู่ ซึ่งก็รวมทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งถือตัวเป็นชาติอนุรักษนิยมด้านเซ็กซ์ โดยเฉพาะในระดับการเมืองการปกครองของประเทศกฎหมายฉบับนี้กำหนดโทษจำคุกสูงสุดไว้นานถึง 20 ปี สำหรับการละเมิดขั้นรุนแรงอย่างที่นายอันวาร์ อิบราฮิม กำลังถูกฟ้องร้องอยู่ส่วนที่สิงคโปร์นั้นยังคงใช้แค่มาตราที่เป็นบทลงโทษจำคุกสูงสุด นานไม่เกิน 2 ปี...

ที่มา:http://www.matichon.co.th

4 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
Unknown กล่าวว่า...

นั่นนะสินนะเห็นด้วยกะหัวข้อนี้ครับ

แหมมันวุ่นวานกันจิงๆเลยนะบ้านเมืองเรา

ไม่รูว่าข้อยุติจะเป็นไง อันนี้ต้องติดตามกันต่อไป

Thanongsak 5131601327

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การเมืองแต่ละมุมโลกก้อมีอะรัยต่างๆ


ทั้งดีขึ้น แย่ลง

แตกต่างกันไปในสถานการณ์ของแต่ละประเทศ

แต่การเมืองจาคู่กับอะไรไม่ได้นอกจาก หมอดูมั้ง

แต่ของไทยนี่สิดูเหมือนจาแย่แล้ว


่ีjutarat 5131601023

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

การเมืองที่ไหนก็ไม่สู้ที่ประเทศไทย!!